ตระกูลเถียน/ได้กินทับทิมกรอบแล้ว

1876 Words
เมื่อคล้อยหลังอาและหลานที่เดินออกจากร้านสมุนไพรไป “ฟางเออร์เจ้าจะหลบอยู่นั่นอีกนานไหมไม่เมื่อยบ้างหรืออย่างไร ออกมาเถอะพวกเขาไปกันหมดแล้ว” “เขาไปแล้วจริงๆ หรือเจ้าคะท่านปู่” “อืม..” หลานสาวคนนี้ นางกำลังมีความรักแน่แล้วแต่ต้องทนรออีกนานหน่อยนะฟางเออร์ ท่าทางคนนี้จะซื่อและบื้อเอาการ ‘ข้าฟางเซียนเป็นสมาชิกอีกคนหนึ่งของตระกูลเถียน ข้านั้นอยู่ที่เมืองเถียนมาตั้งแต่เกิด มารดาคือแม่ครัวทำงานที่หอนางโลมไผ่เขียวได้พบกับบิดาอย่างไรนั้นท่านแม่ไม่เคยเอ่ยถึงส่วนบิดานั้นข้าก็ไม่เคยคิดจะอาจเอื้อม ข้าไม่ได้เห็นหน้าท่านมานานแล้วนับตั้งแต่บิดากลับคืนสู่เมืองหลวง ตอนนี้ข้าอยู่กับท่านยายจูซึ่งเป็นแม่นมและยังมีบ่าวชายและสาวใช้อีกสามคนทั้งหมดน่าจะเป็นบิดาส่งมาให้ ท่านแม่เสียตั้งแต่ข้ายังไม่รู้ความเลยข้าอาศัยอยู่ที่จวนหลังเล็ก ท้ายเมืองนี่ก็คงเป็นอีกอย่างหนึ่งที่บิดาของข้าจัดการไว้ให้ ตอนนี้ข้าก็สุขสบายดีเบี้ยหวัดก็ถูกส่งมาให้ใช้ตามสมควรไม่เคยขาด ข้านั้นมีพี่ชายร่วมบิดาหนึ่งคนและพี่สาวอีกหนึ่งคน พี่สาวนั้นข้าไม่เคยเห็นหน้านางหรอกนะแต่พี่ชายเขาแอบมาเยี่ยมเยือนข้าอยู่บ่อยๆ และยังคอยส่งเครื่องประดับมาให้เป็นประจำ..ส่วนท่านปู่เจ้าของร้านสมุนไพรนี้คือท่านปู่ใหญ่เป็นพี่ชายของท่านปู่ข้าเอง ท่านปู่ใหญ่ก็ไม่ชอบเมืองหลวงเช่นกันท่านเป็นคนใจดีมากๆ เลย ที่จริงแล้วเมืองเถียนควรจะเป็นเมืองหลวงของแคว้นเถียนซานแต่เพราะพื้นที่มีหุบเขาเยอะพวกเขาเลยเลือกเมืองถัวหลงให้เป็นเมืองหลวงแทน.. อา..พูดเรื่องของตัวเองอยู่ดีๆ ไฉนเลยเถิดไปไกลปานนั้น ตัวข้าเถียนฟางเซียนกำลังแอบชอบบุรุษผู้หนึ่งเขามาที่ร้านของข้าเพื่อซื้อผ้าแพรอยู่บ่อยๆ และเมื่อไม่นานมานี้เขาก็เข้ามาที่ร้านเพื่อซื้อกิ๊บติดผมให้กับสตรีบางคน ข้ารู้สึกใจหายมากเลยคิดว่าเขาคงมีภรรยาไปแล้วแต่วันนี้ข้ามั่นใจว่าเขายังไม่มีใครแน่นอน’ “ฟางเออร์เจ้ายืนคิดอะไรอยู่เป็นนานสองนาน” “เปล่าเจ้าค่ะฟางเออร์ไม่ได้คิดอะไร ท่านปู่ฟางเออร์ขอตัวกลับไปที่ร้านก่อนนะเจ้าคะ ตอนค่ำฟางเออร์จะไปทานข้าวกับท่านปู่ พี่เฟยและพี่ฟงเจ้าค่ะ” พูดจบนางก็ถลันตัวออกจากร้านทันที ‘แล้วกันไหนนางบอกจะมาช่วยข้ายังไงล่ะ เหลียนซุนนะเหลียนซุน เจ้าละเลยเด็กคนนี้ได้อย่างไรกัน นางออกจะน่ารักและเป็นเด็กดีเพียงนี้’ คิดไปท่านหมอจวงก็ได้แต่ถอนหายใจยาวๆ กลับมาที่อากับหลานแล้วก็อาหมง… “ท่านอาเรากลับกันเลยไหมเจ้าคะ” วันนี้หว่าหวาอยากจะกลับไปให้ถึงจวนโดยเร็วอยากจะทำทับทิมกรอบกินจะแย่แล้วแต่น่าเสียดายจังที่ไม่ใช่หน้าหนาวนางจะได้หาวิธีทำน้ำแข็ง... “อืมกลับเลยก็แล้วกัน เย่จึของเจ้าที่สั่งจองไว้คงยังไม่มา วันหลังค่อยมาเอา ไปกันอาหมงวันนี้กลับไปกับข้าก่อนพรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่” “ขอรับพี่หยุน” ‘พวกพี่ช่างดีกับข้าจริงๆ ไม่โกรธเคืองข้าสักนิดแต่ข้าก็รู้สึกละอายใจยิ่งนัก’ อาหมงก็ยังคงคร่ำครวญเช่นนี้มาตลอดทาง ความคิดของอาหมงนั้นหว่าหวารับรู้ได้ทั้งหมด คนผู้นี้ทนอยู่กับความรู้สึกผิดมาตั้งหลายปีได้ยังไงกันนะทั้งที่ไม่ใช่ความผิดของตัวเองแท้ๆ ช่างน่าสงสารยิ่งนัก “เจ้าแน่ใจนะอาหวา ว่าไม่อยากได้อะไรอีก” “ไม่เจ้าค่ะ รีบกลับบ้านเลยอาหวาจะได้ทำทับทิมกรอบเสียที” “ทับทิมกรอบมันคือสิ่งใด อาไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเลย” “มันคือขนมหวานชนิดหนึ่งเจ้าค่ะเดี๋ยวท่านอาก็จะได้กิน และต้องเป็นผู้ช่วยให้อาหวาด้วยนะเจ้าคะ” “อืม” ในที่สุดเขาก็ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงอาหารที่นางทำได้เลยสินะเอาก็เอาเพื่อหลานสาวคนนี้เขาจะยอมทน’ การเดินทางกลับใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วยามพวกเขาก็ถึงจวนกันแล้วและผู้ที่คอยสอดส่องย่อมเป็นอาฮั่นเช่นเคยช่างเป็นเด็กที่กระตือรือร้นจริงๆ เลยนะ “ท่านอา พี่รองพวกท่านกลับมาแล้วมีของฝากข้าหรือไม่ขอรับ โอ๊ะ..นั่นพาใครมาด้วยหรือขอรับ” ‘นั่นยังไงล่ะเข้าเมืองทีไรอยากได้แต่ของฝาก’ “ไม่มีของฝากหรอกนะอาฮั่นพี่ขอให้ท่านอารีบพากลับมา จำได้หรือไม่ที่เราเคยพูดกันไว้อาฮั่นบอกว่าจะช่วยพี่ทำขนมหวานและท่านอาคนนี้คือท่านอาหมงที่เคยทำงานให้กับท่านพ่อน่ะ” “สวัสดีท่านอาหมงข้าชื่อไท่ฮั่นขอรับ” เด็กน้อยกล่าวทักทายอาหมงอย่างอ่อนน้อม “คุณชายน้อยหรือขอรับ โตขึ้นมากทีเดียวจนข้าเกือบจะจำคุณชายไม่ได้แล้ว” “ข้าโตแล้วจริงๆ ใช่ไหมล่ะแต่ทุกคนในบ้านไม่เห็นจะคิดเช่นนั้นเลย” “อาหมงเจ้าไปจัดการตัวเองก่อนจำเรือนเล็กท้ายจวนสองหลังนั้นได้หรือไม่ ไปเลือกใช้สักหลังสิพวกข้าทำความสะอาดไว้ตลอดส่วนน้ำอาบก็ไปตักเอาที่บ่อเจ้าคงจะจำได้ ข้าจะเอาชุดไปให้เสร็จแล้วมาที่โรงครัวข้าจะได้พาไปหาพี่ใหญ่” “ขอบคุณพี่หยุนเดี๋ยวข้ามาขอรับ” เมื่ออาหมงเดินห่างออกไปสามอาหลานก็แห่ขบวนกันไปที่โรงครัว... “อาหวาจะให้อาช่วยอะไรบอกมาเลย อาพร้อมเป็นลูกมือของเจ้าแล้ว” ‘โถท่านอา ดูท่านจะจริงจังเกินไปหรือไม่’ “เย่จึท่านพ่อปอกเปลือกไว้ให้แล้ว ท่านอาใช้สันมีดนี้เคาะให้มันแตกออกเป็นสองส่วนแบบนี้” ป๊อกๆ หว่าหวาใช้สันมีดเคาะที่ลูกมะพร้าวเพื่อเป็นตัวอย่างจนมันแตกผั้วะเป็นสองซีก “พอเสร็จแล้วท่านอาก็เอาอันนี้ขูดๆ ให้เป็นฝอยๆ นะเจ้าคะตอนคั้นจะง่ายและได้น้ำกะทิเยอะๆ อ่อ อาหวาต้องการสามลูกเจ้าค่ะ” ฟังหลานสาวอธิบายไปไท่หยุนได้แต่ผงกหัวอือๆ ออๆ ตาม “สามลูกไม่เยอะไปหรืออาหวา” ไท่หยุนผู้ไม่เคยขูดมะพร้าวมาก่อนในชีวิตเห็นอุปกรณ์อันเล็กจิ๋วในมือก็รู้สึกถึงความยุ่งยากมาเยือนทันที เมื่อไหร่จะเสร็จกันละทีนี้ที่ขูดก็อันเล็กนิดเดียว ‘เจ้าคงไม่ได้คิดแกล้งอาใช่ไหมอาหวา’ “เช่นนั้นข้าขอสี่ลูกก็แล้วกันเจ้าค่ะ อาหวาจะทำเยอะๆ เผื่อเก็บไว้กินหลายวันจะได้ไม่ต้องทำบ่อยๆ ดีมั้ยเจ้าคะท่านอา” นางพูดพร้อมกับส่งสายตาให้อย่างผู้ชนะฮิฮิ ท่านอาของหว่าหวาน่าแกล้งจริงๆ ว่าไหม สงสัยจะต้องได้ทำกระต่ายขูดมะพร้าวให้ซะแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า คิดภาพท่านอานั่งขูดมะพร้าวแล้วแม่เบี้ยก็แม่เบี้ยเถอะว๊าา เจอพ่อเบี้ยยุคโบราณแล้วจะหนาว “เช่นนั้นก็ได้ตามใจเจ้า” ท่านอาหนุ่มจำต้องรับคำแต่โดยดีไม่มีสิ่งใดโต้แย้งอีกเพราะเกรงว่าหลานสาวจะเพิ่มปริมาณมะพร้าวมาให้ขูดเรื่อยๆ แบบนั้นไม่ดีแน่ “ส่วนอาฮั่นมานี่เลยมาปอกปี๋ฉีเดี๋ยวพี่จะเป็นคนหั่น” อ่อ..อาหวาต้องขอให้พี่ใหญ่ไปเก็บเหมยกุ้ยฮวาจากสวนของท่านย่ามาคั้นเอาน้ำทำเป็นสีสันซะแล้ว นางเห็นเหมยกุ้ยฮวาของท่านย่ามีสีเหลืองกับสีแดงด้วยคงจะใช้ได้ละน่า คิดแล้วก็อยากมีใบเตยเพิ่มความหอมและทำเป็นสีเขียวจังเลยอัญชันก็ไม่เลวนะที่ไม่เลวเพราะมันไม่มีน่ะสิ และแล้วขบวนการผลิตทับทิมกรอบก็เกิดขึ้นแม้แต่ท่านพ่อและท่านย่าก็มานั่งชม ส่วนหว่าหวาได้แยกปี๋ฉีที่หั่นเป็นลูกเต๋าให้เป็นสองส่วนแล้วใส่ที่แยกไว้ส่วนหนึ่งผสมกับสีเหลืองอีกส่วนผสมกับสีแดง พอผสมสีเรียบร้อยก็เอาแต่ละสีไปคลุกกับแป้งมันขั้นตอนนี้อาฮั่นเป็นคนขอทำซึ่งนางก็ปล่อยให้น้องทำไป นางจะได้มีเวลาไปทำน้ำเชื่อมกับกะทิเตรียมเอาไว้ให้เรียบร้อย ต่อจากนั้นก็เหลือขั้นตอนการต้มตัวทับทิม หว่าหวาได้แบ่งน้ำเชื่อมมาไว้อีกชามใบหนึ่งเพื่อเอาไว้คลุกกับตัวทับทิมที่ต้มเสร็จแล้วตัวทับทิมจะได้ไม่ติดกัน “ตอนนี้หว่าหวากำลังต้มตัวทับทิมอยู่นะเจ้าคะ พอทับทิมสุกมันจะลอยตัวขึ้นเนื้อแป้งจะเริ่มใสก็ตักออกได้แล้ว เอาลงไปคลุกกับน้ำเชื่อมที่เตรียมไว้จะแยกสีหรือคลุกรวมกันก็ได้เจ้าค่ะเพราะมันสุกแล้ว รอให้มันเย็นต่อไปก็ตักใส่ถ้วยแล้วราดด้วยกะทิ อยากเพิ่มความหวานก็เติมน้ำเชื่อมเข้าไป มันจะทั้งหวานทั้งหอมทั้งมันอร่อยเหาะไปเลยเจ้าค่ะ” หว่าหวาอธิบายขั้นตอนทำทับทิมกรอบให้ทุกคนฟังอย่างผู้ชำนาญการ “อาหวานี่หรือทับทิมกรอบที่เจ้าว่า สีสันช่างสวยงาม จนอาไม่กล้ากินเลย” “เพราะงามจนไม่กล้ากินหรือเพราะกลัวจนไม่กล้ากินเจ้าคะท่านอา ชิมดูเถิดเจ้าค่ะทุกคนอาหวารับรองว่าต้องมีต่อถ้วยที่สองแน่นอนเจ้าค่ะ” เมนูโปรดที่หว่าหวาไปซุ่มเรียนมาจากเชฟขนมไทยเชียวนะจะทำให้ขายขี้หน้าได้ยังไงกัน... และแล้วทับทิมกรอบของอาหวาก็ไม่ได้ทำให้ทุกคนผิดหวัง ทุกคนต่างก็ขอเพิ่มทั้งนั้นโดยเฉพาะท่านอากับอาฮั่นจะกินแข่งกันไปถึงไหนข้าวเย็นคงไม่ต้องกินกันแล้วกระมัง อ่อ..แล้วยังมีอาหมงที่มาเป็นคนสุดท้ายมาร่วมช่วยกินอีกคน แต่ก็ยังคงมีเหลืออีกเยอะมาก นั่นไม่ใช่ปัญหาเพราะอาหวามีที่เก็บอันแสนวิเศษอยู่แล้วนี่ ในที่สุดหว่าหวาก็ได้กินทับทิมกรอบเสียทีและนี่จะเป็นอีกสินค้าที่จะมีขายในตลาดนัดไท่หยางฮิฮิ ยืมชื่อของท่านพ่อมาตั้งชื่อตลาดโดยไม่ได้บอกกล่าวจะโดนดุมั้ยนะ แต่จะเปิดตลาดนัดได้นั้นอาหวาต้องรอข่าวคราวจากท่านหมอจวงเสียก่อน หวังว่าท่านหมอคงจะไม่ทำให้อาหวาผิดหวังหรอกนะ และพรุ่งนี้อาหวาจะขึ้นเขาอีกครั้ง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD