บทที่ 5 ทบทวนสิ่งที่รับรู้จากร่างเดิม

1276 Words
เวลาก็ช่างผ่านไปไวนี่ก็ครึ่งเดือนแล้วที่หว่าหวาได้มาอยู่ในโลกใหม่ใบนี้แต่ละวันของนางแค่ได้ช่วยท่านย่าไท่ซวงดูแลจวนและช่วยน้องเล็กดูแลสวนผักเท่านั้น ยังดีที่จวนของเรามีบ่อน้ำไว้ใช้สอยเลยไม่ต้องเดินไปตักถึงลำธารพื้นที่รอบจวนก็มากมายหลายหมู่ จวนของครอบครัวอาหวาไม่ได้อยู่ในตัวเมืองแต่อยู่ติดกับชายป่าด้านนอกของหุบเขาถานซานและจวนของตระกูลไท่ของเราก็อยู่ห่างประตูเมืองเถียนราวห้าสิบลี้เห็นจะได้ ท่านพ่อและท่านแม่ไม่ชอบความแออัดในเมืองจึงได้พากันออกมาหาซื้อที่ดินนอกเมืองเพื่อสร้างจวนและสกุลไท่ก็อยู่อย่างสงบสุขเรื่อยมา ทุกวันนี้ท่านย่าไท่ซวงก็เป็นสตรีที่สมถะเอามากๆ แม้นว่าท่านพ่อและท่านอาอยากจะหาสาวใช้มาให้สักคนเอาไว้ให้นางใช้สอยแต่ท่านย่าก็บ่ายเบี่ยงไม่ยอมลูกเดียว เพราะท่านย่าบอกว่ามันสิ้นเปลืองตำลึงแต่เก่าก่อนครอบครัวสกุลไท่ก็ไม่ได้เป็นผู้ดีมีเงินอะไร จนกระทั่งท่านพ่อได้แต่งงานกับท่านแม่แล้วทั้งสองก็ได้ช่วยกันเปิดกิจการสำนักคุ้มภัยและดำเนินกิจการจนรุ่งเรืองมาตลอดแต่ทุกอย่างก็ต้องเปลี่ยนไปสาเหตุเกิดจากเมื่อห้าปีที่แล้วสำนักคุ้มภัยของท่านพ่อได้รับว่าจ้างให้คุ้มกันสินค้าขบวนใหญ่ของเศรษฐีต่างเมืองไปยังแคว้นข้างเคียงซึ่งเป็นงานคุ้มกันที่ได้รับค่าตอบแทนมหาศาลเลยทีเดียว งานนี้ท่านแม่ได้ร่วมเดินทางไปด้วยส่วนท่านอาได้รับหน้าที่คุ้มกันสินค้าขบวนอื่น.. แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดกับขบวนคุ้มกันสินค้าของท่านพ่อ มีโจรสองกลุ่มใหญ่ดักซุ่มโจมตีขบวนสินค้า ซึ่งมันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน พวกโจรได้ฆ่าผู้คุ้มกันและคนในขบวนสินค้าไปมากมายรวมถึงท่านแม่ด้วย ท่านพ่อและลูกน้องฝีมือดีไม่กี่คนที่ยังรอดชีวิตนั่นก็เกือบจะเอาตัวไม่รอดอยู่เหมือนกันแต่ก็มิวายต้องโดนฟ้องร้องเรียกค่าชดเชยของชีวิตและทรัพย์สินที่เสียไป จนท่านพ่อจึงต้องขายทรัพย์สินที่มีทั้งหมดที่มียกเว้นจวนที่ครอบครัวของหว่าหวาอาศัยอยู่แต่มันก็ยังไม่พอท่านพ่อเลยได้บากหน้าไปหยิบยืมเงินของท่านลุงใหญ่ซึ่งก็คือพี่ชายของท่านแม่แต่ก็ผ่านไปยังไม่ถึงเดือนท่านลุงก็มาทวงเอาเงินคืนพอท่านพ่อไม่มีให้ท่านลุงเลยเรียกร้องจะเอาสำนักคุ้มภัยเพื่อทดแทนเงินที่ยืมไป เฮ้อ..ท่านลุงช่างหน้าเลือดเสียจริง.. แล้วท่านพ่อก็ยินยอมเมื่อท่านลุงกล่าวอ้างถึงท่านตาท่านยาย ที่ต้องสูญเสียบุตรสาวอย่างท่านแม่ไป ฮึ..ช่างกล้านะที่เอาหน้าของท่านตาท่านยายอ้าง แม้แต่หน้าตาของพวกท่านอาหวาก็ยังไม่เคยเห็นเลย เฮ้อ..ทบทวนยาวไปอาหวาเหนื่อย... พูดถึงคัชชูของหว่าหวา จนถึงตอนนี้คัชชูของนางก็ยังไม่เสร็จเลย เป็นเพราะไท่หยางที่อยากให้บุตรสาวได้สวมใส่รองเท้าที่สมบูรณ์แบบเขาเลยต้องเพียรแก้แล้วแก้อีกทำใหม่ซ้ำๆ อยู่นั่น วันนี้หว่าหวาคิดว่าคงได้สวมใส่รองเท้าใหม่เป็นแน่เพราะมองเห็นท่านพ่อเดินยิ้มมาแต่ไกล ช่างเป็นบิดาที่ทุ่มเทกับบุตรสาวเสียจริงเลยน๊า… ‘นั่นไง ท่านพ่อมาแล้ว’ “ท่านพ่อเจ้าคะ” นางเรียกขานเสียงใสพร้อมกับโบกมือให้กับบิดาของตน “พ่อตามหาเจ้าจนทั่วแล้วมานั่งเหม่ออะไรอยู่แถวนี้” “สวนไผ่ท้ายจวนมันร่มรื่นดีอาหวาก็เลยมานั่งเล่นและรอรับท่านอากับพี่ใหญ่ด้วยเจ้าค่ะ ท่านพ่อตามหาอาหวาทำไมหรือเจ้าคะ” “พ่ออยากให้เจ้าดูนี่ ครั้งนี้พ่อมั่นใจว่าเจ้าต้องสวมได้พอดีและสบายเท้า พ่อรองยางไว้ด้านในให้เจ้าด้วยเวลาสวมใส่จะได้ไม่เจ็บเท้า” ฮื้อ..สวยจริงๆ นั่นแหละท่านพ่อช่างมีฝีมือ เมื่อเทียบกับช่างในอนาคตที่มีเครื่องมือพร้อมท่านพ่อของอาหวากินขาดเจ้าค่ะ “งั้นอาหวาลองสวมดูเลยนะเจ้าคะ อืม พอดีและสบายเท้าจริงๆ เจ้าค่ะ” “แล้วเจ้าอยากจะได้เพิ่มอีกซักคู่หรือไม่ พ่อว่าพ่อชำนาญพอแล้วนะ” ไท่หยางเมื่อเห็นบุตรสาวสวมใส่เจ้าคัชชูนั่นได้อย่างสวยงามก็เกิดมีกำลังใจขึ้นอีกเป็นกอง “คู่เดียวไม่พอหรอกเจ้าค่ะอาหวาต้องการเยอะๆ” ตามที่นางคิดไว้เลยนี่แหละจะเป็นสินค้าของครอบครัวไท่ในอนาคตหว่าหวาคิดพลางอดกระหยิ่มในใจไม่ได้เลย “อาา งั้นพ่อจะให้อารองของเจ้าหายางไม้มาเผื่อไว้เยอะๆ” “จะให้ข้าหายางไม้มาทำไมหรือพี่ใหญ่” “อาหยุน อาหลางพวกเจ้ามาแล้ว /ท่านอา พี่ใหญ่พวกท่านกลับมาแล้ว” ไท่หยางและหว่าหวาถามขึ้นพร้อมกัน “ท่านอาเจ้าคะ อาหวาอยากได้รองเท้าเยอะๆ เลยต้องให้ท่านอาหายางไม้ให้อีกเจ้าค่ะ” “ไม่มีปัญหาอาจะหาให้เจ้าเพิ่มอีกเยอะๆ ใช่มั้ยเจ้าใหญ่” “ขอรับ” ไท่หลางตอบรับพลางยื่นมือมาสะกิดน้องสาว สะกิดๆ “น้องรองนี่ต้นหญ้ามีหัวที่พี่เคยเล่าให้เจ้าฟัง มันอยู่รอบๆ ริมคลองน้ำฝากโน้นเยอะเลยและนี่หัวมันประหลาดพี่ผ่าดูแล้วข้างในมันเป็นสีขาวพี่ไม่กล้าลองชิมเลยเอามาให้เจ้าดูเผื่อว่าเจ้าจะเคยเห็น” ไท่หลางอธิบายอย่างยาวเหยียดซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย ‘ท่านเหนื่อยมั้ยพี่ใหญ่พูดซะเยอะเลย คิคิ’ “หัวสีดำนี่เรียกว่าปี๋ฉีเจ้าค่ะ ส่วนอันนี้คือเหลียงซู่เป็นมันชนิดหนึ่งกินได้เจ้าค่ะอร่อยด้วย เวลาเข้าป่าก้เอามากินแก้กระหายได้เจ้าค่ะ ปี๋ฉีและเหลียงซู่ ใช้ทำกับข้าวและขนมหวานได้ไว้วันหลังอาหวาจะทำให้ทุกคนได้ชิมนะเจ้าคะ” นางเน้นเสียงหนักๆ พร้อมกับส่งสายตาไปที่ท่านอาของตนประมาณว่า ‘ท่านอาท่านห้ามข้าไม่ได้หรอก’ คิคิ หนุ่มๆ บ้านนี้ช่างน่าแกล้งจริงๆฉี (ปี๋ฉี-แห้ว) (เหลียงซู่-มันแกว) หลังทานมื่อค่ำเรียบร้อยแล้วก็ได้เวลาอวดของ ทุกคนอยากให้อาหวาลองสวมรองเท้าให้ดู พอนางสวมคัชชูออกมาอวดโฉมและเดินประหนึ่งบนแคทวอล์คเท่านั้นแหละต่างก็ลงความเห็นว่ามันสวยงามมากจริงๆ โดยเฉพาะลายปักที่เป็นลายผีเสื้อน้อยเกาะอยู่บนดอกไม้ ที่ท่านย่าใช้ฝีมือของผู้ชำนาญการปักออกมาได้อย่างประณีตและงดงามที่สุด สิ้นสุดการเดินแคทวอล์คของหว่าหวาก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายเข้าพื้นที่ของตัวเอง หว่าหวาก็ได้เตรียมของล้างปากหลังมื้อค่ำไว้แล้วมันก็คือมันแกวนั่นแหละดูเหมือนจะถูกใจสมาชิกในบ้านกันทุกคนก็มันทั้งกรอบและหวานชื่นใจ ยกเว้นหว่าหวาคนเดียวกินของประเภทหัวทีไรเป็นอันท้องอืดทุกทีหัวอย่างอื่นไม่เห็นจะอืดเลยน๊าาา ฮุฮุฮุ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD