เช้าวันนี้ที่บ้านของแฟรงค์ค่อนข้างวุ่นวาย เพราะว่าวันนี้เป็นวันที่มุกต้องเดินทางกลับไทย หลังจากลาหยุดไว้ 1 สัปดาห์ และตอนนี้ทุกคนกำลังช่วยกันขนสัมภาระของมุก ที่เพิ่มขึ้นจากตอนขามาซึ่งมีเพียงกระเป๋าเสื้อผ้า 1 ใบ แต่ขากลับจำนวนกระเป๋ากลับเพิ่มมาอีก 2 ใบ เป็นของฝากและของที่เจ้าตัวช้อปปิ้งล้วน ๆ
“ซื้อน้ำหนักกระเป๋าเพิ่มแล้วใช่มั้ย” อีวานแซวน้องสาว
“เรียบร้อยค่ะ ตอนแรกก็เกินจากที่ซื้อเพิ่มมานิดหน่อย แต่มุกเอาเสื้อผ้าที่ขนมาบางส่วนทิ้งไว้ในตู้นะคะ เอาของที่ซื้อใหม่ใส่กระเป๋ากลับไปแทน” มุกยิ้มตอบ
“พี่บอกแล้วว่าพี่จะส่งตามไปให้หนูก็ไม่ยอม มันถึงช้ากว่าหนูแค่ไม่กี่วันเอง” อีวานหัวเราะขำ
“เอาแบบนี้แหละค่ะ ทุกอย่างที่ซื้อใหม่ก็จะกลับไปพร้อมมุก” ทุกคนพากันหัวเราะกับคำตอบของมุก
“ไปกันเถอะ เดี๋ยวจะตกเครื่อง” แฟรงค์เอ่ยเร่งให้ทุกคนออกเดินทาง เพราะตอนนี้เลทจากเวลาที่ควรออกเดินทางมาเยอะแล้ว
“ถึงไทยแล้วส่งข้อความมาบอกพี่ด้วย แล้วที่นู่นมีคนมารับมั้ย หนูจะขนกระเป๋า 3 ใบขึ้นแท็กซี่ไหวได้ยังไง เรียกรถสนามบินมั้ยพี่จัดการไว้ให้” อีวานรัวคำถามใส่น้องสาวเป็นชุดเมื่อทุกคนมาถึงสนามบินและจัดการโหลดกระเป๋าเสร็จเรียบร้อย
“ไม่ต้องห่วงนะคะ เดี๋ยวแพรมารับมุกที่สนามบิน มีคนช่วยยกจนถึงห้องแน่นอน” มุกยืนยัน
“ถ้างั้นลงเครื่องแล้วส่งข้อความมาบอกพี่ ถึงคอนโดแล้วก็ส่งมาอีกที เข้าใจนะ” มุกพยักหน้ายิ้มตอบอีวาน
“มุกไปแล้วนะ พี่ต้องดูแลแด๊ดดี้กับแม่ดีดีนะคะ ส่วนแฟนพี่เนี่ย มุกคาดโทษไว้ก่อน มารอบนี้ไม่ได้เจอ ไม่ว่างตลอดเลย” อีวานหัวเราะและกอดน้องสาวแน่น ก่อนจะปล่อยให้น้องไปลาแฟรงค์กับคุณจิด้าต่อ
“เดินทางปลอดภัยนะหนูมุก แด๊ดจะดูแลแม่หนูให้ดีที่สุด ไม่ต้องห่วง” มุกยิ้มรับแล้วเข้าไปกอดลาแฟรงค์
“เดินทางปลอดภัยนะลูก ถึงไทยแล้วบอกแม่ด้วยนะคะ ไว้แม่จะไปเยี่ยมบ่อย ๆ ดูแลตัวเองดีดีด้วย เงินไม่พอใช้ก็โทรบอกแม่เลย เข้าใจมั้ย” มุกพยักหน้ารับ
“ไม่ต้องห่วงค่ะ เงินเดือนรองประธานไม่น้อยเลย เงินเก็บมุกก็มีเยอะ มุกอยู่ได้สบาย ๆ เลยค่ะ แม่ก็ดูแลตัวเองดีดีนะคะ เดี๋ยวมุกโทรหาบ่อย ๆ” มุกกอดลาแม่อีกครั้ง ก่อนจะโบกมือลาทุกคนและเดินเข้า Gate ไป
หลังจากผ่านการเดินทางที่ยาวนานกินเวลาเกือบ 1 วันเต็ม มุกก็เดินทางมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิอย่างปลอดภัย โชคดีที่เครื่องไม่ดีเลย์ ทำให้เธอเดินทางมาถึงไทยตรงเวลาที่บอกเพื่อนรักอย่างแพรไว้
“ยัยมุก!!” แพรตะโกนเรียกเพื่อนทันทีที่เห็นหน้าเพื่อนเดินพ้นประตูออกมาพร้อมกับรถเข็นสัมภาระคันใหญ่ที่เต็มไปด้วยกระเป๋าเดินทาง 3 ใบโต
“ไม่ได้เจออาทิตย์เดียว คิดถึงกันลั่นสนามบินเชียว” มุกเดินตรงเข้าไปหาเพื่อนรัก ก่อนจะโผกอดกันแน่น
“คิดถึงสิ น้องโมกับนักรบว่าจะตามไปสบทบที่คอนโด แต่แพรบอกไปว่าเดี๋ยวมาถามมุกให้ก่อน เผื่อมุกอยากพัก แล้วนี่ขนอะไรมาเยอะแยะ ตอนไปมีแค่ใบเดียวเองนะ” แพรยิ้มถามเพื่อน ก่อนจะเรียกให้ขุนคนสนิทของหมอกสามีเธอที่ตามติดมาดูแลเข้าไปช่วยเข็นแทน
“ที่เหลือมันงอกมาตอนอีวานพาไปช้อปปิ้งอ่ะ” มุกหัวเราะขำ “บอกน้อง ๆ เลยว่าตามมาได้นะ แม่ทำไตปลาแห้งมาฝาก จะได้มากินด้วยกัน มุกนอนมาตลอดทางเลย ไม่ง่วงหรอก” แพรพยักหน้ารับ ก่อนจะส่งข้อความไปบอกเพื่อน ๆ อีกสองคน ส่วนมุกเองก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความบอกครอบครัวเช่นกัน
สองสาวใช้เวลาเดินทางไม่นาน ก็มาถึงคอนโดของมุกที่อยู่มาตั้งแต่สมัยเรียน ขุนรับหน้าที่ขนกระเป๋าสองใบใหญ่ให้ ส่วนอีกใบมุกเป็นคนขนเอง เพื่อให้ขนขึ้นมาด้านบนได้หมดในรอบเดียว
“ขอบคุณมากนะขุน” มุกเอ่ยเมื่อขุนช่วยลากกระเป๋าทั้งสองใบขึ้นมาไว้ด้านในห้องเรียบร้อย
“ยินดีครับ ผมลงไปรอที่รถนะครับนายหญิง ถ้ามีอะไรก็โทรเรียกได้เลยนะครับ” แพรพยักหน้ายิ้มรับ ก่อนที่ขุนจะขอตัวออกจากห้องไป
“เจ๊มุกจ๋า” เสียงตะโกนของนักรบดังนำเจ้าของเสียงมาตั้งแต่หน้าประตู ก่อนหนุ่มน้อยร่างบางจะกระโจนเข้ากอดมุกไว้แน่น ราวกับไม่ได้เจอกันเป็นเดือน
“เกินไปนักรบ เกินไปมาก ที่วิ่งมากอดนี่คิดถึงคนหรือจะขอของฝากจ๊ะ” นักรบปล่อยกอดออกมายิ้มกว้าง
“ของฝากสิ ได้ข่าวว่าขนมาสองกระเป๋าใหญ่เชียว พี่อีวานเปย์หนักหรอจ๊ะ” มุกพยักหน้าตอบรัว ๆ
“ระวังเงินพี่อีวานหมดบัญชีนะคะเจ๊มุก” โมหัวเราะแซว
“ยาก!! ให้มุกปล้นมาแบบนี้แหละดีแล้ว รู้มั้ย แด๊ดดี้บอกว่าอีวานมีแฟน เพิ่งคบกันได้แค่ 3 อาทิตย์ แถมผู้หญิงเข้ามาจีบก่อนด้วยนะ แล้วยังเจอกันในบาร์อีก มุกไปอยู่อาทิตย์นึง พยายามนัดเจอหลายครั้งก็ไม่ว่างตลอดเลย ผู้หญิงแบบนี้มุกไม่ชอบ มุกว่าไม่น่าจะจริงจังกับอีวานหรอก” มุกเม้าเรื่องพี่ชายให้เพื่อน ๆ ฟัง เพราะทุกคนเคยเจอและรู้จักอีวานกันหมดทุกคน
“พี่อีวาน 30 แล้วนะมุก ปล่อยพี่เค้าเถอะ ห่วงตัวเองก่อนมั้ย เมื่อไหร่จะมีแฟน” แพรยิ้มถามเพื่อน
“หาที่ไหนดี อยากได้แบบ หล่อ รวย นิสัยดีราวเทพบุตร ต้องไปหาที่ไหน” มุกเพ้อถามเพื่อน ๆ
“น้องว่าสเปคขนาดนั้น เจ๊ไปรอเมนเจ๊ตกสวรรค์ลงมาหาเถอะจ่ะ” นักรบตอบด้วยความหมั่นไส้
“ถ้าตกลงมาหาจริง ๆ จะเอามาเก็บไว้ในห้องไม่ปล่อยให้ออกไปไหนเลยคอยดู” มุกยักคิ้วตอบกวน ๆ
“ระวังตกลงมาจริง ๆ แล้วจะเขินจนเก็บอาการไม่อยู่นะเจ๊” นักรบหัวเราะพลางหันไปยิ้มกับโมและแพรที่นั่งกลั้นยิ้มมองเพื่อนที่ลุกไปลากกระเป๋าของฝากมาเปิด
“จะบอกว่าของฝากเนี่ย เงินมุกเองนะไม่ใช่เงินพี่อีวาน เดี๋ยวจะหาว่าล้างผลาญพี่ชายมาปรนเปรอเพื่อน” มุกหัวเราะขำในขณะที่เปิดกระเป๋าแล้วทยอยหยิบกล่องของฝากขึ้นมาส่งให้เพื่อนคนละกล่อง
“เจ๊!! จริงจังดิ!!” นักรบตาเบิกกว้างรับกล่องของฝากจากแบรนด์ดังที่มุกส่งมาให้ไว้
“แพงไปมั้ยเจ๊มุก” โมเอ่ยถามออกมาอีกคนเช่นกัน ส่วนแพรได้แต่ยิ้มรับเพราะรู้ว่าเพื่อนตั้งใจซื้อมาให้แล้วคงปฏิเสธที่จะรับไม่ได้แน่นอน
“ไม่แพงเลยสำหรับเพื่อนรักทุกคน เราต้องมีกระเป๋าทีมบ้างว่ามั้ย” มุกยิ้มตอบพร้อมกับหยิบกล่องของตัวเองขึ้นมาถือไว้เช่นกัน “ใบนี้เป็นกระเป๋าคลัช ใบไม่ใหญ่มาก มุกเลือกรุ่นที่ใช้ได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชายอย่างยัยน้องนักรบมา เราจะได้ใช้พร้อมกันได้ทุกคน”
“ฮือ...เจ๊น่ารักอ่ะ ขอบคุณน้า” นักรบพุ่งเข้ากอดมุกไว้อีกครั้ง “แต่แบบ ขอนิดนึง ที่จงใจเลือกแบรนด์นี้เพราะสนับสนุนเมน น้องเข้าใจถูกมั้ย” มุกพยักหน้าตอบทันที
“มันเป็นอาการของติ่งคลั่งรักแหละเนอะ สนับสนุนเค้าทุกทาง” แพรยิ้มแซวเพื่อน
“แน่นอน อะไรทำได้มุกก็ทำ พี่เค้าเก่งมากนะ เรียนก็เก่ง ร้องเพลงก็เพราะ เล่นละครก็ดี ยิ่งช่วงหลังออกมารับงานอิสระแล้วยิ่งงานเยอะ เปิดไปทางไหนก็เห็นแต่หน้าพี่เค้า” มุกยิ้มเคลิ้มเล่าให้เพื่อนฟัง
“อาการหนักมากอ่ะ” นักรบหันไปพูดกับคนอื่น ๆ ที่นั่งยิ้มอยู่ข้าง ๆ
“ก็นิดหน่อย แต่ของฝากไม่ได้มีแค่กระเป๋าน้า มีขนมมาฝากด้วย เพียบเลย” มุกหยิบถุงใบใหญ่ที่ใส่ขนมที่ซื้อมาฝากเพื่อน ๆ ยื่นไปให้นักรบรับไว้ “ส่วนอันนี้ มุกฝากให้พี่ ๆ มีครบทั้งแก๊งค์เลย ครอบครัวละชุดนะจ๊ะ มุกติดชื่อไว้แล้วว่ามีของใครบ้าง” ก่อนจะหยิบอีกสองถุงใหญ่ ส่งให้แพรและโมถือไว้คนละถุง
“ไม่แปลกใจที่กระเป๋าเยอะ ขอบคุณน้าเพื่อนรัก ขอบคุณแทนพี่ ๆ คนอื่น ๆ ด้วย” แพรยิ้มเอ่ย
ติ๊ง!! เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ของมุก เรียกให้เจ้าของเครื่องกลับไปให้ความสนใจ เพื่อน ๆ ทั้งสามมองคิ้วทั้งสองข้างที่ขมวดเข้าหากันเป็นปม ก่อนทั้งหมดจะพากันย้ายไปนั่งประกบรอบตัวมุกเพื่อดูคลิปที่เจ้าของเครื่องกำลังกดเปิดดู
‘ช่วงนี้มีกระแสข่าวค่อนข้างเยอะ ว่าน้องไทจิกับน้องญี่ปุ่นมีปัญหากัน ทั้งสองคนมีปัญหากันจริงมั้ยคะ’ นักข่าวหญิงคนหนึ่งเอ่ยถาม
‘เราไม่ได้มีปัญหาอะไรกันครับ’ ไทจิตอบกลับสั้น ๆ พร้อมรอยยิ้มบาง ๆ
‘แสดงว่าแฟน ๆ ของไทจิและญี่ปุ่นจะได้เห็นงานคู่ของทั้งสองคนเร็ว ๆ นี้ใช่มั้ยคะ เพราะช่วงนี้เราไม่ได้เห็นทั้งคู่ร่วมงานด้วยกันเลยตั้งแต่น้องไทจิออกมารับงานอิสระ’ นักข่าวอีกคนถามต่อ
‘ถ้าเป็นผลงานของผม ก็ยังคงมีให้ทุกคนได้ติดตามเรื่อย ๆ ครับ แต่ถ้าเป็นงานคู่ไม่มีครับ’ ไทจิตอบ
‘ไม่มีงานคู่ติดต่อมาบ้างหรอคะ หรือว่ามีแต่น้องไทจิปฏิเสธที่จะรับ’ ไทจิหันมองนักข่าวที่ตั้งคำถาม
‘ส่วนตัวผม สำหรับกระแสคู่จิ้นของผมกับญี่ปุ่นที่ผ่านมา ยอมรับว่าค่อนข้างแปลกใจที่คนติดตามเยอะ แต่ผมเป็นนักแสดงครับ ถ้าจะให้รับงานคู่กับคนคนเดียวตลอด มันคงเป็นไปไม่ได้ บางครั้งเราก็ต้องทำงานกับคนอื่น ๆ เพื่อพัฒนาฝีมือและเพิ่มประสบการณ์ให้ตัวเองบ้าง’ ไทจิตอบกลับไป
‘คำตอบนี้ไม่กลัวว่าแฟนคลับคู่จิ้นจะหายไปหรอครับ’ นักข่าวชายอีกคนถาม
‘คู่จิ้นก็คือคู่จิ้นครับ ไม่ใช่คู่จริง ถ้าแฟน ๆ ที่ชื่นชอบผลงานของผม จากตัวผมจริง ๆ เค้าก็คงติดตามให้กำลังใจผมต่อ แม้ว่าผมจะมีผลงานคู่กับใคร แต่สำหรับคนที่ต้องการติดตามผลงานคู่กันของผมกับญี่ปุ่น อาจจะต้องขอโทษไว้ตรงนี้ที่ทำให้ผิดหวัง’ ไทจิยกมือขึ้นไหว้แทนคำขอโทษ พร้อมกับรอยยิ้มอีกครั้ง
‘หรือที่น้องไทจิเลิกรับงานคู่ เพราะมีตัวจริงของใจแล้วรึเปล่าครับ กลัวตัวจริงเข้าใจผิดรึเปล่า’ นักข่าวอีกคนตะโกนถามออกมา ก่อนจะตามมาด้วยเสียงร้องแซวของคนอื่น ๆ
‘ผมก็รอตัวจริงของผมอยู่เหมือนกันนะครับ แต่ตอนนี้ยังหาไม่เจอซักที’ ไทจิหัวเราะตอบ
‘คำถามเมื่อกี้น้องไทจิไม่ได้แย้งประโยคแรก แสดงว่าตอนนี้น้องไทจิไม่รับงานคู่กับน้องญี่ปุ่นแล้วจริง ๆ ใช่มั้ยคะ’ นักข่าวหญิงเอ่ยถามต่อ
‘ถ้าสำหรับผม ตอนนี้ผมคงยังไม่รับงานคู่ครับ คงให้เวลากับงานเพลงและงานแสดงอื่น ๆ ที่รับไว้ก่อน ผมอยากให้แฟนคลับของผมทุกคนโฟกัสที่ตัวผม ผลงานของผม มากกว่ากระแสคู่จิ้นจากผลงานไม่กี่ชิ้นที่ผ่านมา อีกอย่างผมเองก็อยากเปิดโอกาสให้ตัวเองได้ร่วมงานกับนักแสดงคนอื่น ๆ ด้วยครับ’ ไทจิตอบ
‘วันนี้คงต้องขอให้สัมภาษณ์เท่านี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวไทจิมีงานต่อ ขอบคุณพี่ ๆ นักข่าวทุกคนด้วยครับ’ ชีต้า ผู้จัดการส่วนตัวของไทจิ เอ่ยแทรกเสียงนักข่าวคนอื่น ๆ ก่อนที่ไทจิจะยกมือไหว้ทุกคนพร้อมรอยยิ้มแล้วเดินตามหลังชีต้าออกจากพื้นที่สัมภาษณ์ไป
“วันจันทร์มีประชุมด่วนแน่ ๆ” นักรบหันมองหน้าแพรเครียด ๆ
“ทำไมอ่ะ พี่เค้าไม่รับงานคู่แล้วเกี่ยวอะไรกับงานประชุมที่บริษัท” มุกเงยหน้ามาถามคนอื่นงง ๆ
“โปรเจ็คยูนิฟอร์มโรงพยาบาล ที่ต้องประชุมสรุปพรีเซนเตอร์ แต่กำหนดการเลื่อนมาเป็นช่วงที่มุกไปหาแม่ไง ในที่ประชุมลงมติเลือกไทจิและญี่ปุ่นมาเป็นพรีเซนเตอร์” มุกตาลุกวาวกับสิ่งที่ได้ยิน
“พวกน้องรู้ว่าเจ๊คลั่งไทจิมาก และคิดว่าถ้าเจ๊อยู่ตอนประชุมก็คงเสนอชื่อไทจิ พวกเราก็เลยช่วยกัน จนทุกคนเห็นชอบ แต่ถ้ามีข่าวออกมาแบบนี้ การที่สองคนนี้จะมาเป็นพรีเซนเตอร์ให้เราคงยาก” นักรบเล่า
“ฮือ...ไม่ได้สิ ถ้าได้พี่ไทจิมาเป็นพรีเซนเตอร์จริง ๆ มันต้องดีมากแน่ ๆ เลย ลูกชายคนเดียวของเจ้าของโรงพยาบาล แถมจบแพทย์ หล่อ เท่ และเหมาะสมทุกประการ หรือเราควรเปลี่ยนตัวผู้หญิงดี” มุกเสนอ
“เอาตัวเองไปถ่ายคู่เลยดีมั้ยล่ะ ชื่นชมออกหน้าออกตามาก” นักรบเบะปากหมั่นไส้มุก
“รัศมีคงเทียบพี่ไทจิไม่ได้ ถ่ายคู่กันเดี๋ยวพี่เค้าจะหมอง” มุกยิ้มตอบ “แล้วทางทีมประชาสัมพันธ์ได้ติดต่อพี่เค้าไปรึยัง ถ้าประชุมตั้งแต่ช่วงที่มุกไม่อยู่ ก็น่าจะได้ติดต่อแล้วรึเปล่า” มุกถามต่อ
“เพิ่งประชุมสรุปกันเรียบร้อยไปเมื่อวันศุกร์เองค่ะ คงต้องรอฟังผลวันจันทร์อีกที แต่ข่าวนี้ดันออกมาซะก่อน ไม่รู้จะออกหัวหรือก้อยเลยแบบนี้” โมยิ้มตอบมุก
“ไม่เป็นไร มุกกลับมาแล้ว เดี๋ยวเรามาสู้กันต่อ มุกต้องเอาพี่ไทจิมาเป็นพรีเซนเตอร์ให้ได้” มุกเอ่ยด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น จนเพื่อน ๆ พากันหัวเราะ
“ไม่กลัวเจอตัวจริงแล้วจะเขินจนทำงานไม่ถูกหรอ” แพรกระแซะไหล่ถามเพื่อนรัก
“ไม่รู้สิ แค่คิดว่าพี่เค้านั่งอยู่ข้างหน้าก็เขินแล้ว เมื่อก่อนตอนที่เจอก็เขินนะ แต่ไม่รู้ว่าถ้าได้เจอจริง ๆ ตอนนี้จะเป็นยังไง” เพื่อน ๆ หันมาจ้องหน้ามุกอีกครั้ง
“เคยเจอกันมาก่อนหรอ เมื่อไหร่อ่ะ” นักรบรีบยิงคำถามด้วยความตื่นเต้นทันที
“โห...ตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว ตอนมุกอยู่มัธยมนู่น มันเป็นงานกีฬาวิทยาเขต มุกเป็นกรรมการจัดงาน แล้วพี่เค้าเป็นศิษย์เก่าของโรงเรียนที่อยู่ในวิทยาเขตเดียวกัน ทางโรงเรียนนั้นเลยเชิญพี่เค้ามาร้องเพลงตอนงานเลี้ยงช่วงค่ำ มุกก็เลยได้เจอตอนนั้น แต่ก็แค่แว๊บเดียวเองนะ ตอนปล่อยคิวขึ้นเวที ตอนนั้นว่าหล่อแล้ว ตอนนี้คือหล่อกว่าเมื่อก่อนเยอะมาก” มุกเล่าให้ทุกคนฟัง
“มิน่า เจ๊มุกถึงดูคลั่งพี่เค้ามากขนาดนี้ ตอนแรกโมก็คิดว่าเป็นติ่งนักร้องนักแสดงเหมือนคนอื่น ๆ ทั่วไป แต่นี่คือ เคยเจอตั้งแต่มัธยมเลยอ่ะ” โมยิ้มเอ่ย
“เรียกว่าโดนตกตั้งแต่ตอนนั้น แล้วก็โงหัวขึ้นมาไม่ได้อีกเลยก็ได้” ทุกคนหัวเราะลั่นกับคำตอบของมุก
“โมถามหน่อยสิ เวลาเป็นแฟนคลับศิลปินเนี่ย ถ้าเค้ามีกระแสคู่จิ้น เราจะรู้สึกยังไงหรอเจ๊มุก จะมีแบบอกหักอะไรแบบนี้มั้ย” โมถามต่อ
“ไม่รู้คนอื่นเป็นยังไง แต่ของเจ๊ไม่เป็นนะ เพราะพี่ไทจิเค้าแสดงออกชัดเจนว่ามันเป็นแค่กระแส ไม่มีอาการเขินเวลานักข่าวแซว ไม่มีโมเมนต์นอกจอให้เห็นเลย อย่างพวกคู่จิ้นคนอื่น ๆ เค้ายังมีสวีทในห้องแต่งตัว ไลฟ์สดหวานกัน ลงสตอรี่ออกสื่อ อะไรพวกนี้ แต่ของพี่ไทจิไม่มีเลย เจ๊เลยไม่ค่อยอิน” มุกตอบ
“มิน่า เจ๊ไม่เสพข่าวคู่จิ้น เห็นนั่งมองแต่หน้าไทจิอยู่คนเดียว” นักรบยิ้มแซว
“ฟังเพลงทุกคืนก่อนนอนด้วยจ่ะ ไม่ใช่แค่มองหน้าเท่านั้น” แพรช่วยเสริม
“ก็พี่ไทจิร้องเพลงเพราะนี่นา อีกอย่างพี่เค้าแก่กว่าเรา ต้องเรียกพี่สิจ๊ะน้องนักรบ” มุกยิ้มตอบ นักรบได้แต่หัวเราะส่ายหน้าขำ ก่อนทุกคนจะเปลี่ยนความสนใจกลับไปที่ของฝากที่มุกขนมาต่อ