ตอนที่ 2 ฉันได้พระเอกแล้ว!
ว้าว! ผู้ชายคนนั้นน่าสนใจจริงๆ!
ชายหนุ่มผู้มีเส้นผมสีเทา ดวงตาคมกริบสีแดงและใบหน้าคมเข้ม ไม่มีหญิงใดที่ไม่เหลียวมองตามหลังเขาไป ขายาวของเขาก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคงขณะที่ดวงตาคมกริบของเขายังคงกวาดสายตามองไปรอบด้านเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อย ซึ่งมันคือหน้าที่ของเขา เขาต้องทำงานอย่างหนักเพื่อปกป้องประชาชนจากผู้ร้ายที่ใช้พลังจิตในทางที่ผิดกฎหมาย
โอ๊ะ! คนนั้นก็หล่อไม่น้อย!
เขานั่งไขว่ขาด้วยท่าทีสุขุม มือเรียวยกแก้วกาแฟขึ้นมาจิบช้า ๆ ขณะที่มืออีกข้างกวาดนิ้วไปบนหน้าจอไอแพด แต่ดวงตาเรียวไม่ได้มองไปที่หน้าจอไอแพดแต่อย่างใด เขาจ้องมองไปยังบุคคลหนึ่งโดยไม่ละสายตาไปมองทางอื่น สายตาของเขาตรวจสอบทุกการเคลื่อนไหวของบุคคลนั้น เพราะเขาคือนักสืบ!
โอ๊ย!! ไม่ว่าจะคนไหนก็เหมือนจะเป็นตัวเอกได้หมด นิรากลุ้มใจจังค่ะ!
ฉันกำลังมองหาตัวเอกของนิยายที่จะเขียนอยู่ในขณะนี้ ชื่อเรื่องและทิศทางของเนื้อเรื่องก็คิดไว้แล้วเรียบร้อยเหลือเพียงตัวเอกนี่ล่ะ หายากมาก! ในโลกนี้กำลังวุ่นวายเพราะมีอาชญากรเพิ่มมากขึ้น แบบนี้มันต้องมีตัวเอกที่รักความถูกต้องและพยายามกำจัดพวกองค์กรมืด! ถ้าได้ตัวเอกที่มีความยุติธรรมตามที่ฉันต้องการมันต้องเหมาะกับนิยายที่ฉันกำลังคิดมากแน่ ๆ
ค่อยๆ ให้ตัวเอกต่อสู้กับองค์กรมืดไปเรื่อย ๆ เพื่อให้บ้านเมืองสงบสุข มันก็ไม่เลว และตัวเอกของฉันต้องรักพวกพ้องด้วยก็ดี พอมีสิ่งที่ต้องปกป้องตัวเอกมักจะแข็งแกร่งขึ้น แม้จะเป็นพล็อตทั่วไปแต่มันก็ดูน่าสนใจดีไม่ใช่เหรอกับการต่อสู้ด้วยพลังจิตน่ะ
แล้วตัวเอกต้องมีพลังจิตแบบไหนถึงจะดีนะ?
ฉันพยายามออกตามหาคนที่น่าจะมาเป็นพระเอกแล้ว แต่ส่วนมากคนพวกนั้นจะมีหน้าที่การงานกันอยู่แล้วและไม่มีเป้าหมายอะไรเป็นพิเศษนอกจากทำงานไปวันๆ
ถ้าถามว่าทำไมฉันถึงรู้ประวัติพวกเขาได้น่ะเหรอ? นั่นก็เพราะว่าระบบ Writer ที่ฉันมีอยู่นั่นมันไม่ได้มีไว้แค่ให้เขียนหรือส่งข้อความ มันสามารถแสดงข้อมูลคร่าวๆ ของคนที่ฉันต้องการรู้ได้ด้วย อย่างเช่น ชื่อ อายุ ส่วนสูง น้ำหนัก หรือ ความชอบและความฝัน มันจะเป็นข้อมูลพื้นฐานที่นักเขียนจะต้องรู้
หากไม่รู้ฉันจะสามารถอธิบายออกมาดีได้ยังไงล่ะ?
“เอาคนไหนดีนะ” ฉันพึมพำขณะลอยไปตามถนนที่มีผู้คนพลุกพล่าน แต่เพราะคนเยอะเกินไปฉันจึงแวะเข้าซอยเล็ก ๆ แทน
ในขณะที่ฉันกำลังลอยไปเรื่อย ๆ อย่างไร้จุดหมายฉันก็มาถึงสถานที่ที่ดูเก่ามาก ไม่เหมือนเมื่อครู่ที่สะอาดสะอ้านและทันสมัย ดูเหมือนว่าที่นี่จะเป็นเขตนอกตัวเมือง
ฉันจึงคิดขึ้นมาได้ว่าตัวเอกมักจะเริ่มจากจุดที่ไม่มีอะไรเลย อย่างการเป็นคนจนและบ้านนอก พวกเขาจะมีความคิดที่ยึดมั่นเป็นกฎของตัวเองและไม่ถูกชักจูงจากโลกรอบข้าง และตัวเอกต้องมีปมเกี่ยวกับการทำเรื่องอาชญากรรมด้วย พอตัวเอกเกลียดเรื่องผิดกฎหมายตัวเอกก็จะเข้าสู่เส้นทางแห่งความยุติธรรม!
ในขณะที่ฉันจินตนาการถึงเรื่องราวน่าสนุก ฉันก็ได้พบเข้ากับร้านอาหารแห่งหนึ่งที่มีชื่อว่า โคลเวอร์ ร้านอาหารเล็ก ๆ แห่งนี้ถูกจัดแต่งอย่างสวยงาม ไม่หรูหราแต่ให้บรรยากาศอบอุ่นมากกว่า ฉันลอยทะลุเข้าไปในร้านแล้วกวาดสายตามอง ลูกค้าค่อนข้างน้อยและเด็กเสิร์ฟก็เป็นเด็กสามคนอายุประมาณสิบถึงสิบสามปี
“เด็ก ๆ ได้เวลาพักเที่ยงแล้ว ผมทำอาหารไว้ให้ที่หลังร้าน” ผู้ชายผมสีขาวเดินออกมาจากห้องครัวแล้วพูดขึ้น เขาดูมีเอกลักษณ์ ทั้งใบหน้าที่อ่อนโยน ผมสีขาว ดวงตาหยีตลอดเวลาเพราะมุมปากที่ยกขึ้นไม่ลดลง
เขาเหมาะจะเป็นตัวเอกนะ แต่ก็ยังไม่ใช่ แต่ฉันก็ลองลอยเข้าไปสำรวจเขาใกล้ๆ แล้วตรวจสอบข้อมูลของเขา
ชื่อของเขาคือ โคลว์ ฟรีก อายุ 40 ปี หน้าไม่เห็นเหมือนเลย! เขาเป็นเจ้าของร้านอาหารโคลเวอร์แห่งนี้ เขาเป็นคนใจดีจึงรับเด็ก ๆ ในสลัมมาทำงาน คงเป็นเด็กสามคนที่เป็นเด็กเสิร์ฟเมื่อครู่ แต่ดูเหมือนว่าก่อนที่เขาจะมาทำงานเปิดร้านอาหารตัวเขาเหมือนจะทำอะไรบางอย่างมาก่อน มันกำกับไว้ว่าเขาคือตัวอันตรายต่อรัฐบาลและกรมตำรวจ ดูจะลึกลับ เขาเหมาะจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังมากกว่าจะเป็นตัวเอกเอง
ฉันจึงออกจากร้านแห่งนั้นแล้วไปที่อื่นแทน ซึ่งที่ที่ฉันเลือกไปก็คือสวนสาธารณะ ที่นั่นเก่าและไร้ซึ่งผู้คน แต่ฉันก็พบกับเด็กผู้ชายคนหนึ่ง เขาเป็นเด็กผู้ชายที่ผอมแห้งและมอมแมมมาก ชุดขาดและสกปรก เส้นผมสีดำก็ยุ่งเหยิงราวกับไม่ได้สระผมมานาน
แต่ดวงตาสีม่วงหม่นคู่นั่นกลับดูสวยงามน่ามองอย่างมาก ฉันจ้องมองเด็กผู้ชายคนนั้นที่นั่งอยู่บนม้านั่งสวนสาธารณะอยู่คนเดียว หัวใจของฉันรู้สึกเศร้าขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด ดูแล้วเขาน่าจะเป็นเด็กจรจัดสินะ
ในตอนนั้นเองก็มีลูกหมาจรจัดเดินเข้าไปหาเด็กชายผู้มีดวงตาสีม่วงสวย เขามีปฏิกิริยาเล็กน้อยเมื่อเห็นลูกหมา เขากระโดดลงจากม้านั่งแล้วคุกเข่าลงตรงหน้าลูกหมามอมแมมตัวนั้น เด็กชายตาม่วงนั่งมองลูกหมาตาแป๋วดูแล้วมันน่าเอ็นดูจริงๆ
ลูกมนุษย์และลูกหมาคงสัมผัสได้ถึงความสัมพันธ์บางอย่างจากกันและกันเนื่องจากพวกเขาถูกทิ้งเช่นกัน นั่นจึงทำให้พวกเขาเข้าใจกันและกัน ลูกหมาเข้าไปคลอเคลียมือของเด็กชายก่อนจะเห่าพร้อมสะบัดหางอย่างอารมณ์ดี เด็กชายจึงยื่นมือออกไปอย่างลังเลและ.....ตบหัวลูกหมาดังผัวะ!
เดี๋ยว!? ตบหัวดังผัวะเหรอ?? ไม่ใช่ว่ามันต้องลูบหัวอย่างเงอะงะไม่ใช่เหรอ??
ฉันมองลูกหมาที่ร้องเสียงหลงและวิ่งหนีเด็กชายไป เขามองตามลูกหมาไปก่อนจะเอียงคออย่างสงสัยว่าตัวเองทำอะไรผิดไปรึเปล่า ฉันแอบเหวอ เขาไม่รู้จักการลูบหัวอย่างอ่อนโยนรึไง?
เด็กชายลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปอีกทาง ฉันอดไม่ได้ที่จะตามไป บอกตามตรงว่าฉันแอบสนใจบางอย่างในตัวเด็กคนนั้นเล็กน้อย ความสนใจของฉันที่มีต่อเด็กชายคนนี้มีประมาณสิบเปอร์เซ็นต์ในตอนนี้
ฉันตามเขาไปจนถึงอะพาร์ตเมนต์เก่าๆ แห่งหนึ่ง เด็กชายคนนี้ไม่ได้เป็นเด็กจรจัดอย่างที่ฉันคิด เขามีบ้าน แต่บ้านที่เขาอยู่เป็นห้องเช่าที่....รกร้างมาก
ผัวะ!
“ไปไหนมา” ผู้หญิงในสภาพโทรมๆ พูดเสียงเย็นชาและตบหน้าเด็กชายที่ฉันตามมาเสียงดัง ฉันสะดุ้งตกใจและโกรธผู้หญิงคนนั้นขึ้นมาทันที บ้ารึไง จู่ ๆ ก็ตรงเข้ามาตบเด็กทันทีแบบนี้!
“...” เด็กชายไม่ตอบไม่แม้แต่จะแสดงอารมณ์เจ็บปวดออกมา
ผู้หญิงคนนั้นพ่นหายใจอย่างแรงและสะบัดตัวเดินเข้าไปในห้องครัว เด็กชายก็เดินเข้าไปในห้องโล่งๆ ห้องหนึ่งที่ไม่มีอะไรเลย ดูเหมือนว่าครอบครัวของเด็กคนนี้จะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ดูแล้วเด็กคนนี้อายุเหมือนยังไม่ถึงห้าขวบเลยด้วยซ้ำ
ฉันจึงตรวจดูประวัติและข้อมูลของเขา เด็กคนนี้ชื่อว่า คีอาร์ ไม่มีนามสกุล อายุ 5 ปี แค่ห้าปี! เด็กตัวเล็ก ๆ มาเจอเรื่องแบบนี้ไม่ดีเลย
โครม!
ยังไม่ทันที่ฉันจะได้ดูข้อมูลของคีอาร์มากกว่านั้นประตูข้างนอกก็ถูกเปิดอย่างแรง
“เอาเงินมาให้ฉันได้แล้ว!” เสียงของผู้ชายตะโกนออกมาอย่างโมโห ตามด้วยเสียงข้าวของที่ตกแตกกระจาย พวกทวงหนี้เหรอ? มาถึงก็เรียกหาเงินเลย
“ไม่มี!” เสียงผู้หญิงที่ตบคีอาร์ตะโกนออกไป
“อย่ามาโกหก! ฉันรู้ว่าเธอมี!” และฉันก็ได้ยินเสียงตบตีกัน ฉันหันไปหาคีอาร์ทันทีเพราะไม่อยากให้เขาได้ยิน
“หยุดนะ! แกทำร้ายฉันมากไปแล้วนะ! ฉันก็บอกแล้วว่าไม่มีเงิน! ถ้ายังไม่หยุดฉันก็จะไม่ทนแล้วนะ!” เสียงของผู้หญิงกรีดร้องออกมาอย่างโมโหคล้ายคนเสียสติ
จากนั้นฉันก็ได้ยินเสียงเหมือนพวกเขาต่อสู้กัน ฉันบอกตามตรงเลยว่า ไม่อยากดู แต่คีอาร์ก็เปิดประตูออกไปนอกห้อง
ฉึก!!
และภาพแรกที่ฉันและคีอาร์เห็นก็คือมีดที่ลอยเข้าไปแทงผู้ชายหน้าโหด ผู้ชายหน้าโหดนั่นไม่ได้ตายในทันที เขาสะบัดมือทีหนึ่งผู้หญิงคนที่ควบคุมมีดให้ไปแทงตัวเขาก็ตัวขาดครึ่ง ฉันถึงกับช็อกกับความสยองแต่ก็พอควบคุมตัวเองได้เพราะฉันเคยเห็นภาพแบบนี้ในโลกปีศาจหลายครั้ง มันเป็นภาพที่เลี่ยงไม่ได้ ตัวละครเก่งๆ มักจะต่อสู้กันและจบคงด้วยการตายของคู่ต่อสู้อยู่เสมอ ซึ่งสภาพศพมันไม่สวยงามหรอก
ฉันละความสนใจไปจากภาพตรงหน้าไปหาคีอาร์ เขาไม่ควรเห็นภาพพวกนี้ ฉันอยากจะพาเขาออกไปจากห้องที่เกิดการฆาตกรรมนี้ แต่ดวงตาสีม่วงสวยของคีอาร์ได้จ้องมองไปยังศพของผู้หญิงคนนั้นอย่างตกตะลึง ปากของเขาขยับพูดคำว่าแม่เบาๆ
แม้จะถูกทำร้ายแต่ยังไงผู้หญิงคนนั้นก็คือแม่ของเขาล่ะนะ แต่ฉันไม่รู้จะช่วยเหลือเด็กคนนี้ยังไงดี การเป็นนักเขียนที่ได้รับดวงตาพระเจ้าก็มีกฎเช่นกัน หนึ่งในกฎนั่นก็คือ ห้ามยุ่งเกี่ยวกับบุคคลต่างโลกโดยเด็ดขาดหากไม่มีพันธะระหว่างนักเขียนและตัวละครเอก หรือก็คือห้ามใช้ตัวตนที่เป็นนักเขียนไปยุ่งกับคนที่ไม่เกี่ยวข้อง
หรือที่เข้าใจง่ายๆ กว่านั้นก็คือฉันสามารถสื่อสารได้เฉพาะกับตัวเอกและตัวละครรอบตัวเอกเท่านั้น
ฉันยังลังเลที่จะเลือกคีอาร์เป็นตัวละครเอกของตัวเองจึงไม่รับมาทันที ฉันหันไปมองผู้ชายหน้าโหดในห้องอย่างหวาดกลัวเมื่อเขาได้หันมามองคีอาร์ ฉันกลัวว่าเขาจะลงมือฆ่าคีอาร์จึงรู้สึกอยู่ไม่สุข
“เงินอยู่ไหน!” ผู้ชายหน้าโหดหันมาตะโกนถามคีอาร์แทน เขาส่ายหัวตอบ นายหน้าโหดเลยเตะคีอาร์ไปครั้งหนึ่งเพื่อระบายอารมณ์แล้วเดินไปค้นของในบ้าน
ฉันกัดปากตัวเองแล้วลอยไปใกล้ๆ คีอาร์ที่นอนกุมท้องอยู่อย่างเป็นกังวล ความสงสารทำให้ฉันรู้สึกเจ็บปวดที่ทำอะไรไม่ได้ แต่ฉันควรทำใจ มันมีกฎของนักเขียนอยู่ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นห้ามเข้าไปยุ่งกับใครนอกจากผู้ที่จะเป็นตัวเอกนิยายของตัวเอง ไม่เช่นนั้นมันจะเป็นการเข้าไปเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของคนโลกอื่น
ฉันมาเพื่อช่วยโลกไม่ใช่มาเพื่อทำให้ปั่นป่วนกว่าเดิม
“อึก” คีอาร์ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นแล้วมองคนที่ทำร้ายเขาด้วยสีหน้าไม่พอใจ เขาลุกขึ้นมาอย่างไม่ยอมแพ้และเขาได้เรียกลูกบอลสีดำกลมๆ ที่มีแต่ปากออกมาจากมือเล็ก ๆ ของเขา มันน่าจะเป็นพลังของเขา ฉันรู้ทันทีว่าเขาจะทำอะไร หากเขาทำ เขาก็จะโดนฆ่าตายเท่านั้น
กรุ๊งกริ๊ง!
“ไม่ได้นะหนูน้อยใจเย็นๆ ใจเย็นๆ!” ฉันลนลานพยายามห้ามเขา ต่างหูกระดิ่งแก้วของฉันสั่นไหวขึ้นมาเพราะอารมณ์ตื่นตระหนกของฉัน แต่ยังไงเขาก็ไม่ได้ยินหรือเห็นฉัน เขายังคงมุ่งหน้าที่จะไปตายอย่างเดียว ฉันจึงตัดสินใจในสิ่งที่ไม่เคยคิดจะทำ
ฉันเข้าไปในระบบ Writer แล้วบันทึกทันทีว่าเด็กชายคนนี้คือตัวเอกนิยายของฉัน และเปิดระบบสามารถมองเห็นทันที ระบบนี้จะทำให้ตัวเอกนิยายของฉันสามารถมองเห็นฉันได้และสื่อสารกับฉันได้และสัมผัสตัวกันได้ ระบบนี้มีไว้เพื่อให้นักเขียนอย่างฉันถามความคิดเห็นของตัวละครนั่นล่ะ หากไม่เข้าใจความคิดของตัวละครนักเขียนก็จะสามารถถามพวกเขาได้เพื่อที่จะได้เขียนออกมาได้อย่างถูกต้อง
ซึ่งฉันไม่เคยคิดที่จะใช้เพราะอยากเฝ้าดูอย่างเดียว แค่เห็นท่าทางฉันก็พอจะเดาใจออกจึงไม่เคยใช้มัน แต่ตอนนี้ฉันใช้มันแล้ว!
“หยุดเถอะเด็กน้อย เธอไม่ควรหาเรื่องตายนะ” ฉันไปดักหน้าคีอาร์และพูดกับเขา เมื่อเห็นฉันคีอาร์จึงชะงักแล้วทำหน้ามึนงง
“คุณเป็นใคร?” เขาถามกลับ ซึ่งมันเป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินเสียงของเขา แม้เสียงจะดูแหบแห้งแต่ก็รับรู้ได้ถึงเสียงที่ไพเราะน่าหลงใหล หากโตขึ้นอีกเสียงของคีอาร์คงเทียบได้กับนักร้องเสียงดีเลยทีเดียว
“พี่สาวคือนางฟ้าผู้พิทักษ์ของเธอไงและเราไปจากที่นี่กันเถอะแล้วเธอจะปลอดภัย” ฉันเก็บเรื่องเสียงของคีอาร์ไว้ก่อนแล้วรีบพูดขึ้นมา
“ไม่ล่ะ ไม่มีทางที่จะมีนางฟ้าในโลก” ตากลมโตสีม่วงที่หม่นหมองของเขาจ้องมองมาที่ฉัน มันไม่ได้สดใสและบริสุทธิ์อย่างเด็กทั่วไป
“งั้นเปลี่ยนใหม่ พี่สาวคือผู้เฝ้าดู พี่สาวบอกความจริงแล้วเพราะงั้นไปกันเถอะก่อนที่ผู้ชายคนนั้นจะหันมาฆ่าเธอ” ฉันเอ่ยเสียงจริงจังแล้วคว้ามือเล็ก ๆ ของเขา ฉันพาเขาเดินตรงไปทางกำแพงแต่ก็ต้องชะงักและเปลี่ยนเส้นทางไปที่ประตูแทน ฉันเกือบลืมไปเลยว่าถึงตัวฉันจะบังคับให้ตัวเองทะลุทุกอย่างได้แต่เด็กผู้ชายคนนี้ทะลุไม่ได้
เมื่อฉันพาเขาออกมาจากอะพาร์ตเมนต์แห่งนั้นได้แล้วก็ลังเลว่าจะไปทางไหนต่อ ฉันยังไม่ได้วางแผนว่าจะไปไหนดี ฉันเพิ่งมาที่นี่ได้ไม่นาน จึงไม่รู้อะไรมากนัก แต่ในตอนนั้นฉันก็นึกถึงร้านอาหารโคลเวอร์นั่นขึ้นมา โคลว์ ฟรีก คนนั้นใจดีหวังว่าเขาจะรับดูแลเด็กคนนี้
ฉันเดินนำทางเด็กชายไปที่นั่น คีอาร์เดินตามฉันมาอย่างว่าง่าย ขณะเดียวกันฉันก็เข้าไปใน Writer shop ฉันนำเหรียญเงินไปแลกเงินของโลกนี้ออกมาแล้วเอาไปให้คีอาร์ เผื่อเจ้าของร้านอาหารนั่นไม่รับคีอาร์ แต่ก็ขอให้เด็กชายคนนี้อาศัยอยู่ชั่วคราวโดยแลกกับเงินก้อนหนึ่งที่ฉันให้คีอาร์ไป
ระบบ Writer shop ช่วยทำให้สะดวกสบายจริงๆ การแลกเงินแบบนี้มีเพื่อให้นักเขียนอย่างฉันได้ใช้เมื่ออยากปรากฏร่างที่โลกอื่นในร่างที่สามารถมองเห็นได้ ฉันสามารถมีร่างในโลกอื่นได้โดยการแลกเหรียญทองกับการมีร่างเนื้อที่สามารถปรากฏตัวในโลกอื่น มันจ่ายค่อนข้างมากทีเดียวทำให้ฉันไม่สนใจแลก
เมื่อคีอาร์ไปถึงร้านอาหารโคลเวอร์ ฉันก็ได้ให้คีอาร์พูดตามที่ฉันพูดแล้วให้เขาเอาเงินที่ฉันให้ยื่นให้กับเจ้าของร้านที่ชื่อโคลว์เพื่อขออาศัยอยู่ด้วย แต่โคลว์ไม่ยอมรับเงินและให้คีอาร์อาศัยอยู่ด้วยชั่วคราวฟรีๆ บนห้องชั้นสองของร้าน เขาเป็นคนดีจริงๆ หลังจากนั้นเด็กชายที่ฉันช่วยมาก็ถูกจับอาบน้ำและทานข้าวจากนั้นก็ถูกส่งเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำ
ฉันเฝ้ามองเงียบๆ ในระหว่างนั้นฉันก็ตรวจดูข้อมูลของคีอาร์ต่อ ชื่อของเขาคือ คีอาร์ ไม่มีนามสกุล พลังจิตคือ จอมเขมือบ อายุ 5 ปี เขาอาศัยอยู่กับแม่ที่ตอนนี้อยู่ในสถานะตายแล้ว พ่อยังไม่ตาย ฉันคิดว่าผู้ชายหน้าโหดนั่นน่าจะเป็นพ่อ แต่ดูจากประวัติแล้วดูเหมือนพ่อของคีอาร์จะเป็นคนอื่น
ส่วนผู้ชายหน้าโหดนั่นเป็นพ่อเลี้ยง เขาเป็นลูกน้องขององค์กรหนึ่ง เป็นพวกปลายแถว เขาไม่สนใจภรรยาและลูกเลี้ยง สนุกกับการฆ่าคนไปวันๆ
ดูเหมือนครอบครัวนี้จะมีปัญหากันมากและอาจจะบ่อยด้วย คีอาร์ไม่แม้แต่จะร้องไห้เมื่อแม่ตาย ตอนนี้จิตใจของเขาคงได้บิดเบี้ยวไปแล้วไม่มากก็น้อย ซึ่งมันเป็นหน้าที่ของฉันที่ต้องแก้ไข
จนกว่าเขาจะอายุสิบแปดฉันจะไม่เริ่มเขียนนิยายของเขา นับจากนี้ฉันจะคอยแนะนำให้เขากลายเป็นพระเอกที่ดี!
แต่สำหรับวันนี้ฉันควรให้เขาได้นอนหลับอย่างเต็มอิ่มซะก่อน ซึ่งคีอาร์ในตอนนี้ก็กำลังนอนกอดหมอนแต่ดวงตากลมๆ กลับจ้องมองฉันตาแป๋ว
“ตกลงคุณคือตัวอะไร...ไม่มีใครเห็นคุณเลย” คีอาร์ถามอย่างสงสัยขณะที่นอนกอดหมอนอยู่บนเตียงที่โคลว์เตรียมให้ คงเนื่องมาจากว่าเขาถูกไล่ให้ขึ้นมานอนเร็วเกินไปเขาจึงยังไม่มีท่าทีอยากหลับตาลงเลย
ฉันลงไปนั่งบนเตียงข้างๆ คีอาร์ ตอนนี้ฉันทำให้ร่างกายสามารถสัมผัสของได้จึงไม่ได้ทะลุแต่อย่างใด
“ข้าคือ....ใครสักคนที่ไม่มีตัวตนอยู่บนโลกนี้” เมื่อฉันตอบไปแบบนั้นคีอาร์ก็มองฉันด้วยสายตาว่างเปล่า ประมาณว่า ปัญญาอ่อน! ไม่สิ ฉันต้องมองผิดไปแน่ ๆ เขาอายุแค่ห้าขวบเองนะ เขาควรทำหน้าสงสัยและซักไซ้ถามฉันราวกับเด็กน้อยที่อยากรู้อยากเห็นสิ! “เชื่อพี่สาวสิ พี่สาวพูดจริง ที่พี่สาวมาโลกนี้ก็เพื่อมาบันทึกเรื่องราวชีวิตของมนุษย์”
“หือ? บันทึก? ทุกคนเหรอ?” เขาถามอย่างสงสัย ฉันยิ้มกว้างเมื่อเห็นเขามีปฏิกิริยาเหมือนเด็กอย่างที่ต้องการ
“ไม่หรอก หากบันทึกทุกคนพี่สาวก็เหนื่อยพอดี พี่สาวจะเลือกเพียงคนที่น่าสนใจเท่านั้น จากนั้นพี่สาวก็จะเฝ้าดูคนคนนั้นจนกว่าคนคนนั้นจะฝ่าฟันอุปสรรคจนไปถึงเป้าหมายของชีวิตได้สำเร็จ”
“แล้วคุณเลือกใคร?” คีอาร์ถามต่อ
“พี่สาวเลือกเธอไปแล้ว เพราะแบบนี้ไงจึงทำให้เธอเห็นพี่สาวเพียงคนเดียว” ฉันยิ้มกว้างให้กับคีอาร์ เขาไม่พูดอะไรต่อและซุกหน้าลงไปบนหมอนที่ตัวเองกอดอยู่ ฉันเลิกคิ้วไม่เข้าใจการแสดงออกของเขา ใครว่าเด็กดูออกง่าย เพราะความคิดที่ไม่ซับซ้อนและไม่มากมายเหมือนผู้ใหญ่ทำให้การกระทำบางครั้งของพวกเขามันไม่มีเหตุผลและดูเข้าใจยาก
แม้แต่ฉันที่ดูอารมณ์ของคนอื่นออกอย่างง่ายดายยังไม่เข้าใจอย่างลึกซึ้งเลย แต่หากคิดไม่ซับซ้อนฉันคิดว่าตอนนี้คีอาร์กำลังต้องการความอบอุ่น ดูสิกอดหมอนซะแน่นเลย แม่ของเขาดูเหมือนจะไม่ได้ดูแลเขาดีเท่าไหร่ ดูจากร่างกายของเขาที่สกปรกมากในตอนแรกที่พบกัน และคงโดนปฏิบัติไม่ค่อยดีจึงไม่ได้แสดงท่าทางที่เด็กควรทำ
ฉันยังติดใจจนถึงตอนนี้ว่าทำไมเขาถึงไม่ร้องไห้ตอนแม่ตาย แม้จะถูกตบตีแต่สำหรับเด็กแม่ก็คือคนที่เลี้ยงดูและให้ที่พึ่งพิง ปฏิกิริยาเขาดูจะตายด้านเกินไปแล้ว ฉันต้องช่วยเหลือเขา!
“ฝันดีคีอาร์ พี่สาวจะอยู่เคียงข้างเธอจนกว่าเธอจะพบเป้าหมายและไปถึงเป้าหมายได้สำเร็จ” ฉันล้มตัวนอนลงข้างกายคีอาร์แล้วกอดเขา คีอาร์มีปฏิกิริยาเพียงเล็กน้อยเท่านั้นแล้วกอดหมอนแน่นกว่าเดิม
ฉันหลับตาลงและหลับไปหลังจากนั้น