“อาหวาเจ้าควรจะเล่าทุกอย่างให้อากับพี่ชายของเจ้าฟังบ้างนะก่อนที่จะมีอะไรที่น่าตกใจไปมากกว่านี้ อาคิดว่ามันต้องมีอีกแน่ๆ ใช่หรือไม่”
“เจ้าค่ะท่านอา..อาหวาจะเล่าให้ท่านอาและพี่ใหญ่ฟังเจ้าค่ะ อาหวาก็เพิ่งจะได้รู้พร้อมกับพวกท่านนี่แหละว่ามีของสิ่งนี้อยู่มันเรียกว่ามิติเก็บของเจ้าค่ะและเป็นมิติเก็บของที่ใหญ่มากๆ มันกว้างใหญ่พอๆ กับจวนของเราเลยทีเดียวแต่มันเป็นแค่พื้นที่โล่งกว้าง ไม่ได้มีต้นไม้และสิ่งปลูกสร้างใดๆ ทั้งสิ้นส่วนเรื่องอื่นอาหวาจะเล่าให้ทุกคนฟังที่จวนเจ้าค่ะ”
“เจ้าจะพูดว่าแค่ได้ย่างไร ของสิ่งนี้นอกจากเทพเซียนแล้วใครเขามีกันเล่า เวลาใช้งานมิติเจ้าต้องระวังมากๆ ของสิ่งนี้ไม่ควรจะมีใครรู้ว่ามันมีอยู่จริงเจ้าเข้าใจหรือไม่อาหวา เจ้าใหญ่” ไท่หยุนได้กำชับหลานๆ ทั้งสองอย่างดิบดี
“ขอรับ/เจ้าค่ะ ท่านอา”
“ไปร้านสมุนไพรกันเถอะอาต้องซื้อยาให้พ่อของเจ้าด้วย”
“เอ่อ..ท่านอา ยาของท่านพ่อไม่ต้องซื้อก็ได้เจ้าค่ะ”
“ทำไมล่ะ หรือว่าเจ้า” นั่นยังไงล่ะนางมีเรื่องให้ประหลาดใจเพิ่มอีกแล้ว
“เจ้าค่ะ อาหวามียาให้ท่านพ่อแล้ว”
“อืมม..เช่นนั้นเราไปขายแค่สมุนไพร ไปกันเถอะเจ้ายังไม่ได้เดินตลาดเลย”
แล้วอาหลานก็มาถึงร้านสมุนไพร.. ร้านสมุนไพรแห่งนี้เป็นร้านขายและรับซื้อสมุนไพรระดับกลางที่ทำการซื้อขายกันมานานกับท่านอาของหว่าหวา
“อาหยุนเจ้ามาพอดีเลย เข้ามาๆ” ชายชราผู้นี้น่าจะเป็นเจ้าของร้านแน่ๆ เขาเอ่ยทักทายท่ายท่านอาด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความยินดีอย่างกับว่ารอคอยท่านอาอยู่อย่างนั้นแหละ
“สวัสดีท่านหมอจวงรอข้าอยู่หรือมีอะไรรีบร้อนเล่าท่านหมอ” ท่านหมอจวงคือหมอยาที่รับปรุงยาแทบทุกขนานและเป็นเจ้าของร้านสมุนไพรแห่งนี้ เป็นท่านปู่ท่าทางใจดีมากๆ
“รอบนี้เจ้ามีโสมบ้างหรือไม่จะเป็นโสมชนิดใดก็ได้ข้าไม่เกี่ยงอายุแต่อย่าอ่อนปีจนเกินไป เจ้ามีติดมาบ้างหรือไม่ล่ะอาหยุน”
“โธ่..ท่านหมอจวงล้อข้าเล่นแล้วที่ท่านพูดถึงน่ะมันโสมนะไม่ใช่ถังหูลู่”
“อั้ยหยา เจ้านี่ใครล้อเจ้าเล่นกัน ตอนนี้โสมเป็นที่ต้องการอย่างมากแม้แต่ในกองทัพเองยังต้องการมากโข มีตัวยาหลายตัวที่จำเป็นต้องใช้โสมในการปรุงยา แม้จะใช้เพียงน้อยนิดแต่มันก็จำ เป็นอย่างมาก โสมที่มีอยู่ตอนนี้ก็มีไม่เพียงพอ ในส่วนที่มีอยู่น้อยนิดนั้นยังต้องส่งเข้าวังหลวงถึงแปดส่วน โสมจากแคว้นอื่นก็แพงเสียจนแตะต้องไม่ได้ข้าจึงต้องรอเจ้าอยู่นี่ยังไง”
“หากว่าท่านรอแล้วข้ามีให้ก็ว่าไปอย่าง ข้าก็จนปัญญาจะหาแล้วภูเขาและชายป่าแถวบ้านมันก็อุดมสมบูรณ์ดีอยู่หรอก สมุนไพรดีๆ อย่างอื่นก็พอจะหาได้แต่โสมนี่ข้าไม่เห็นมาสองปีแล้วข้าจะพยายามเพิ่มขึ้นอีกก็แล้วกันเผื่อจะมีโชคบ้าง”
“อือๆ ขอบใจนะอาหยุน แล้วนั่นใครมากับเจ้าด้วยล่ะ”
“อ่อ..นั่นหลานๆ ของข้าเองลูกของพี่ใหญ่น่ะ อาหลาง อาหวา มาทักทายท่านหมอจวงสิ เจ้าใหญ่ไท่หลางท่านเคยเห็นแล้วมากับข้าบ่อยๆ แล้วนี่ไท่หว่าหวาเข้าเมืองครั้งแรกหลังจากนางหายป่วย”
“สวัสดี ขอรับ/เจ้าค่ะ ท่านหมอจวง”
“อืม เด็กดีๆ รูปหน้า ตา คิ้ว จมูก ดีจริงๆ วาสนาดี” แม่หนูนี่ช่างมีวาสนาของผู้ยิ่งใหญ่โดยแท้
“ฮ่าฮ่าฮ่า ท่านหมอนอกจากท่านจะเป็นหมอยาแล้วท่านยังเป็นหมอดูด้วยหรือขอรับ”
“อาหยุน เจ้านี่ช่างขัดข้านัก ข้าแค่ดูจากตำราว่าไว้ก็เท่านั้น นี่แม่หนูอยู่ที่บ้านอาของเจ้าเป็นเช่นนี้หรือไม่เล่า”
“คิคิ เจ้าค่ะ ท่านหมอเรียกข้าว่าอาหวาก็ได้เจ้าค่ะ” ท่านหมอจวงผู้นี้ช่างเป็นคนอารมณ์ขันจริงๆ น๊าา หืม
‘แม่หนูคนนี้ช่างมีวาสนาจริงๆ มีดวงอุปถัมภ์ของผู้ยิ่งใหญ่รออยู่ภายหน้า’
‘เอ๋..นี่ใช่ดวงตาสวรรค์หรือไม่นะ นั่นไงใจดีแล้วยังร่ำรวยอีกนะเจ้าคะท่านหมอตำลึงทองเต็มถุงเชียว’ หว่าหวาเปล่าสอดรู้สอดเห็นนะเจ้าคะ แค่คิดอยากจะเห็นมันก็เห็นเองนะ
ที่หว่าหหวาคิดนั้นไม่ผิดเลยสักนิดเพราะนั่นคือการทำงานของดวงตาสวรรค์ สามารถมองเห็นสิ่งที่คนมองไม่เห็นสามารถรับรู้ในสิ่งที่คนอื่นไม่อาจรับรู้ ขอแค่เพียงนางต้องการช่างวิเศษนัก
“ท่านหมอจวง ท่านก็ช่างรู้จักหาพวกพ้องดีแท้”
“หึๆ ไหนเล่าสมุนไพรของเจ้าที่นำมารอบนี้” ไท่หยุนรออยู่แล้วจึงได้ยกสมุนไพรตากแห้งออกจากตะกร้าใบใหญ่ออกมาให้ท่านหมอจวงช่างน้ำหนัก
“ดีมากเจ้าก็ยังหาสมุนไพรดีๆ ได้เสมอเลยนะ ข้าให้ยี่สิบตำลึงเงินเจ้าพอใจหรือไม่”
“ข้าพอใจแน่นอนขอรับท่านหมอจวง ถ้าเช่นนั้นพวกข้าขอลาท่านหมอเลยนะขอรับ” สามอาหลานกล่าวลาท่านหมอเสร็จสรรพก็พร้อมจะเดินออกจากร้าน
“อาหยุนรอสักประเดี๋ยวสิข้าฝากยาบำรุงไปให้มารดาของเจ้าด้วย นางยังคงสบายดีอยู่นะ” เอ๋..ท่านหมอจวงคิดอะไรกับท่านย่าของอาหวาหรือไม่เนี่ย แฮ่ะๆ..อาหวาล้อเล่นนะดูๆ แล้วท่านหมอจวงผู้นี้แค่คิดถึงตามประสาสหายเก่าแค่นั้นเองแหละเจ้าค่ะ
“อ่อ..ขอบคุณขอรับท่านหมอจวงท่านแม่ก็ยังคงสบายดีและแแข็งแรงมากด้วยขอรับ ท่านหมอจวงข้าไปแล้วจริงๆ นะขอรับ”
“อืม..ไปให้พ้นเลยข้าไม่รั้งเจ้าไว้แล้วล่ะเจ้าเด็กบ้านี่ หึๆ” หมอจวงพูดเชิงขับไล่ แต่ใบหน้ากลับเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“ท่านอา อาหวาไม่รู้จะซื้ออะไรที่ตลาดเจ้าค่ะ แล้วตลาดมีของแปลกๆ ไหมล่ะเจ้าคะ”
“มีสิ ท้ายตลาดนี่เอง”
แล้วท่านอาก็พาหว่าหวากับพี่ใหญ่มายังท้ายตลาด
“ร้านนั้นยังไงล่ะอาหวาเข้าไปดูสิ ร้านนี้มีเครื่องปรุงรสและเครื่องเทศทั้งแบบธรรมดาและแปลกๆ อาก็ซื้อของจากร้านนี้แหละให้ท่านย่าของเจ้า”
หว่าหวาเข้ามาในร้านพร้อมกับกวาดตามองไปทั่ว โอ้ว...ในที่สุดนางก็เจอของดี นั่นยังไงเล่านางแทบกรีดร้องเมื่อเจอเจ้าสิ่งนั้น
“อาหวาเจอสิ่งที่ต้องการแล้วเจ้าค่ะนั่นไงท่านอา พี่ใหญ่ มันคือเย่จึ ท่านยายท่านขายเย่จึยังไงหรือเจ้าคะ” [เย่จึ-มะพร้าว]
“อันนั้นข้าขายลูกละยี่สิบอีแปะ เจ้าอยากได้กี่ลูกล่ะแม่หนู ข้ามีทั้งหมดสิบลูก”
“ข้าเอาหมดเลยเจ้าค่ะ แล้วท่านยายไม่มีอีกหรือเจ้าคะ”
“ต้องรออีกสักสองถึงสามวันให้ลูกชายของข้ากลับมาจากทางใต้ก่อนคงจะเอามาเยอะอยู่เหมือนกัน หากว่าเจ้าจะเอาข้าจะเก็บไว้ให้”
“เอาสิเจ้าคะเอาทั้งหมดเลย ข้าซื้อเยอะขนาดนี้ท่านยายไม่ลดให้ข้าบ้างหรือเจ้าคะ”
“โธ่..แม่หนู ของมันมาไกลขนมาแต่ละครั้งก็ลำบากกำไรก็น้อยนิด งั้นยายให้นี่เจ้า (ขิงดำ- เฮยเจียง มันคือความคิดของท่านยายเอง) ยายว่ามันคือขิงดำ ยายลองกินแล้วไม่ชอบเลยแต่ยายยกให้เจ้าก็แล้วกัน อันนี้ลูกชายของยายก็ขนมาจากทางใต้เหมือนกัน” ท่านยายพูดพลางยื่นของห่อใหญ่ให้หว่าหวา นางเพ่งมองห่อของที่ท่านยายยื่นให้อย่างสนใจ ขิงดำที่ไหนกันเล่านี่มันกระชายดำชัดๆ นางได้ของดีอีกแล้ว
“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านยาย นี่เจ้าค่ะสองร้อยอีแปะท่านยายต้องเก็บเย่จึไว้ให้ข้าด้วยนะเจ้าคะ”
“อืม..ข้าไม่ลืมหรอกน่า”
“เดี๋ยวอาให้เจ้าใหญ่ไปเอารถม้า มาด้านหลังตลาดนี่ก็แล้วกันจะได้ขนของขึ้นง่ายๆ”
พี่ใหญ่ที่รู้งานได้เร่งฝีเท้าอย่างทันควันโดยไม่ต้องรอให้ท่านอาบอกอีกครั้ง.. ไม่ถึงหนึ่งเค่อพี่ใหญ่กับรถม้าก็มาถึงยังท้ายตลาด และในเวลานั้นเองที่ทั้งสามกำลังขนของกันอยู่นั้น...
ช่วยด้วย! ช่วยด้วย! ถุงเงินข้าช่วยข้าจับขโมยที เสียงร้องตะโกนของสตรีนางหนึ่งดังขึ้น
เพียงชั่วอึดใจที่เจ้าโจรกำลังวิ่งผ่านหน้าของหว่าหวา นางก็คว้าหมับเข้าที่คอเสื้อแล้วดึงเจ้าโจรเข้ามาหาตัวพร้อมกับสับฝ่ามือเข้าที่ต้นคอของเจ้าโจรชั่วอย่างแรง
ปั๊ก!!
“อั๊ก โอ้ยยย”
‘อู้ว ความรู้สึกนี้ ความสามารถของเจ๊ใหญ่ก็ยังอยู่นี่นา หึๆ แต่กำลังยังไม่ดีพอปกติแล้วหากใครโดนสันมือของนางสับเข้าอย่างจังขนาดนี้ละก็ มันจะต้องสลบเซ่!’
“ปะ..ปล่อยข้า มะ..แม่นาง”
“อาหวา/อาหวา/ไอ้โจรชั่ว!!” ท่านอา พี่ใหญ่ พร้อมกับสตรีผู้เสียหายและชาวบ้านอีกจำนวนหนึ่งตรงดิ่งมายังจุดที่อาหวาและเจ้าหัวขโมยอยู่ สภาพที่ทุกคนเห็นคือเจ้าหัวขโมยนอนคว่ำหน้าโดยมีเท้าอันบอบบางของแม่นางน้อยข้างหนึ่งกดเหยียบเอาไว้ตรงกลางหลัง ช่างน่าอนาถยิ่งชายร่างก็ไม่เล็กแต่ก็พ่ายแพ้ให้กับเด็กสาวผู้บอบบาง
“อาหวา พวกอาตกใจแทบแย่เจ้าเป็นอะไรหรือไม่”
“ท่านอา พี่ใหญ่ อาหวาไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะ จัดการเจ้าหัวขโมยนี่ก่อนเถอะเจ้าค่ะอาหวาเมื่อยเท้าจะแย่แล้ว”
“หน็อยแน่! เจ้าเด็กเลวตัวก็โตป่านนี้ยังไม่รู้จักทำมาหากินริเป็นขโมยรึ นี่แน่ะๆ” ท่านป้าเจ้าของถุงเงินตบตีซ้ำเติมเจ้าหัวขโมยอย่างไม่ยั้งมือ
“ท่านป้าข้าขอโทษท่านป้า นายท่าน คุณหนู อย่าจับข้าส่งทางการเลยนะขอรับ มารดาข้าป่วยหนักข้าไม่มีเงินซื้อยาน้องข้าก็ยังเล็กอยู่นะขอรับนายท่าน” ‘ลองข้าพูดแบบนี้ ได้ผลทุกรายเดี๋ยวพวกเขาก็สงสารและก็ต้องปล่อยข้าไป ข้ามีแม่ที่ไหนกันล่ะ หึหึ’
“หน็อยแน่! เจ้าเด็กโข่งมารดาของเจ้าป่วยเรอะ เฮอะ! จะเป็นไปได้อย่างไรก็มารดาเจ้าอยู่นี่ยังไงเล่า นี่แน่ะๆ”
ปั๊บๆ ผั๊วะๆ เฮอะ! บังอาจมาโกหกต่อหน้าดวงตาสวรรค์หรือ
“อาหวา/อาหวา” และนางก็ทำให้ท่านอากับพี่ใหญ่ต้องประสานเสียงกันอีกครั้ง ก็หว่าหวาของพวกเขานางเคยทำแบบนี้เสียที่ไหนพละกำลังนั่นอีกนางเอามาจากไหนกัน
ค่าเงิน 100 อีแปะ=1 ตำลึงเงิน 100 ตำลึงเงิน=1ตำลึงทอง
เวลา 1 เค่อ 15 นาที 1ชั่วยาม 2 ชั่วโมง
1 ก้านธูป 15 นาที หรือ 30 นาที แล้วแต่ความยาวของธูป