ตอนที่ 1 นักเขียนนิยาย

2822 Words
ตอนที่ 1 นักเขียนนิยาย ปลายนิ้วเรียวของฉันกดลงบนแป้นพิมพ์โปร่งใสที่ลอยอยู่บนอากาศอย่างรวดเร็วและไม่มีหยุดชะงัก แต่สายตาของฉันไม่ได้มองไปยังตัวอักษรที่พิมพ์ลงไปเลยแม้แต่น้อย นั่นก็เพราะว่าสายตาของฉันมองตรงไปยังภาพตรงหน้าเพียงอย่างเดียว นั่นก็เพื่อไม่ให้ตัวเองพลาดฉากสำคัญตรงหน้าและก็เพื่อไม่ให้ตัวเองพลาดการบันทึกเรื่องราวที่เห็นฉันจึงขยับนิ้วพิมพ์บรรยายอย่างรวดเร็ว แวมไพร์สาวฝังเขี้ยวลงไปบนคอของเหยื่อและดูดเลือดแสนอร่อยเข้าปากอย่างเชื่องช้าเพื่อลิ้มรสเลือดอันแสนหวานของชายหนุ่ม และชายหนุ่มผู้ถูกกัดก็ครางออกมาอย่างพอใจ ความสุขที่โดนกัดทำให้เขาล่องลอยไปสู่โลกอื่น? ต่อด้วย... ทั้งสองพาร่างของกันและกันไปต่อที่เตียงโดยที่ไม่ยอมผละออกจากกันแม้แต่เสี้ยววินาที เสื้อผ้าของทั้งสองถูกกระชากออกโดยฝีมือของฝ่ายตรงข้าม ไม่นานพวกเขาก็ไม่มีเสื้อผ้าหลงเหลืออยู่บนร่างกาย แวมไพร์สาวคลอเคลียริมฝีปากไปทั่วแผงอกอันแข็งแกร่งของชายหนุ่มก่อนที่จะกัดไหล่ของชายหนุ่มอย่างรักใคร่(?) คู่รักที่มีแต่กลิ่นคาวเลือดและความดิบเถื่อนเช่นนี้มันช่างเร้าใจนัก มือของชายหนุ่มลูบไล้ไปทั่วร่างหญิงสาวและไปหยุดที่.... ผลัวะ!! ยังไม่ทันได้บันทึกฉากพิเศษหัวของฉันถูกตบคว่ำด้วยฝีมือของใครบางคน ฉากที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มของปีศาจสองตนหายวับไปทันที แป้นพิมพ์ที่ใช้พิมพ์เมื่อครู่ก็จางหายไปเช่นกัน “นิรา! ฉันเรียกเธอตั้งนานทำไมไม่ตอบสักที!” แพรว เพื่อนสาวของฉันตะโกนใส่หูของฉันอย่างโมโห ฉันกะพริบตาปริบๆ และมองสถานที่ปัจจุบันของตัวเอง ฉันยังนั่งอยู่บนโซฟาในบ้านของตัวเอง “โทษที” ฉันหันไปขอโทษแพรวเบาๆ เมื่อรวบรวมสติได้ ฉันมีชื่อว่านิรา นามปากกาจากการเขียนนิยายก็คือ เลล่า ฉากที่ฉันเห็นและบรรยายไปเมื่อกี้ไม่ใช่อะไร มันก็คือการมองข้ามโลกของฉัน พลังนี้เรียกว่า God eyes หรือจะเรียกว่า ดวงตาพระเจ้า ก็ได้ ซึ่งการใช้มันก็เหมือนกับการถอดจิตไปดูสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกอื่น ฉันได้รับพลังนี้มาจากคนที่เรียกว่าตัวเองคือ พระเจ้า จากทางจดหมายที่ส่งผ่านมาทางเมล์ คนที่เรียกว่าตัวเองคือ พระเจ้า บอกกับฉันว่าฉันเป็นอีกหนึ่งคนที่จะสามารถช่วยโลกได้โดยให้คำอธิบายว่าในตอนนี้โลกมากมายต่างหมดพลังและกำลังแตกสลาย การที่จะช่วยให้โลกเหล่านั้นอยู่ต่อไปได้ก็คือ บุคคลจากโลกอื่นจะต้องรับรู้การมีอยู่ของคนจากอีกโลก ความรู้สึกของคนจากอีกโลกที่มีต่อคนจากอีกโลกจะทำให้โลกที่กำลังล่มสลายได้รับพลัง ซึ่งวิธีที่จะทำให้คนจากต่างโลกจะรับรู้ถึงการมีอยู่ของอีกโลกได้ก็คือการอ่าน ข้อสรุปจึงออกมาว่า นักเขียนสามารถช่วยได้ ซึ่งนักเขียนผู้ถูกเลือกก็จะต้องใช้พลังดวงตาพระเจ้าที่ได้รับมองข้างไปยังอีกโลก จากนั้นก็เลือกก็ได้มาและเอาเรื่องราวชีวิตของคนคนนั้นมาเขียนเป็นนิยายลงเว็บ Go - D เพื่อให้ผู้คนจากต่างโลกได้อ่าน นักอ่านที่มีความรู้สึกร่วมกับนิยายเหล่านั้นก็จะสามารถสัมผัสได้ว่าตัวละครในหนังสือเหล่านั้นมีตัวตนอยู่จริง สิ่งพวกนั้นจะช่วยเป็นพลังให้กับโลกที่พวกเขารู้จักในนามของนิยายเรื่องหนึ่ง ส่วนเว็บ Go - D เป็นเว็บอ่านนิยายที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้เข้ามาอ่านและลงนิยายของตัวเองฟรี ก่อนที่ฉันจะได้รับดวงตาพระเจ้ามาฉันก็เขียนนิยายของตัวเองและนำไปลงในเว็บ Go - D แห่งนี้จนกระทั่งมีสำนักพิมพ์หันมาสนใจ นิยายบางเรื่องของฉันจึงได้กลายเป็นเล่มไปแล้ว นับตั้งแต่นั้นมาฉันก็ตัดสินใจที่จะทำอาชีพเป็นนักเขียนนิยายหลังจากเรียนจบมหาลัย ฉันเขียนนิยายมากมายตามอารมณ์จนกลายเป็นคนที่มีชื่อเสียงในหมู่คนอ่านนิยายแฟนตาซี จนกระทั่งเมื่อหนึ่งเดือนก่อนที่เพิ่งฉันได้รับพลังมา ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉันจะได้รับความสนใจจากพระเจ้าจนได้พลังดวงตาพระเจ้ามาพร้อมกับระบบ Writer อย่างที่บอกไปดวงตาพระเจ้าทำให้ฉันรู้ว่าโลกในมิติอื่นมีอยู่จริงและมันมีโลกที่ฉันไม่รู้จักมากกว่าจำนวนดวงดาวบนฟ้าซะอีก มันมีทั้งโลกแฟนตาซีที่เต็มไปด้วยปีศาจและเวทมนต์และโลกอนาคตที่การเดินทางระหว่างดวงดาวเป็นเรื่องปกติ ในตอนแรกฉันก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรบ้างกับพลังนี้จึงลองผิดลองถูกไป นั่นทำให้ฉันได้รู้ว่าระหว่างที่ฉันมองข้ามมิติไปยังอีกโลก เวลาของโลกที่ฉันอาศัยอยู่และโลกเหล่านั้นมันต่างกัน หนึ่งวันของอีกโลกจะเท่ากับห้านาทีของโลกที่ฉันอาศัยอยู่ และด้วยระบบ Writer ที่ได้มาพร้อมกับดวงตาพระเจ้าฉันสามารถทำได้หลายอย่าง เช่นเรียกแป้นพิมพ์และหน้าจอข้อมูลออกมาจากกลางอากาศได้ตลอดเวลา อย่างที่ฉันทำตอนแรก ดูสิ่งที่เกิดขึ้นและพิมพ์บรรยายเป็นตัวอักษรไปด้วย ที่จริงมันสามารถกดบันทึกวิดีโอได้ด้วยแต่ฉันไม่ทำเพราะอยากเห็นฉากเหล่านั้นด้วยตาของตัวเอง พอได้บรรยายในระหว่างที่ดูด้วยตาตัวเองมันได้อารมณ์ดีกว่าตั้งเยอะ ที่ผ่านมาฉันทดลองเขียนตอนสั้นมาหลายเรื่องจึงรู้ว่าเมื่อยอดวิวเพิ่มขึ้นหนึ่งฉันจะได้เหรียญเงิน 100 เหรียญ หากมีหนึ่งความคิดเห็นฉันก็จะได้เหรียญทอง 100 เหรียญ มันจะปรากฏขึ้นมาในแอปพลิเคชัน Writer shop ที่อยู่ในระบบ Writer อีกที ฉันสามารถนำเหรียญไปแลกเงินจริงได้ด้วย ซึ่งเหรียญทอง 1 เหรียญแลกเป็นเงินบาทได้ตั้ง 1000 บาท! แถมยังสามารถใช้เหรียญซื้อสินค้าต่างๆ ใน Writer shop ได้อีกด้วย ไม่ออกจากบ้านมันแล้วโว้ย! นั่งปั่นนิยายทั้งวันดีกว่า! แม้บางครั้งฉันจะคิดว่าการทำแบบนี้มันใช่การเขียนนิยายแน่เหรอ? ทั้งที่นิยายควรมาจากจินตนาการของผู้เขียนที่สามารถเขียนเล่าออกมาเป็นเรื่องราว สิ่งที่ฉันทำก็เหมือนการบันทึกชีวิตของคนอื่นเพียงเท่านั้น แต่ฉันก็ได้เลิกคิดเรื่องนี้ไปเพราะสิ่งที่ฉันทำมันช่วยโลกที่น่าสนใจเหล่านั้นให้คงอยู่ต่อไปได้ ฉันสนุกกับการมองไปยังต่างโลกและมีความสุขกับเงินมากมายที่ได้มา และที่สำคัญ ฉันสนุกที่คนอื่น ๆ ได้อ่านเรื่องราวของคนที่ฉันเลือกบันทึกเป็นตัวอักษรให้พวกเขาได้อ่าน “ยัยนิราตกลงเธอฟังฉันรึเปล่า!?” แพรวเริ่มโมโหหนักกว่าเดิมเมื่อฉันเผลอเหม่อลอยไป แหม เผลอเล่าซะยาวเลย “ฟังสิ ฟัง....ว่าแต่ เธอพูดว่าอะไรนะ?” และฉันก็ถูกตบหัวไปอีกทีหนึ่ง แพรวเริ่มบ่นเมื่อเห็นฉันอยู่แต่ในบ้านไม่ยอมออกไปไหน ด้วยเหตุนี้เองบทสรุปจึงออกมาว่าฉันต้องออกจากบ้าน เพียงไม่นานแพรวก็ลากฉันเข้าไปในห้างที่แสนจะเย็นฉ่ำจนหนาว เราเดินเข้าไปในร้านอาหารเป็นอย่างแรกเพราะตั้งแต่เช้าจนเกือบเที่ยงแล้วฉันยังไม่ได้กินอะไรเลย “กินเยอะๆ ช่วงนี้เธออยู่แต่ในบ้านได้ทานอาหารครบเวลาบ้างไหมก็ไม่รู้” แพรวบ่นออกมาอีกแล้ว แต่ฉันดูออกว่าเธอเป็นห่วงฉันมาก ฉันยิ้มให้แล้วเริ่มยัดข้าวเข้าปาก แต่ขณะที่เคี้ยวข้าวอยู่นั่นฉันก็หันไปเห็นคู่รักที่นั่งโต๊ะข้างหน้า นี่เป็นการมาออกเดตครั้งแรกของพวกเขา หญิงสาวสั่งอาหารอย่างเงอะงะขณะที่สายตามองเมนูอาหารสลับกับใบหน้าชายหนุ่ม ชายหนุ่มที่รู้ตัวว่าถูกแอบมองจึงเงยหน้ามองหญิงสาวที่นั่งฝั่งตรงกันข้าม เขาขยับยิ้มขำเบาๆ กับความน่าเอ็นดูของเธอ เห็นแล้วมันทำให้เขาอดไม่ได้ที่เท้าคางแล้วจ้องมองหญิงสาวตอบ ฝ่ายหญิงเขินอายกว่าเดิม ว้าว! คู่รักที่น่าอิจฉา คู่นั้นก็ด้วย เห็นแล้วอดบรรยายไม่ได้เลยแฮะ คิดแล้วอยากกลับไปเขียนนิยายจริงๆ “ตั้งใจกินหน่อย เหม่ออะไรอีก เพราะไม่ได้กินข้าวตามเวลาสินะสติสตังถึงหายไปหมดแบบนี้” แพรวเอ่ยเตือนฉันอีกครั้ง ฉันจึงรีบกินแล้วควักโทรศัพท์ออกมา ฉันกดอัพเดตนิยายที่ได้เขียนไปก่อนหน้านี้ก่อนที่จะถูกแพรวลากออกจากบ้าน มันเป็นเรื่องสั้นเกี่ยวกับความรักของแวมไพร์สาวตนหนึ่ง แม้มันจะถูกตัดฉากกลางคันตอนที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มแต่ก็พอถูไถไปได้ อีกอย่างยังไงฉันก็ไม่คิดจะเขียนเรื่องติดเรทอยู่แล้วเพราะทุกครั้งที่เห็นเรื่องติดเรทฉันจะจดจ่ออยู่กันมันจนลืมเขียนบทบรรยายออกมา.. เมื่ออัพเดตลงไปแล้วฉันก็รอความคิดเห็นของนักอ่านอย่างใจจดใจจ่อ! “ยัยนิรา! ดาราเกาหลียืนอยู่นั้น!” “หือ!? ไหน?” ฉันเงยหน้าขึ้นทันทีเมื่อได้ยินอย่างนั้น แต่เมื่อมองไปรอบ ๆ ฉันก็ไม่เห็นอย่างที่หวังเลย ฉันจึงรู้ว่าโดนหลอกซะแล้ว “เล่นอะไรเนี่ย” ฉันหันไปทำหน้าบูดใส่เพื่อนสาว “ก็เธอเอาแต่ก้มหน้ามองมือถือนี่หว่า คนหล่อระดับดาราเดินผ่านเธอก็คงไม่มีวันรู้ตัวหรอก” แพรวส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจ เธอเริ่มเหมือนแม่ของฉันมากขึ้นเรื่อย ๆ “เดินผ่านไปสิยังไงผู้ชายต่างโลกก็หล่อกว่า” พึมพำเบาๆ “อะไรนะ?” “ไม่มีอะไร” ฉันทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แล้วก้มอ่านความคิดเห็นที่เด้งขึ้นมาเรื่อย ๆ “ไปดูหนังกันต่อไหม” แพรวเสนอ “ไปสิ” ฉันพยักหน้าหงึกหงักขณะไล่อ่านความคิดเห็นของนักอ่านต่อ จิ้งจกแดง: มันได้อารมณ์ยิ่งนัก แต่ถ้ายาวกว่านี้จะดีกว่านะคุณเลล่า ดอกบัวแดง: ใช่ ช่วงนี้คุณแต่งเรื่องสั้นเยอะเกินไปแล้ว แพนด้าแดง: กลับมาแต่งนิยายเรื่องยาวเถอะคุณเลล่า พวกเรารออยู่! ไก่แดง: เราโหยหาเรื่องยาวของคุณแล้ว! และอีกหลายความคิดเห็นที่ขอให้ฉันกลับไปเขียนนิยายเรื่องยาวอีกครั้ง พวกเขาส่งเสียงเชียร์กันเต็มที่จนมันส่งมาถึงฉัน ฉันอยากเขียนนิยายเรื่องยาวตอนนี้! ไม่รอช้าฉันรีบวิ่งกลับบ้าน “เดี๋ยว! เธอจะไปไหนน่ะนิรา!” แพรวเรียกไว้แทบไม่ทัน “ไม่ดูหนังแล้ว ฉันต้องกลับบ้านด่วน!” ฉันรีบวิ่งกลับบ้านทันทีไม่สนเสียงเรียกของแพรวที่ร้องตามมา “เธอรีบเรียนจบมหาลัยเพื่อมาเป็นนีทเหรอยะ!!” ไม่มีอะไรมาหยุดจิตวิญญาณนักเขียนของฉันได้ ในขณะที่ฉันกำลังกระตือรือร้นฉันต้องรีบเคลื่อนไหวก่อนที่จะหมดไฟ ฉันกลับถึงบ้านในเวลาที่รวดเร็วกว่าตอนออกจากบ้าน จากนั้นฉันก็ตรงไปนอนบนเตียง ฉันคิดว่าจะไปส่องอีกโลกหนึ่งสักเดือนหนึ่งหรือสองชั่วโมงในโลกนี้ ฉันเป็นพวกนั่งเกินชั่วโมงไม่ได้เพราะมันจะปวดเมื่อยร่างกายมาก ฉันจึงต้องนอนนี่ล่ะ เมื่อจัดท่าเรียบร้อยฉันก็หลับตาลง ไม่ใช่ความมืดที่ฉันเจอแต่เป็นท้องฟ้าที่สดใส ตอนนี้ฉันอยู่ในร่างจิตที่คล้ายกับร่างวิญญาณ ข้อดีของร่างนี้คือจะไม่มีใครสามารถมองเห็นฉันได้และร่างกายก็นี้เบามากและสามารถทะลุได้ทุกสิ่งอีกด้วย และร่างจิตของฉันก็มีรูปลักษณ์เหมือนฉันทุกอย่าง ทั้งความสูง 160 เซนติเมตร เส้นผมสีดำยาวและดวงตาสีน้ำตาลอ่อน แต่ชุดที่ฉันสวมมันไม่เหมือนชุดที่ฉันสวมในโลกของตัวเอง มันเป็นชุดกระโปรงยาวสีดำและรองเท้าส้นสูงสวยงามที่ฉันไม่ค่อยใส่ในโลกของตัวเองเพราะกลัวสะดุดล้มกลางสาธารณะ และที่ฉันชอบที่สุดก็คือต่างหูกระดิ่งแก้วคู่นี้! ซื้อมาจาก Writer Shop เลยนะเนี่ย พวกมันจะส่งเสียงไพเราะทุกครั้งที่ฉันขยับ พวกมันโดดเด่นมากเพราะเป็นกระดิ่งแก้วที่ส่องประกายสีขาวอ่อนๆ ถึงมันดูจะเป็นขั้วตรงกันข้ามกับชุดที่ฉันใส่ก็เถอะ แต่มันก็เข้ากันได้ดีอย่างน่าประหลาด! เอาล่ะ เลิกพูดเรื่องของตัวเองจะดีกว่า ฉันล่องลอยเข้าไปในต่างโลกทันที โลกที่ฉันเลือกไปก็คือโลกปีศาจ ฉันเข้ามาที่นี่บ่อยเพราะที่นี่มีปีศาจที่เหมาะจะเป็นตัวละครเอกอยู่เยอะ โดยเฉพาะแวมไพร์ ฉันชอบเผ่านี้ที่สุด ฉันไปหาปีศาจที่น่าจะมาเป็นตัวเอกในเรื่องยาวนี้ แต่ฉันก็ไม่พบปีศาจที่มีเรื่องราวแปลกใหม่เลยเพราะฉันเข้ามาเขียนบ่อย ๆ หากเขียนออกไปในพล็อตเดิม ๆ มันก็จะมีแต่บรรยากาศเดิม ๆ ไม่น่าสนใจ และหากฝืนเขียนออกไปมันก็เป็นเพียงเรื่องราวชีวิตประจำวันแทนที่จะเป็นเรื่องราวชีวิตที่น่าตื่นเต้น ฉันจึงแวะไปหาปีศาจที่ฉันเคยจับเอามาเขียนเป็นตัวเอกนิยายเรื่องสั้น ซาตานหัวแดง มังกรหัวเขียว พวกนี้หล่อไม่พอนิสัยยังเป็นพระเอกของนักอ่านหญิงหลายๆ คน พวกเขาดังมากในเรื่องสั้น ติ่ง! ในขณะที่ฉันกำลังมองหาตัวละครที่น่าสนใจอยู่นั้นเสียงเตือนข้อความก็ดังเข้ามาผ่านระบบส่งข้อความของ Writer ฉันโบกมือกลางอากาศ หน้าจอโปร่งใสก็ฉายขึ้นมา มันเป็นระบบคอมพิวเตอร์ที่คล้ายกับของอนาคตในหนังมาก ๆ เลยล่ะ ฉันกดเข้าไปในข้อความที่ส่งมาและกวาดสายตาอ่านอย่างแปลกใจ [ข้าเห็นว่าเจ้าหาตัวเอกเรื่องใหม่ข้าแนะนำให้เจ้าไปโลก MP จาก พระเจ้า] ข้อความสั้นๆ ที่แนะนำมาทำให้ฉันสนใจ พระเจ้าถึงกับแนะนำมาเองอย่างนี้ไม่ไปได้ยังไง ฉันไปตามพิกัดของโลก MP ที่พระเจ้าส่งมา ภาพรอบตัวของฉันค่อยๆ หายไปและปรากฏภาพใหม่ขึ้นมาแทน จากอาคารยุโรปในยุคกลางได้เปลี่ยนเป็นตึกกระจกสูงแทน มันเหมือนตึกในยุคของฉันมาก ฉันสงสัยว่ามันเป็นโลกที่น่าสนใจตรงไหน แต่ยังไม่ทันได้ทักท้วงฉันก็เห็นคนลอยผ่านหน้าไป ตามด้วยรถตำรวจลอยได้... “จอมโจรหน้ากาก เราเตือนแกว่าอย่ามาป้วนเปี้ยนที่เมืองมิลเลอร์ของเราอีก!"”เสียงตะโกนดังผ่านลำโพงของรถตำรวจ “ฮ่าฮ่าฮ่า! แน่จริงก็จับฉันให้ได้สิ!” จอมโจรที่ว่าหัวเราะเยาะและรีบกระโดดหนีอย่างว่องไว ฉันมองตามไปอย่างสนใจ “จอมโจรหน้ากากอีกแล้วเหรอ?” “ฉันว่าจอมโจรเคไอดีเท่กว่าตั้งเยอะ พลังจิตของเขามีหลากหลายจนฉันไม่รู้เลยว่าอันไหนคือพลังของเขา” ฉันได้ยินคนที่เดินผ่านไปผ่านมาว่ากันอย่างนั้น ดูเหมือนว่าโลกนี้จะไม่ได้ธรรมดาอย่างที่ฉันคิดแวบแรก มันเป็นโลกสมัยใหม่ที่มีวิทยาการล้ำสมัยและทุกคนก็ใช้พลังจิตกันจนเป็นเรื่องปกติ จากที่ฉันได้สำรวจ ดูเหมือนว่ากฎเกณฑ์ในโลกนี้จะไม่มีผลสำหรับผู้ใช้พลังเท่าไหร่ อาชญากรค่อนข้างเกลื่อนโลก นี่เป็นสิ่งที่ฉันต้องการ เหตุผลที่ฉันไปโลกปีศาจบ่อย ๆ ก็เพราะกฎเกณฑ์การใช้ชีวิตไม่ค่อยมีมาก มันอิสระมาก โลกนี้เป็นโลกที่เหมือนจะมีวิทยาการที่ดีกว่าโลกของฉันบวกกับเรื่องการใช้พลังจิตด้วยแล้วมันทำให้โลกนี้น่าสนใจ ฉันตื่นเต้น น่าสนุกจริงๆ! ฉันทนแทบไม่ไหวที่จะเขียนเรื่องราวของใครสักคนให้กลายเป็นนิยายด้วยการบรรยายของฉันแล้ว! ______________
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD