ฟ่านอวี้เหยาตกใจที่ผ้าคลุมหน้าตนล่วงหล่นลงพื้น ขณะเดียวกัน มีสตรีนางหนึ่งที่ยืนอยู่ไม่ห่าง ฝ่ายนั้นดูเหมือนจะเป็นแม่ค้า ทั้งนึกสงสารหญิงสาวจึงส่งหมวกตาข่ายให้ นางจึงรับมาแล้วใช้อำพรางใบหน้าตนด้วยความรวดเร็ว อย่างน้อยก็ไม่ให้บุรุษอื่นได้ยลโฉมผู้เป็นเจ้าสาวก่อนชายคนรัก
ฝายทหารตัวอ้วนล่ำ หัวเราะเสียงน่าเกลียดและพูดว่า
“โอ้ ที่แท้แม่นางผู้นี้ก็สตรีที่ถูกส่งมาเป็นของเล่นพวกพ่อค้าหน้าเลือด ที่ค้าขายแบบเอารัดเอาเปรียบผู้อื่น คิดแล้วก็เสียดายความงามกับเนื้อตัวนุ่มนิ่ม ความสาวที่มีคงถูกใช้จนบอบช้ำหมด จงรู้เอาไว้เถิด แต่งเข้าสกุลเซียวยามนี้ ย่อมไม่ต่างจากก้าวขาลงขุมนรก เพราะเจ้าคงโดนร่างแหไปด้วย ดีหน่อยก็ถูกเนรเทศไปใช้แรงงาน หากเลวร้ายคงเดินเข้าเหมืองนรกไม่ได้่เห็นเดือนเห็นตะวันอีก”
ฟ่านอวี้เหยาขมวดหัวคิ้วเรียวสวยเข้าหากัน นางไม่เข้าใจสิ่งที่ทหารผู้นี้กล่าว
“โถ เจ้าคงเป็นคุณหนูในห้องหอโดยแท้ ถูกเลี้ยงดูไว้เป็นเสื้อผ้าให้บุรุษสวมใส่เท่านั้น พอพวกเขาเบื่อก็สลัดทิ้งอย่างไม่ใยดี เดี๋ยวข้าจะบอกให้เอาบุญ ยามนี้บ้านเมืองกำลังจะมีการเปลี่ยนแปลง มิช้า พวกคนชั่วคงถูกกวาดล้าง หากแม่นางยังเบาปัญญาไม่รู้จักระมัดระวังตัว เกรงว่า คงสิ้นลมหายใจอย่างไร้ค่า” นายทหารคนดังกล่าวพูดจบ ก็ก้าวยาวๆ หมายฉุดกระชากร่างบอบบางของฟ่านอวี้เหยา
การหวีดร้องด้วยความตกใจของฟ่านอวี้เหยา เป็นเหตุให้คนอารักขาของนาง ที่ถูกสั่งให้ไปรวมตัวกันที่มุมกำแพงเมืองด้านนอกต่างอดทนไม่ไหว พวกเขาแม้จะเป็นหน่วยคุ้มกันรับจ้าง แต่รับรู้ถึงความมีเมตตาของสตรีผู้นี้ตลอดการเดินทาง อีกทั้งบิดานางคือหมอเซียว ผู้ที่คนให้การยอมรับว่าเป็นหมอเทวดา ส่วนนาง ระหว่างเดินทางทั้งรถม้า และลงเรือ จนมาถึงที่เมืองโยว ก็แสดงน้ำใจเสมอ เช่นนี้จะให้นางถูกรังแกได้อย่างไร
ยามนั้นหลายชีวิตจึงฝืนการควบคุมตัว โผนทะยานมาช่วยเหลือผู้เป็นเจ้าสาว จึงเกิดการเตะต่อยใช้กำลังอย่างรุนแรง ซึ่งกินเวลาหลายอึดใจ ทว่าสุดท้ายทหารที่มีจำนวนมากกว่า ได้ไล่ต้อนพวกเขาให้จนมุม ก่อนที่หลายคนจะใช้ช่วงเวลาชุลมุนนั้นหลบหนี
ส่วนจิ่งหรูยืนขึ้นได้ แม้เจ็บจนน้ำตาไหล แต่ก็ก้าวกะเผลกๆ ไปหาฟ่านอวี้เหยา
“เสี่ยวหรู เจ้าต้องมาเจ็บตัวเพราะข้าโดยแท้”
“ไม่เป็นไรคุณหนู บ่าวเกิดมาเพื่อปกป้องท่าน คนรับใช้คนสกุลฟ่าน ถูกอบรมให้ตายแทนเจ้านาย แต่บ่าวอ่อนด้อยเรื่องวิชายุทธ์ แขนไร้เรี่ยวแรง ขาวิ่งไม่ไว ดังนั้นขอเอาตัวรับดาบ รับธนู แทนคุณหนูก็แล้วกัน”
จิ่งหรูกล่าวจบ ก็กลั้นก้อนสะอื้นของตนเอาไว้ และใช้ร่างบอบบาง เป็นเกราะมนุษย์ ไม่ให้ผู้ใดเข้าใกล้เจ้านายตน
“ฮ่ะๆ ๆ ดี หากนางคือฮูหยินน้อยสกุลเซียวจริง ข้าจะได้จับตัวไปพร้อมๆ กันเสียให้หมด”
ทหารอีกคนซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มเอ่ย แต่อีกคนที่อยู่ใกล้ๆ ถลึงตาใส่ ข้อมูลที่่ได้รับมายังไม่อาจแจ้งความเอาผิดสกุลใดในเมืองนี้ได้ ต้องรอหนังสือคำสั่งอย่างเป็นทางการเสียก่อน
“ท่านหมายความเช่นไร คุณชายรองเซียว มิใช่คนที่ใครจะมากล่าวหาพล่อยๆ ได้ เรื่องนี้ควรรู้ไว้เสียด้วย”
เมื่อหายจากอาการตกใจ ฟ่านอวี้เหยาก็ต่อปากต่อคำกับทหารเลว นางมั่นใจว่าเซียวเจี้ยนอี้เป็นคนดี และเขากำลังจะไปรับตำแหน่งผู้ตรวจการในอีกไม่ช้า
“แม่นาง อย่างที่ลูกน้องข้าบอก บัดนี้บ้านเมืองถึงคราวกลียุค คนที่มีกำลังในมือย่อมพลิกดำให้เป็นขาว ส่วนเจ้ารูปโฉมงามเช่นนี้ ทางที่ดี หาสามีที่เป็นทหารไว้คุ้มกันตัวเถิด ขุนนางฝ่ายบุ๋น หรือพวกพ่อค้า ไม่นานต้องออกไปจับดาบร่วมรบอยู่ดี”
“ฮึ บ้านเมืองไม่สงบเพราะมีพวกท่านมากกว่า แล้วก็หยุดข่มเหงผู้อื่นเสียที รู้หรือไม่ ทหารมีหน้าที่ปกป้องบ้านเมือง ดูแลความสงบ อีกทั้งสมควรให้ความช่วยเหลือพี่น้องร่วมแคว้น”
“เหลวไหล มีปัญญาคิดอ่านได้เพียงเท่านี้ เพราะแม่นางเป็นเพียงสตรีไร้สมอง ทำได้แค่ให้บุรุษเย่อและคอยคลอดลูกสินะ ไป รีบเข้าไปรวมกลุ่มตรงนู้น หากตรวจสอบทุกซอกทุกมุมอย่างละเอียดด้วยสายตา และสองมือข้าแล้ว เจ้ากับเด็กเหลือขอนั่น จึงจะเข้าไปในเมืองชั้นในได้”
ฟ่านอวี้เหยาที่รวบรวมความกล้าหาญที่มีทั้งหมดเมื่อครู่ การสื่อสารของนางที่ใช้เสียงดังออกไป ก็ทำให้แปลกใจตัวเองไม่น้อย ปกติไม่ใช่สตรีที่รับมือคนอื่นได้ง่ายๆ นั่นเป็นเพราะวันๆ เอาแต่ดูแลโรงสมุนไพร คิดค้นตำรับยาเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น อีกทั้งร่างกายนางแม้ไม่ได้บอบบางหรือขี้โรค แต่ก็ขลุกตัวอยู่แต่ในพื้นที่จำกัด นางจึงมักตื่นกลัวคนแปลกหน้า และที่นางกล้าโต้เถียงเช่นนี้ เพราะวิญญาณที่มาสวมร่างนี้ จะไม่ยอมให้ตนต้องอยู่ในสถานการณ์เลวร้าย หรือถูกพวกชั่วช้าข่มเหงอีก
“พวกท่านมีสิทธิกล่าวเช่นนี้กับคุณหนูข้าได้หรือ”
จิ่งหรูว่าด้วยน้ำตา นางไม่อยากให้เจ้านายสาวถูกใครดูแคลนหรือเหยียดหยาม แม้ยามนี้บอบช้ำภายในร่างกายไม่น้อย
“ฺฮ่ะๆ ๆ ได้สิ เพราะกำลังจะไปเป็นคนสกุลเซียว พวกที่ค้าขายอย่างฉ้อฉล จนร่ำรวยผิดวิสัย แต่ก่อนเข้าเมืองชั้นใน แม่นางต้องให้พวกข้าต้องตรวจอย่างละเอียด นี่คือระเบียบใหม่
และถ้าอยากเข้าหอกับบุรุษแซ่เซียวจนตัวสั่น จงรีบเปลืองผ้าเจ้าตรงนี้เถิด ให้ข้าได้เห็นประจักษ์ด้วยสายตาว่า ไม่ได้ลักลอกนำสิ่งใดเข้าเมืองโยว อีกอย่างตอนนี้กำลังของแม่ทัพปู้ เข้ามาควบคุมทุกอย่างแล้ว ใครจะทำสิ่งใดต้องมีบันทึกแน่ชัด ที่สำคัญให้งดงานรื่นเริงทั้งหมด งานแต่งของคนสกุลเซียวก็ไม่ละเว้น”
ทหารผู้นี้ถึงไม่หยาบคายเท่าคนแรก แต่เมื่ออยู่ด้วยกันเป็นหมู่คณะ ย่อมมีนิสัยชั่วช้าและกดขี่ห่มเหงราษฎรไม่ต่างกัน
“ผู้เป็นนายของท่านคงมีอำนาจล้นฟ้า ถึงได้ออกคำสั่งที่ส่งผลให้ผู้อื่น ต้องทำเรื่องน่าอัปยศเช่นนี้” ฟ่านอวี้เหยาตอบโต้กลับ
“ฮ่ะๆ ๆ กองทัพอาชาเหินหาว ย่อมอยู่เหนือราษฎร ที่มีแต่สร้างความยุ่งยากให้พวกข้าต้องดูแล โดยเฉพาะสตรีเช่นเจ้า ที่ดูอย่างไร ก็ไม่ควรสวมชุดเจ้าสาว”
ฟ่านอวี้เหยาโกรธจัด นางไม่ใช่คนร้ายกาจ ทว่าหากจะให้เสียน้ำตา หรือแสดงความอ่อนแอให้คนพวกนี้เห็น ย่อมไม่สร้างประโยชน์อันใด นางจึงรอจังหวะที่จะสั่งสอนคนพวกนี้บ้าง และพอเขาดึงร่างจิ่งหรูออกไป นางจึงใช้โอกาสเดียวที่มี หมายแทงปิ่นปักผมเจ้าสาวใส่ลำคอทหารผู้นั้น!
ทว่านางยื่นมือออกไปแล้ว แต่ไม่อาจทำสิ่งใดสำเร็จ พวกทหารที่ยืนล้อมอยู่ต่างชักดาบออกมา หมายทำร้ายนางให้ถึงตายทีเดียว
จังหวะเดียวกัน จู่ๆ มีม้าตัวโตโผล่มา พร้อมร่างสูงใหญ่เป็นผู้ขี่ ซึ่งทั้งที่ห่างกันเกือบสองช่วงตัว ทว่าแส้ยาวของอีกฝ่ายที่สะบัดมาด้วยความเร็วแรง ฟาดเข้าใส่แขนฟ่านอวี้เหยาพอดี
ปิ่นทองทองยังอยู่ในมือเรียว และนางกำมัดเอาไว้ แต่แขนสั่นสะท้าน
ยามแรกนางแค่ชา ราวๆ อึดใจต่อมา นางรับรู้ได้ว่าภายใต้แขนเสื้อมีเลือดไหลซึม
“หึๆ บังอาจทำร้ายทหารของข้า หรือเจ้าไม่กลัวการถูกส่งเข้าคุกทหาร และไต่สวนอย่างเหี้ยมโหด”
ยามนั้นฟ่านอวี้เหยาเจ็บที่แขน หน้าซีดด้วยเสียเลือด แต่ยังฝืนเงยหน้า มองท้าทายยังบุรุษที่นั่งบนม้า ซึ่งส่งไอสังหารพวยพุ่งออกมาปะทะร่างหญิงสาว
“ทหาร ใช่ พวกท่านเป็นหทารเช่นใด ถึงข่มเหงผู้อื่น อีกทั้งไร้ศีลธรรม หรือเพราะมีหัวหน้าอย่างคนแซ่ปู้ ที่สร้างกองทัพเลวๆ ขึ้นมา”
น้ำเสียงนางอ่อนแรง ร่างกายแทบทรงตัวไม่ไหว ทว่าการท้าทายด้วยคำพูด และดวงตาที่มุ่งมั่น ทำให้บุรุษที่ใช้แส้ฟาดนาง แยกเขี้ยว แล้วตวาดเสียงดัง
“อยากไปเป็นเจ้าสาวเข้าห้องหอกับบุรุษใด จบรีบไสให้พ้นหน้าข้าเสีย ครั้งนี้ไม่เอาผิดเจ้า แต่ถ้าอยากแขวนป้ายรับใช้ ทหารในกองทัพ จงกระโดดขึ้นหลังม้าข้าเดี๋ยวนี้ รับรองว่า แม่นางจะได้ทำหน้าที่สมเกียรติ ในชุดเจ้าสาวที่เปรอะเปื้อนด้วยน้ำกามบุรุษแน่นอน! ”
ปากสุนัขของคนผู้นั้น ทำให้ฟ่านอวี้เหยามีแรงฮึดอย่างมหาศาล ซึ่งไม่รู้ว่าสิ่งต่อจากนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่ปิ่นในมือนางที่ปลายของมันแหลมคม ซึ่งชุ่มด้วยเลือดถูกเขวี้ยงออกไปอย่างสุดกำลัง!