บทที่1. เพียงฝันร้าย

1478 Words
เสียงเด็กหวีดร้องทำให้หญิงสาวสะดุ้งเฮือกจนต้องหันขวับไปตามเสียงที่ได้ยิน อังค์เนสเพ่งสายตาฝ่าแสงสลัวและม่านหมอกก่อนที่จะพาร่างเล็กๆ ของตนเองวิ่งไปที่ต้นเสียงนั่น เท้าของเธอชะงักทันทีที่ภาพตรงหน้าปรากฏชัด หัวใจแทบหยุดเต้นเมื่อเห็นแผ่นดินนองไปด้วยเลือดสีเข้ม หมู่บ้านที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวากลับมีแต่ซากปรักหักพัง เธอเห็นผู้คนร้องไห้ครำครวญ และเห็นแท่นตั้งศพที่มีทหารเฝ้าอยู่รอบๆ ท่ามกลางความโศกเศร้าของผู้คน             “เกิดสิ่งใดขึ้น” อังค์เนสเกือบหวีดร้องออกมา “นี่มันเรื่องเกิดอะไร”             “องค์ฟาโรห์สิ้นพระชนม์แล้ว”             หัวใจหญิงสาวกระตุกวูบและหันขวับไปทางต้นเสียงที่ได้ยินทันที แต่ภาพบุรุษหนุ่มผู้สวมอาภรณ์เปื้อนโลหิตผู้นั้นกลับมีสีหน้ามิบ่งบอกอารมณ์และไม่สะทกสะท้านกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แข้งขาทั้งสองข้างของหญิงสาวไร้แรงทรงตัวจนทรุดลง        แต่มือใหญ่แข็งแกร่งกลับกระชับไหล่สองข้างเธอไว้มั่นและบีบแรงจนเธอรู้สึกเจ็บจนนิ่วหน้า                            “ฟาโรห์เนเฟอร์คาเรสิ้นพระชนม์แล้ว ข้าจักเป็นฟาโรห์องค์ต่อไป!”             “เจ้าชายอูเซอร์คาเร”             “พระสนมเพคะ”             ไลน์ร่ารีบเข้ามาเขย่ากายที่เต็มไปด้วยเหงื่อของอังค์เนส         หญิงสาวลืมตาโพล่งแล้วสะดุ้งเฮือกขึ้นมานั่งหอบหายใจแรง ไลน์ร่าจึงรีบรินน้ำดื่มส่งให้ แต่มือเล็กๆ ของอังค์เนสยังสั่นระริกจนไลน์ร่าต้องช่วยประคองจอกน้ำดื่มให้ก่อนจะหยิบผ้าขึ้นซับเหงื่อบนใบหน้าซีดเซียวของหญิงสาว             “พระสนมฝันร้ายหรือเพคะ” ไลน์ร่า-นางกำนัลคนสนิทของอังค์เนสเอ่ยถามเหมือนปลอบประโลม             “ฝัน ข้าฝันไปใช่ไหม” อังค์เนสยังรู้สึกถึงภาพแจ่มชัดในความฝันจนไม่อาจสรุปได้ว่าตนเองฝันไปเท่านั้น “องค์ฟาโรห์ล่ะไลน์ร่า”             “องค์ฟาโรห์....ประทับค้างแรมกับนางสนมอีกคนในฮาเร็มเพคะ” ไลน์ร่าเอ่ยตอบอย่างตะกุกตะกักเกรงผู้เป็นนายจะเสียใจแต่กลับทำให้หญิงสาวระบายยิ้มบางๆ ออกมา             “ดีจริงที่เป็นเพียงฝันร้าย”             อังค์เนสเสมองไปที่นอกหน้าต่าง แสงสว่างแห่งวันใหม่ฉายแสงสาดแสงทองทั่วแผ่นดินอียิปต์แล้ว หญิงสาวลุกขึ้นเดินมาที่หน้าต่างแม่น้ำไนล์สะท้อนแสงอาทิตย์ราวกับสายน้ำสีทองเปล่งประกายหลากหลายชีวิตเริ่มต้นดำเนินวิถีของตนเอง เธอเองก็เช่นกันกว่าสองเดือนที่เลือกจะกลับเข้าเมืองหลวงแห่งอียิปต์อีกครั้ง แต่ไม่ใช่ในฐานะหมอหญิง แต่เป็นตำแหน่งพระสนมในเมื่อเลือกวิถีทางแห่งตนเองแล้วก็ต้องยอมรับโชคชะตาสุดแต่เทพเจ้าจะเมตตา เธอไม่มีสิทธิ์จะต่อต้านหรือคัดค้านสิ่งที่ต้องเผชิญได้เลย             อังค์เนสหมุนตัวกลับเข้ามาในห้องอีกครั้งเสื้อผ้าแสนงดงามถูกจัดเตรียมไว้อย่างดี ดูเหมือนไลน์ร่าจะมีความสุขที่เห็นหญิงสาวสวมอาภรณ์วิจิตรตระการตาเช่นนี้ แต่มันทำให้อังค์เนส ถอนหายใจหนักๆ นี่ไม่ใช่รูปแบบชีวิตที่เธอต้องการเอาเสียเลย  แต่เพราะความรักที่มีต่อองค์ฟาโรห์เนเฟอร์คาเรทำให้เธอยอมจำนนที่ต้องทำเช่นนี้ เธอรู้ดีว่าพระองค์เองก็เข้าใจความรู้สึกของเธอจึงมอบตำหนักส่วนตัวเธอพักโดยไม่ต้องไปอยู่ร่วมกับหญิงงามคนอื่นๆ ในฮาเร็มแถมยังมีอิสระที่จะทำอะไรได้หลายอย่างแต่ มันก็ไม่ใช่อิสระที่แท้จริง              ก็เธอเป็นหมอนี่นะ ทั้งชีวิตของเธอทุ่มเทกับการรักษาและยื้อชีวิตผู้คนจากความตาย ไม่ใช่มานั่งๆ นอนๆ หมดสิ้นเวลาไปวันๆ             “ไลน์ร่า เจ้าว่าอาภรณ์เหล่านี้เหมาะกับข้าหรือ” อังค์เนสเอ่ยถามพลางหยิบผ้าแพรผืนงามขึ้นมาเชยชม             “แน่นอนเพคะ” แววตาของไลน์ร่ามีประกายตื่นเต้น “พระสนมเป็นหญิงงามมีผิวพรรณที่ผุดผ่องแตกต่างจากหญิงอื่นนัก”             “เจ้าไม่คิดว่าข้าตัวขาวซีดเกินไปหรือ”             “ไม่เพคะ” ไลน์ร่าส่ายหน้าไปมาสนผมหยิกฟูสะบัดไปมา “ผิวกายของพระสนมมีสีเลือดฝาดดูงดงามยิ่ง”             อังค์เนสลอบถอนหายใจหนักๆ ในสายตาของไลน์ร่าไม่ว่าจะทำอะไรเธอก็ดูดีไปเสียทุกอย่าง แต่มันมิใช่ตัวตนของเธอเลย       “เจ้าไปหยิบเสื้อผ้าชุดโปรดของข้ามาเถิด”             “ชุดโปรด” ไลน์ร่าทำตาโต “พระสนมจะไปหาเจ้าฮิคกิหรือเพคะ”             “ใช่ แต่เจ้าช่วยเรียกชื่อเพื่อนข้าดีๆ หน่อยได้หรือไม่”  อังค์เนสปรายตามองทำให้นางกำนัลต้องหลบตาวูบ             “แต่ว่า ถ้าองค์ฟาโรห์เสด็จมาหาละเพคะ”             “พระองค์ไม่เสด็จมาหรอก” อังค์เนสยิ้มที่มุมปาก “วันนี้เจ้าหญิงฟิลิเซียจากลิเบียจะเสด็จมาเชื่อมสัมพันธไมตรีกับอียิปต์แล้วเจ้าคิดว่าองค์ฟาโรห์จะมีเวลามาหาข้าหรือ” อังค์เนสยักไหล่ไม่รู้ว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจนี่จะเรียกว่าสิ่งใดระหว่างความน้อยใจและหึงหวง             หึงหวง เป็นไปไม่ได้หรอก  เพราะไม่มีสตรีนางใดจะมีสิทธิ์รู้สึกเช่นนั้น             “เร็วซิไลน์ร่า หรือเจ้าจะให้ข้าออกไปทั้งชุดเยี่ยงนี้”             “เพคะ”  ไลน์ร่ารีบลุกขึ้นทำตามคำสั่งของอังค์เนส แม้ว่าเธอจะพอใจที่เห็นพระสนมที่แสนดีของเธองดงามในชุดแบบสตรีชั้นสูงของชาวอียิปต์ ทว่ามันย่อมไม่เหมาะนักถ้าความงดงามนี้จะเปิดเผยต่อบุรุษอื่นที่ไม่ใช่องค์ฟาโรห์             ไม่นานนักอังค์เนสก็กลายร่างเป็นหนุ่มน้อยด้วยเสื้อผ้าที่ทอหยาบๆ สีน้ำตาลมอๆ แต่ใบหน้าหวานนั้นระบายด้วยรอยยิ้มที่แสนสุขใจ ผมยาวสลวยสีนิลดุจแพรไหมถูกรวบขึ้นและมีผ้าโพกศีรษะเก็บเส้นผมนุ่นไว้อย่างมิดชิด             “หม่อมฉันจะไปตามโมตูให้ไปเป็นเพื่อนนะเพคะ”  ไลน์ร่ารู้ดีว่ามิอาจห้ามนิสัยซุกซนของนายของตนได้ ทำไมนะ ทำไมนายสาวผู้นี้ถึงไม่สงบเสงี่ยมเจียมตัวหมกมุ่นกับการแต่งกายบำรุงผิว วันๆ เอาแต่คิดจะออกไปซุกซนผิดกับนางสนมคนอื่นๆ จริงๆ  แต่ก็นั้นแหละ ถ้าอังค์เนสเป็นเหมือนสนมคนอื่นๆ เธอก็คงไม่รักและบูชานางถึงเพียงนี้หรอก             “อย่าเลย” อังค์เนสส่ายหน้าไปมาพลางเอื้อมมือไปหยิบย่ามใต้เตียงออกมาคล้องไหล่ “เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าโมตูเป็นองครักษ์ขององค์ฟาโรห์จะให้มาติดตามข้าได้อย่างไรกัน”             “แต่ว่า”             “จะแต่อะไรอีกละไลน์ร่า” อังค์เนสพูดขณะที่เท้าเล็กๆ ก้าวออกมาจากห้องอย่างรวดเร็ว “ข้าไม่ได้ไปไหนไกลเสียหน่อย ไม่ได้ไปนอกวังด้วย แค่...”             ยังไม่ทันพูดจบร่างเล็กๆ ก็ชนเข้ากับแผงอกกว้างอย่างแรงจนผงะหงาย    โชคดีที่มือใหญ่แสนแข็งแกร่งจับไหล่กลมกลึงที่ซ่อนอยู่ใต้เสื้อผ้าหยาบๆ และมืออีกข้างก็โอบรัดรอบเอวของเธอให้ชิดใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนๆ ที่เป่ารดลงใบหน้าหวานสวย             “องค์ฟาโรห์”             “เจ้าทำหน้าตกใจหรือนี่อังค์เนส” ฟาโรห์เนเฟอร์คาเรรับสั่งด้วยน้ำเสียงสูง “ข้าคิดว่าเจ้าควรทำหน้าดีใจหลังจากที่เราไม่ได้พบหน้ากันตั้งสามราตรีและข้าไม่คิดว่าสนมของข้าจะแต่งตัวเช่นนี้”        “หม่อมฉัน...หม่อมฉัน”   อังค์เนสรู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วตัวหันซ้ายแลขวาจะขอความช่วยเหลือแต่ไลน์ร่าก็หายตัวราวกับล่องหนได้             “อะไร” ดวงเนตรคมปลาบที่จ้องมองทำให้หญิงสาวต้องหลบตา         เธอเกือบหวีดร้องอย่างตกใจเมื่อร่างของตนถูกอุ้มจนตัวลอยมาปล่อยลงบนเตียงกว้าง             “ทำไมพระองค์อยู่นี่...” อังค์เนสเอ่ยอย่างตะกุกตะกักไม่รู้จะเอามือไม้ของตนไปไว้ตรงไหน             “แผ่นดินอียิปต์เป็นของข้าแล้วเหตุไฉนข้าจะอยู่ที่นี่มิได้”พระองค์เลิกคิ้วสูงแต่มุมโอษฐ์ยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “พระองค์ต้องเตรียมรับเสด็จเจ้าหญิงฟิลิเซียจากลิเบียมิใช่หรือเพคะ” อังค์เนสไม่อยากเชื่อเลยว่าตนเองจะใช้น้ำเสียงกระเง้ากระงอดเช่นนี้ และส่งผลให้องค์ฟาโรห์เอื้อมพระหัตถ์ปลดผ้าโพกศีรษะของเธอออกปล่อยเส้นผมยาวสลวยดุจกลุ่มไหมคลุ่มไหล่พระองค์ใช้ยกเส้นผมกรุ่นหอมของหญิงสาวขึ้นสูดดมทั้งที่ดวงเนตรยังจับจ้องใบหน้าหวานสวยของเธออยู่ “เจ้ากำลังหึงหวงข้าใช่หรือไม่” พระองค์สลวยขึ้นเบาๆ “มะ...ไม่...ไม่ใช่นะ” อังค์เนสอย่างสะบัดหน้าหนีแต่ทำไม่ได้                         
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD