คฤหาสน์หลังใหญ่ตรงหน้าที่รถยนต์คันหรูกำลังเลี้ยวเข้าไปภายในอาณาเขตกว้างขวาง ทำให้คนที่นั่งโดยสารมาเริ่มขมวดคิ้วทำหน้าตางุนงงอย่างคนสงสัย เกิดคำถามขึ้นในหัวมากมายว่าทำไม ทำไมคนขับรถถึงพาเธอมาที่บ้านหลังใหญ่นี้แทนการไปที่เพนต์เฮาส์ของนิกซ์
“ทำไมถึงพามาที่นี่คะ” ไม่รอให้ความสงสัยเกิดขึ้นนาน นิวเยียร์รีบเอ่ยถามทันที
“เป็นคำสั่งของคุณนิกซ์ครับ”
“ว่าไงนะ!?”
“คุณนิกซ์สั่งไว้ว่าให้พาคุณหนูนิวเยียร์มาส่งที่นี่ครับ”
คำตอบที่ชัดเจนจากคนที่นั่งอยู่เบาะข้างคนขับทำให้นิวเยียร์ถึงกับกำมือแน่นทุบลงที่เบาะของตัวเองอย่างเจ็บใจ
นี่เธอเสียรู้ให้กับเขาอีกแล้วงั้นเหรอ
“ถึงแล้วครับ” เสียงของชายคนเดิมดังขึ้นอีกครั้งเมื่อรถจอดสนิทอยู่ที่หน้าบันไดทางขึ้นบ้านหลังใหญ่
นิวเยียร์มองออกไปนอกรถก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเดินลงบันไดตรงมาที่รถที่เธอนั่ง นั่นทำให้เธอรีบร้อนอยากจะดึงประตูรถที่กำลังเลื่อนเปิดออกช้าให้เปิดออกเร็วๆ
“คุณป้าสวัสดีค่ะ” เมื่อประตูรถเปิดออกกว้างนิวเยียร์รีบยกมือไหว้คนที่ยืนรอและกำลังส่งยิ้มมาให้เธออยู่นอกรถ ก่อนจะพุ่งตัวเข้าสวมกอดด้วยความคิดถึง
หมับ!
“คิดถึงจังเลยลูก” เฌอวารีบอ้าแขนรับกอดจากเด็กสาวที่มีใบหน้าจิ้มลิ้ม ทั้งสวยทั้งน่ารักในคนคนเดียวกันอย่างแสนคิดถึง
“น้องนิวก็คิดถึงค่ะ ฟอด ฟอดดด!” นิวเยียร์ตอบกลับด้วยประโยคที่บอกคิดถึง หอมแก้มคนตรงหน้าซ้ายขวาไปฟอดใหญ่ เรื่องการเอาใจประจบประแจงเธอนั้นไม่แพ้ใคร
จากที่ตอนแรกกำลังอยู่ในอารมณ์ที่บูดบึ้งแต่พอได้เห็นหน้าของเฌอวาผู้ที่เป็นแม่ของคนที่เธอหอบกระเป๋าบินลัดฟ้ามาหา อารมณ์เหล่านั้นก็หายไปเป็นปลิดทิ้งแล้วถูกแทนที่ด้วยความอารมณ์ดีอย่างคนมีความสุข
“เป็นไงบ้างลูก เดินทางมาเหนื่อยมั้ย”
“เหนื่อยมากค่ะ คุณป้าดูสิคะ น้องนิวยกกระเป๋าเองจนกล้ามขึ้นแล้ว” ไม่พูดเปล่านิวเยียร์รีบยกแขนขึ้นให้คนตรงหน้าดูว่าตัวเองนั้นยกกระเป๋าใบใหญ่คนเดียวจนกล้ามขึ้น ทั้งที่ก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นเลยสักนิด แต่เพราะเป็นคนช่างพูดเลยต้องทำให้เห็นภาพด้วยการดึงแขนเสื้อขึ้นแล้วออกแรงเบ่งกล้ามแขนโชว์
“ตัวแค่นี้แต่เก่งมาก แถมปีนี้เดินทางคนเดียวด้วย” เฌอวาที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่ยิ้มเอ็นดู เอ่ยปากชมไม่หยุดเช่นกัน
“แต่พี่นิกซ์ไม่ไปรับเหมือนที่พูดเลย แถมให้คนมาส่งน้องนิวที่นี่อีก”
“พี่นิกซ์ต้องบินไปทำงานค่ะเลยให้น้องนิวมาอยู่ที่บ้านกับแม่ก่อน”
“อ้าว~ น้องนิวก็นึกว่านิกซ์ไม่อยากเจอซะอีก” เมื่อได้รู้ว่าคนที่ตัวเองบินลัดฟ้ามาหาไม่อยู่ก็ถึงกับหงอย
ที่เขาไม่ไปรับเธออย่างที่บอกไว้ ที่เขาให้คนพาเธอมาที่บ้านแทนการไปที่เพนต์เฮาส์ ก็เพราะว่าเขาไม่อยู่หรอกเหรอ แล้วทำไมเขาไม่บอกเธอบ้างเลยล่ะ
“ถ้าไม่อยากเจอพี่เขาจะอนุญาตให้มาหาเหรอคะ เข้าบ้านกันลูก แม่เตรียมของว่างรอน้องนิวแล้ว” เฌอวาที่เห็นท่าทางหงอยๆ ของเด็กสาวตรงหน้าก็ยกมือขึ้นลูบศีรษะด้วยความเอ็นดูระคนปลอบโยนในที ก่อนจะชวนให้เข้าไปคุยกันต่อในบ้านแทน เพราะดูท่าแล้วนิวเยียร์คงมีเรื่องเล่ามากมายเหมือนอย่างทุกๆ ปีที่บินมาที่นี่ในช่วงปิดเทอม
“แล้วคุณลุงล่ะคะ”
“ไปกับพี่นิกซ์ค่ะ”
“แล้วพี่ไนซ์ล่ะคะ พี่ลินด้วย” นิวเยียร์ยังถามถึงคนอื่นๆ ในบ้านไม่หยุดเหมือนอย่างทุกทีที่มาที่นี่
“พี่ไนซ์ก็ไปด้วยกัน ส่วนพี่ลินออกไปเที่ยวกับเพื่อน เห็นบอกว่าคืนนี้จะค้างกับเพื่อนด้วย นานๆ ทีคุณพ่อจะไม่อยู่บ้านก็สบโอกาสเขาล่ะ”
“ก็คุณลุงขี้หวงขนาดนั้นนี่นา แถมพี่ลินก็สวยเหมือนคุณป้าด้วย ไม่แปลกเลยที่ลุงเทมส์จะหวงมากๆ”
“ปากหวานนะเรา น้องนิวเองก็สวยเหมือนคุณแม่เลย ยิ่งโตยิ่งสวย ไม่เจอกันแป๊บเดียวสวยขึ้นจนแม่ยังตลึงเลย”
“คุณป้าก็ปากหวานเหมือนกันเลยค่ะ”
“เอ๊ะ! เมื่อไหร่จะยอมเรียกแม่สักทีนะเรา” ได้ยินเด็กสาวตรงหน้าที่เป็นว่าที่คู่หมั้นของลูกชายเรียกตัวเองว่าป้าก็รู้สึกขัดใจ เพราะเธออยากให้นิวเยียร์เรียกเธอว่าแม่มากกว่า
“ก็นิกซ์ไม่ยอมให้น้องนิวเรียก นิกซ์บอกว่าถ้าได้ยินจะไม่ให้น้องนิวมาหาอีกตลอดชีวิต และจะไม่หมั้นกับน้องนิวด้วย”
“นี่พี่นิกซ์ใจร้ายกับน้องขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย”
“ใช่ค่ะ ใจร้ายมาก โทรหาแต่ละทีกว่าจะรับสายน้องนิวได้ก็ต้องโทรตั้งหลายสาย แถมยังไม่เคยโทรหาน้องนิวก่อนเลยสักครั้งเดียว” ได้ทีนิวเยียร์ก็รีบฟ้องแม่ของว่าที่คู่หมั้นของตัวเองให้รู้ถึงความใจร้ายของลูกชาย
ได้ยินไม่ผิดหรอก เธอกับเขาคือว่าที่คู่หมั้นกัน ถามว่าเกิดขึ้นได้ยังไงก็คงจะเป็นตั้งแต่เด็กที่เธอไปตามตื้อยัดเยียดของที่ตัวเองชอบให้กับเขา จนผู้ใหญ่เริ่มพูดเล่นกันว่าขอจองไว้ก่อนโตขึ้นจะให้แต่งงานกัน นั่นเป็นจุดที่ทำให้เธอเป็นว่าที่คู่หมั้นของเขามาตลอด จะได้เป็นคู่หมั้นจริงๆ เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ หรืออาจจะไม่ได้เป็น…
เพราะอาจจะแต่งเลยไม่ต้องหมั้นก็ได้
หลังจากที่พูดคุยถามสารทุกข์สุขดิบหรือจะเรียกว่าเป็นการฟ้องก็ได้ นิวเยียร์ก็ขึ้นมาพักที่ห้องนอนของเธอที่ถูกจัดเตรียมไว้รอเมื่อรู้ว่าเธอจะมา เรียกได้ว่าห้องนี้แทบจะเป็นห้องของเธอไปแล้วจริงๆ มาถึงห้องคนตัวเล็กก็รีบเปิดกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่ถูกขนขึ้นมาไว้บนห้องตั้งแต่ที่มาถึงแล้ว
“หรือบางทีจะเอามาเยอะเกินไปจริงๆ” เสียงเล็กบ่นพึมพำกับตัวเองเมื่อเปิดกระเป๋าเดินทางออกทุกใบแล้วพบกับเสื้อผ้ามากมายที่เธอขนมา
ตอนจัดกระเป๋าแม่ของเธอก็เตือนเธอแล้วว่ามันเยอะไปสำหรับหนึ่งเดือน เพราะถึงยังไงมาที่นี่เธอก็ต้องซื้อเพิ่มอยู่แล้ว แต่เธอก็ดื้อไม่ยอมฟัง กระเป๋าถึงได้มีถึงสามใบใหญ่และหนึ่งใบเล็กแบบนี้ไง
“ชุดนี้แล้วกัน” มือบางหยิบชุดนอนแขนยาวขายาวที่เนื้อผ้าไม่ได้บางหรือหนาจนเกินไปดูแล้วน่าจะเหมาะกับอากาศในตอนนี้ออกจากกระเป๋า
ได้ของที่ต้องการครบแล้วก็เดินเข้าไปอาบน้ำให้ร่างกายที่เหนื่อยล้าจากการเดินทางมาหลายชั่วโมงได้ผ่อนคลาย จริงๆ แล้วตอนนี้เป็นเวลาใกล้จะเที่ยงแต่เธอปฏิเสธอาหารเที่ยงไปเพราะรู้สึกง่วงนอนจนตาแทบจะปิดอยู่แล้ว เลยกะว่าจะขอนอนพักก่อนแล้วตื่นมาทานอาหารเย็นทีเดียวและกว่าจะถึงมื้อเย็นก็คงได้นอนพักอย่างเต็มที่ แต่ถ้านอนตอนนี้เธอจะมีปัญหาหลังตื่นนอน อาจจะเกิดอาการเจ็ทแล็กขึ้นได้ แต่มันก็ง่วงเกินจะฝืนร่างกายและเปลือกตาที่หนักอึ้งในตอนนี้ได้จริงๆ
ใช้เวลาไม่นานนิวเยียร์ก็เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดนอนที่พร้อมจะทิ้งตัวลงบนที่นอนนุ่มๆ ตรงหน้า แต่ก่อนจะได้ทำแบบนั้นก็เดินไปเปิดกระเป๋าสะพายข้างใบโปรดหยิบเอาสมาร์ตโฟนติดมือไปที่เตียงนอนด้วย
ฟุบ!
“อ่า นุ่มจัง”
ทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนนุ่มๆ ได้ตาก็แทบจะปิดทันที แต่ยังไม่ทันจะได้หลับก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้รีบคว้าสมาร์ตโฟนที่วางไว้ข้างตัวขึ้นมากดพิมพ์ข้อความด้วยตาที่ฉ่ำปรือจะหลับแหล่มิหลับแหล่
ข้อความแรกส่งไปหาคนเป็นแม่ที่อยู่ที่ไทยเพื่อบอกว่าตัวเองนั้นถึงที่หมายอย่างปลอดภัยดี เพราะปกติแล้วพ่อกับแม่เธอจะบินมาส่งในช่วงปิดเทอม แต่ตอนนี้เธอโตแล้ว แถมคนเป็นพ่อก็งานยุ่งเลยอ้อนพ่อกับแม่ขอบินมาเองตามลำพัง แน่นอนว่าทุกคนก็ค้านหัวชนฝาเพราะไม่อยากให้เธอเดินทางคนเดียวไปในที่ที่ไกลแสนไกล แต่ก็นั่นแหละ สุดท้ายทุกคนก็แพ้ให้กับลูกอ้อนของเธอจนยอมให้บินลัดฟ้ามาคนเดียวแบบนี้
ส่วนอีกข้อความนั้นตั้งใจจะส่งหาคนใจร้ายว่าที่คู่หมั้นของตัวเอง…
ตุ้บ!
สมาร์ตโฟนในมือหล่นตุ้บลงกระแทกกับใบหน้าสวยอย่างไม่แรงนัก เมื่อเจ้าตัวที่กำลังพิมพ์ข้อความอยู่นั้นฝืนตัวเองต่อไม่ไหว หลับไปอย่างไม่รู้ตัวทั้งที่ยังไม่ทันจะพิมพ์ข้อความที่ตั้งใจจะส่งไปเสร็จเลยด้วยซ้ำ