Chapter 2 นักรัก นักร้อง น้องรัก (1)

1885 Words
Chapter 2 นักรัก นักร้อง น้องรัก (1) "โอเคครับรุ้ง คุณทำงานต่อเถอะ แล้วก็อย่าหักโหมมากนะ พักผ่อนเสียบ้าง" "ไม่ต้องห่วงนะเคน รุ้งดูแลตัวเองได้ แค่นี้ก่อนนะคะที่รัก พอดีงานเต็มโต๊ะเลยจ้ะ" "โอเค ผมไม่กวนล่ะ บาย" รุ้งลาวัลย์จูบลาคนปลายสายผ่านโทรศัพท์...ศรัณย์วางสายไปแล้ว หล่อนเก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋าแล้วส่องสำรวจตัวเองหน้ากระจกเงา...ภายในห้องน้ำของโรงแรมที่วันนี้จะมีใครบางคนมาร้องเพลงที่ลานบาร์สำหรับนักท่องราตรี หญิงสาวเดินออกจากห้องน้ำโดยมีเป้าหมายอยู่ที่โต๊ะด้านหน้าเวที สำหรับแขกพิเศษเช่นหล่อนแค่เดินไปบอกพนักงานทางนั้นก็รู้ได้ทันที ไม่มีใครที่ไม่รู้จักว่าหล่อนมีตำแหน่งอะไรในเดอะเรด และที่สำคัญ ทุกคนต่างรู้กันทั้งนั้นว่าเป็นเด็กใคร นั่นคือความภูมิใจในฐานะคนโปรด กับสัมพันธ์ที่ก้าวล้ำไปมากกว่าเจ้านายกับลูกน้องธรรมดา "เดี๋ยวค่ะพี่ภาม..." สุดที่รักหยุดเดินแล้วรั้งท่อนแขนแกร่งเอาไว้ เมื่อเดินเข้ามาในบาร์แล้วเห็นว่ารุ้งลาวัลย์นั่งรออยู่ที่โต๊ะเพียงลำพัง ที่หล่อนชะงักและลังเลเพราะว่าภัทรนนท์กำลังเดินตรงไปที่โต๊ะนั้น เขาไม่ได้บอกตั้งแต่ ทีแรกว่าอีกฝ่ายก็มาด้วยเช่นเดียวกัน "มีอะไรเหรอ...หรืออยากไปเข้าห้องน้ำ ถ้าอย่างนั้นก็เดินตรงไปข้างเวที เดินตรงไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็เจอ" "เปล่าค่ะ...แต่...พี่ภามไม่ได้บอกว่าคุณรุ้งมาด้วยนี่คะ" "อ๋อ คุณรุ้งเข้ามาดูงานที่โรงแรมพอดีน่ะ ที่จริงก็ไม่ได้นัดไว้หรอก" "ถ้ารู้ว่าพี่ภามนัดเธอไว้ ปลากริมคงไม่มา" "ทำไมล่ะครับ กลัวอะไรเหรอ ดีเสียอีกจะได้ทำความคุ้นเคยกันไว้ เพราะปลากริมต้องไปเป็นผู้ช่วยคุณรุ้งอยู่ดี" "ขอนั่งคนเดียวได้มั้ยคะ ปลากริมนั่งคนเดียวได้" "กว่าพวกเฮียจะมาก็ดึกนะ นั่งคนเดียวได้ยังไงเหงาแย่ นั่งด้วยกันกับคุณรุ้งน่ะดีแล้ว" หล่อนแค่นยิ้มปร่าแปร่ง มันมีบางอย่างที่อธิบายยาก พูดไปเขาคงไม่เข้าใจ เรื่องเซ้นส์ที่บอกว่าอีกฝ่ายไม่ค่อยจะชอบหน้าตน และหล่อนยังสัมผัสได้ถึงเคมีที่ไม่เข้ากันนับแต่วันแรกที่เจอ ยิ่งต้องไปนั่งร่วมโต๊ะเดียวกัน มันคงอึดอัดดีพิลึก ภัทรนนท์พาสุดที่รักไปนั่งร่วมโต๊ะกับรุ้งลาวัลย์...เพียงอีกฝ่ายเห็นว่าเขาควงใครมาด้วย แววตาซ่อนความหมายก็ส่งมาเพื่อให้รู้ว่ากำลังไม่พอใจ สุดที่รักสัมผัสได้แม้เพียงชั่ววินาที "ปลากริมมาด้วยเหรอจ๊ะ" "ผมพาน้องมาเลี้ยงต้อนรับ ถือว่าเป็นการละลายพฤติกรรมไปในตัว จะได้ทำงานด้วยกันอย่างมีความสุขไงครับ" "อ่อ...แต่ก็ไม่เห็นบอกรุ้งก่อนเลย มีความลับกับรุ้งเหรอคะ" น้ำเสียงกึ่งแง่งอนมาพร้อมรอยยิ้มเฝื่อน ทำราวกับว่าเขาเป็น คนรักที่ทำอะไรแล้วต้องเห็นความสำคัญของตนมาเป็นอันดับแรก หากแต่ว่าสายตาคู่คมที่จ้องกลับทำให้รุ้งลาวัลย์เปลี่ยนท่าที จากที่ลืม ตัวเผลอแสดงอะไรบางอย่างออกมา "นั่งสิปลากริม อยากทานอะไรสั่งเลย วันนี้พี่เลี้ยง" "อะไรก็ได้ค่ะ แล้วแต่พี่ภาม" "แล้วพี่ภามเขาจะรู้ได้ยังไงล่ะจ๊ะว่าอยากทานอยากดื่มอะไร ไม่ใช่คนรู้ใจสักหน่อยที่จะสั่งแทนกันได้" เหมือนถูกตบหน้าด้วยคำพูด แม้น้ำเสียงอีกฝ่ายจะราบเรียบและมาพร้อมรอยยิ้ม แต่นั่นก็ทำให้คนถูกตำหนิหน้าเสียขึ้นมาทันที "เอ่อ...ไม่เป็นไร พี่เลือกให้ก็ได้ครับ เครื่องดื่มเป็นพันช์ดีมั้ย" "ค่ะ" พยักหน้าเมื่อเริ่มเซ็งและรู้สึกกร่อย เพราะความแตกต่างอย่างสุดขั้วของตนกับคนร่วมโต๊ะ สัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายกำลังข่มด้วยหน้าที่การงานที่เป็นเสมือนหัวโขนสวมเอาไว้ แล้วหล่อนจะต้องร่วมงานกับคนแบบนี้จริงๆ หรือ หญิงสาวเริ่มกังวลถึงอนาคตตัวเอง 'นี่เรา...คิดผิดหรือเปล่านะที่มากับเขา’ คนสามคนที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกัน กับความต่างทางสังคมและบุคลิกภายนอก เขาดูเข้ากันได้ดีและเหมาะสมกับรุ้งลาวัลย์ที่สวยดูดีมีสกุล เสื้อผ้าเครื่องประดับคือแบรนด์เนมที่ราคาไม่ธรรมดา หล่อนยอมรับว่าผู้หญิงคนนี้สวยมีเสน่ห์ดึงดูด บุคลิกดีพูดจาดีมีการศึกษา เป็นผู้หญิงเก่งที่คุมคนมากมาย ไม่ใช่ง่ายๆ ที่จะทำได้อย่างเธอ สุดที่รักหันมาสำรวจตัวเอง ผู้หญิงธรรมดาในชุดนักศึกษาที่ไม่ได้นุ่งสั้น ไม่รู้จักเครื่องสำอางอื่นใดนอกจากลิปสติกบำรุงริมฝีปาก ที่พกติดกาย หล่อนรู้ตัวว่าไม่มีอะไรโดดเด่นเลยสักนิด การที่มานั่งอยู่ตรงกลางระหว่างคนสองคนที่ต่างกับตนจนสุดขั้ว ทำให้เริ่มรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นส่วนเกินในค่ำคืนนี้ไปเสียแล้ว "เป็นอะไรจ๊ะปลากริม นั่งเงียบเชียว" "เอ่อ...นั่งฟังพวกพี่สองคนคุยกันจนเพลินน่ะค่ะ" แค่นยิ้มแล้วจิบน้ำกลบเกลื่อนอาการ คุยกันเรื่องธุรกิจและข่าวสารต่างประเทศที่หล่อนเข้าไม่ถึง แล้วจะให้เสนอหน้าไปคุยอะไรกับเขาได้ นั่นคือสิ่งที่คิดภายในใจแต่ไม่กล้าพูดมันออกมา ภัทรนนท์ดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือเรือนหรู ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้เมื่อได้เวลาร้องเพลง ทิ้งให้สองสาวนั่งคุยกันไปพลางๆ "ปลากริมนั่งคุยกับคุณรุ้งไปก่อนนะ พี่จะขึ้นไปร้องเพลงก่อน เดี๋ยวจะกลับมานั่งคุยด้วย" ขนาดเขานั่งอยู่ด้วยหล่อนยังอึดอัด อยากจะขอตัวกลับบ้านแต่ก็ไม่กล้านั่งแท็กซี่คนเดียวเพราะดึกแล้ว ทำได้เพียงทนปั้นหน้านั่งร่วมโต๊ะกับคนไม่คุ้นเคยซ้ำเคมียังไม่เข้ากันเอาเสียเลย คิดในใจอยากให้เพื่อนๆ ของเขามาตอนนี้ อย่างน้อยก็ยังคุ้นเคยกับพวกเขามากกว่ารุ้งลาวัลย์ ในความอึดอัด หล่อนสอดส่ายสายตามองหาภัทรนันท์ แต่เพิ่งนึกได้ว่าตอนนี้เขาไม่อยู่เมืองไทย เหตุเพราะปลีกตัวเองไปคุมงานก่อสร้างโรงแรมที่พม่า มีกำหนดจะเปิดบริการในปีหน้า พร้อมการกลับมาของมินตรา...นั่นทำให้อดที่จะคลี่ยิ้มออกมาไม่ได้ รู้สึกภูมิใจที่เพื่อนมีดีกรีเป็นถึงสาวนักเรียนนอก กลับมานั่งแท่นตำแหน่งผู้บริหารที่มีคนปูทางเอาไว้รอ "ที่ได้มาฝึกงาน คุณภามชวนมาเหรอจ๊ะ หรือว่าขอเขามา" คำถามทำให้สุดที่รักตื่นจากห้วงความคิด ทำหน้าปั้นยากเพราะหากจะพูดกันตรงๆ นั้นก็คืออาศัยบารมีเพื่อนเข้ามา หากไม่เป็นเพราะมินตราขอร้องพี่ชายเอาไว้ หล่อนคงไม่ได้เข้ามาฝึกงานที่เดอะเรดอย่างง่ายดาย "เอ่อ...จริงๆ พี่ภีมให้เข้ามาฝึกที่นี่ค่ะ แต่เขาไม่อยู่ก็เลยฝากปลากริมไว้กับพี่ภาม" "อ้อ พูดตรงๆ ก็คือเด็กเส้นสินะ เข้ามาโดยไม่ผ่านขั้นตอนใดๆ อาศัยว่าเป็นเพื่อนซี้ลูกสาวเจ้าของโรงแรม ทั้งๆ ที่คนอื่นเขาต้องทำตามขั้นตอน ตัดโควต้าคนนอกไปอีกหนึ่งคน" คนฟังแทบหุบยิ้ม เมื่อถูกโพล่งใส่หน้ากันตรงๆ หากแต่ว่าใบหน้าคนพูดยังคงเคลือบฉาบเอาไว้ด้วยรอยยิ้มที่เหมือนเป็นมิตร จนหล่อนไม่อาจคาดเดาความคิดข้างในได้เลย "พี่ก็ไม่ได้อะไรกับเด็กเส้นหรอกนะ แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้พี่ไม่ค่อยจะโอเคกับเด็กเส้นสักเท่าไหร่ เพราะเด็กพวกนี้มักสร้างปัญหาแล้วก็ควบคุมยาก หัวแข็งแล้วก็ไม่ค่อยเคารพหัวหน้างาน เพราะคิดเพียงแต่ว่าตัวเองรู้จักผู้หลักผู้ใหญ่ในองค์กร" สุดที่รักนั่งนิ่งหน้าชากับถ้อยคำปรามาสทั้งที่ยังไม่ได้ร่วมงานกันเลยด้วยซ้ำ เพียงเพราะหล่อนเข้ามาในฐานะที่รู้จักกับเจ้าของ เดอะเรด อีกฝ่ายก็เกิดอคติเพราะคำว่าเด็กเส้นเสียแล้ว 'อดทนไว้ปลากริม ถ้าเจอแค่นี้แล้วทนไม่ได้ เธอจะก้าวสู่โลกของการทำงานจริงได้อย่างไร’ "ว่าแต่...มีใครมารับกลับเหรอจ๊ะ" คำถามทลายความรู้สึกนึกคิดในใจคนฟัง สุดที่รักแค่นยิ้มปร่าแปร่ง เพราะจะบอกว่าภัทรนนท์เป็นคนไปส่งก็พูดได้ไม่เต็มปาก เนื่องจากหล่อนเองก็ลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท...กับการที่เขายังไม่ได้บอกว่า จะเป็นคนไปส่งด้วยตัวเอง "ที่ถามก็ไม่ใช่อะไรหรอก เพราะว่าพี่มีนัดไปต่อกับคุณภาม แล้วเขาต้องไปส่งพี่ที่คอนโด เกรงว่าจะไม่สะดวกสำหรับเธอน่ะจ้ะ" "เอ่อ...ไม่เห็นเขาบอกปลากริมก่อนเลยล่ะคะ ถ้ารู้ว่าเขาต้องไปส่งคุณรุ้ง ปลากริมอาจจะไม่มาเพราะกลับลำบาก" "อ้าวเหรอจ๊ะ เขาคงลืมน่ะ ที่พี่บอกว่าไม่สะดวก เพราะบางทีถ้าดึกเกินไปพี่ก็จะค้างที่คอนโดของเขาเลย" คนฟังนั่งตะลึงเบิกตากว้างคล้ายไม่เชื่อหู...เขานอนค้างด้วยกัน คิดมาถึงตรงนี้หล่อนก็จินตนาการไปไกล พานให้ใจเต้นแรงเพราะมันคือเรื่องแปลกใหม่สำหรับตน 'นะ นอนค้างด้วยกัน! นั่นก็แสดงว่าต้องนอนเตียงเดียวกัน นอนเตียงเดียวกันก็ต้อง...’ รุ้งลาวัลย์เห็นสีหน้าตื่นตกใจของคนร่วมโต๊ะ หัวเราะออกมาเบาๆ ราวกับขบขันในท่าทางที่แลดูจะอ่อนต่อโลกเสียเหลือเกิน "นี่ เป็นอะไรจ๊ะ ทำไมทำหน้าแบบนั้น แค่นอนค้างด้วยกัน แปลกตรงไหน คอนโดมีสองห้องอย่าคิดลึกไปไกลเลย พี่เสียหายนะคิดแบบนี้ พนักงานรู้เข้าอายเขาแย่ เดี๋ยวจะพานคิดไปไกลว่าพี่กับเจ้านายมีอะไรกัน ปลากริมก็อย่าพูดไปเชียว" สุดที่รักเหลือบมองไปบนเวที เสียงเพลงแสนไพเราะที่มาจากตรงนั้น...ในความรู้สึกแวบแรกรู้สึกขุ่นเคืองอย่างไม่ทราบสาเหตุยามจับจ้องมองหน้าคนที่สลัดคราบนักบริหารมาเป็นนักร้อง ไม่แน่ใจว่านั่นคือความรู้สึกอะไรกันแน่ ทั้งผิดหวังในตัวเขาและหัวใจเหี่ยวแฟบคละเคล้ากันไป...ในสังคมแบบนี้ ที่นี่คงไม่ใช่ที่สำหรับเธอ แววตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวังจับจ้องทุกอิริยาบถของคนที่ใจคิดไม่ซื่อ เขากำลังมอบความสุขให้กับนักดื่มกินยามราตรี ความสุขของนักเที่ยวก็คือความสุขของเขาด้วยเช่นกัน หากแต่ว่าที่ตรงนี้ ณ ตรงที่ตนนั่งอยู่กำลังร้อนเป็นไฟเพียงเพราะถ้อยคำกำกวมจากคู่สนทนา 'ทำไม...ทำไมเราถึงทำตัวน่าอายแบบนี้’ หล่อนนึกตำหนิตัวเองยกใหญ่ เพราะหัวใจไม่รักดีที่อยากอยู่ใกล้ชิดกับเขาทำให้ยอมมาที่นี่ตามคำชวน เขาซึ่งตอนนี้ดำรงสถานะเจ้านายที่มีสิทธิ์ชี้เป็นชี้ตายอนาคต หาใช่พี่ชายเพื่อนอย่างที่คุ้นเคยอีกต่อไป
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD