บ่ายแก่ๆ ของวันอาทิตย์ หลังเสร็จจากการเก็บกวาดบ้าน รีดผ้า กับเตรียมของไว้ทำมื้อเย็นแล้ว พิชชาก็เดินถือถ้วยแตงไทยสุก หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ออกบ้านหลังกะทัดรัด บนเนื้อที่ห้าสิบตารางวา ไปสวนหย่อมหน้าหมู่บ้านด้วยความอารมณ์ดี
“ว่าไงจ๊ะลูกๆ ของแม่ ดูซิจ๊ะ ว่าแม่มีอะไรมาฝาก”
เจ้าถุงเงิน สุนัขชิชสุผสมบีเกิ้ลสีน้ำตาลอ่อนสลับขาว กับเจ้าถุงทอง สุนัขพุดเดิ้ลผสมบีเกิ้ลกำลังวิ่งเล่นอยู่สนามหญ้าอย่างสนุกสนานนั้น ก็วิ่งมาหาทันทีที่เห็น พิชชายิ้มให้มัน มือก็ยกชิ้นแตงไทยที่ทั้งสองตัวโปรดปรานขึ้น พวกมันอ้าปากรับและต่างพากันเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย
“ช่า พรุ่งนี้จะกินยำปลาข้าวสารมั้ย ย่าจะซื้อไว้ให้”
ใบบัวหันไปถามคนกำลังนั่งยองๆ ลงตรงสนามหญ้า มือก็ส่งแตงไทยให้เจ้าสองตัวอยู่อย่างสดใสร่าเริง
ตัวเองก็กำลังนั่งเล่นกับเพื่อนบ้านคนอื่นอยู่บนเสื่อผืนเก่าๆ ท้ายสนาม และต่างพากันรุมดูของในตะกร้ายกใหญ่
“อร่อยป่าวย่า?”
หลานส่งเสียงออกห้วนและห้าวไปหา ตามแบบฉบับของเจ้าตัว เพราะไม่ใช่คนมีน้ำเสียงนุ่มนวลชวนฟังนัก ตาก็มองเจ้าสองตัวด้วยความรักและเอ็นดูยิ่ง เพราะเลี้ยงมาถึงสี่ปีแล้ว
“อร่อยสิ นี่ๆ มาดูเลย ป้าทำเมนูใหม่ มีให้ชิมด้วยนะ ขายแค่ชุดละห้าสิบบาทเอง แยกผัก แยกน้ำยำไว้ด้วย จะกินค่อยเอาคลุกกันจ้า”
นวลแม่ค้าประจำหมู่บ้านชิงตอบก่อนที่ใบบัวจะทันได้อ้าปากเสียเอง เพราะเป็นคนพูดเร็วทำอะไรเร็วอยู่แล้ว
“หมดแล้วจ้าเด็กๆ กินเก่งกันจังเลยนะ เล่นอยู่ตรงนี้ก่อน เดี๋ยวแม่ไปดูยำแป๊บหนึ่ง”
พิชชาถือถ้วยเปล่าเดินไปหากลุ่มแม่บ้าน ที่นั่งรุมของในตะกร้ากันยกใหญ่ หูนั้นพลันได้ยินเสียงรถแล่นมาด้วยความเร็ว เลยหันกลับไปมองลูกทั้งสองและด้วยความห่วงใย
“ถุงเงิน! ถุงทอง! อย่าออกไป กลับมาเดี๋ยวนี้ รถมาๆ เร็วๆ ลูก!”
ปากร้อง สองเท้าวิ่งตามเจ้าสี่ขาทั้งสองตัว ที่พากันออกจากสนามไปเล่นอยู่กลางถนน ตาก็มองรถยุโรปสีดำมันวาวแล่นมาด้วยความเร็ว
ราวกับอยู่ในสนามแข่ง ทั้งที่เป็นถนนในหมู่บ้านแท้ๆ ต่อให้เป็นทางลัดจากถนนเส้นหนึ่งไปทะลุอีกเส้นหนึ่งยังไงก็ตาม ผู้ใช้รถควรลดความเร็วลง ไม่ใช่ซิ่งมาขนาดนี้
“ถุงเงิน!!! ถุงทอง!!!”
พิชชาร้องลั่น ใจนั้นก็สั่นสะท้าน เมื่อเห็นลูกถูกรถที่แล่นมาชนเข้า มือบางที่ถือถ้วยอยู่นั้น ก็เขวี้ยงใส่รถไปด้วยความโกรธจัด ยังไม่พอ ก้อนหินบนสนามที่ก้มลงไปคว้ามาได้ ก็ปลิวตามไปติดๆ
บรรดาแม่บ้านทั้งหลายต่างพากันวิ่งตามมาดูเป็นทิวแถว หนึ่งในนั้นเอามือถือมาถ่ายคลิปไว้ เพราะรู้จักเจ้าของหมาดี เผื่อได้เอาไว้ใช้เป็นหลักฐาน ในกรณีที่พวกคนรวยเบี้ยว ไม่ยอมรับผิดชอบค่ารักษา
ซึ่งจะแพงแน่ๆ ใบบัวนั้นตกใจไม่น้อย เมื่อเห็นสุนัขที่ตัวเองก็รักไม่ต่างจากลูกกับหลาน ดิ้นผลักๆ ปากก็ร้องเอ๋งๆ ด้วยความเจ็บปวด เจ้าของรถที่เพิ่งจอดสนิท
เพราะถูกอะไรบางอย่างเขวี้ยงใส่ เปิดประตูรถออกมา แล้วกระแทกกลับเสียงดังปัง แล้วเดินมาด้วยความโกรธ ยิ่งเห็นว่ารถคันสิบกว่าล้านเป็นรอยก็ยิ่งโกรธกว่าเดิม
“ใครเอาอะไรขว้างรถผม?”
ตาก็จ้องเขม็งไปหากลุ่มคนที่ล้อมวงกันอยู่ ทุกคนต่างหันไปมองด้วยสายตาไม่พอใจ โดยเฉพาะคนอุ้มเจ้าถุงเงินไว้ในวงแขน ใบหน้านั้นก็มีน้ำตาไหลอาบลงมา
“ขับอะไรเร็วนักหนา!!! มีใครจะตายรึไง ไม่มีตาหรือไง!!! ถึงไม่เห็นว่ามีหมาเล่นอยู่ตรงนี้!!!”
ปากก็ร้องใส่คนใจร้ายที่ห่วงรถมากกว่าหมาทันที
“นั่นน่ะสิ จะรีบไปไหนกัน?”
ใบบัวรีบสมทบทันที
“แล้วคุณเลี้ยงหมายังไง ถึงปล่อยให้ออกมาถนน ตกลงใครขว้างรถผม บุบเลย รู้มั้ยว่าค่าซ่อมมันเท่าไหร่?”
คนขับสวนกลับมาทันควันและด้วยความโกรธกว่าเดิม เมื่อถูกสายตาทุกคู่จ้องมาหาแถมยังใช้วาจาไม่ดีใส่ก่อนอีก
“คนทุเรศ!!! ชนลูกฉันเจ็บขนาดนี้ ยังมีหน้ามาห่วงรถอีก”
พิชชาร้องด่าทั้งน้ำตา ก่อนจะหันไปหาย่า ที่ยืนอุ้มเจ้าถุงทองไว้ด้วยความตกใจ
“ย่า! เอากระเป๋าตังค์ตามไปโรงพยาบาลด้วยนะ ช่าจะพาเจ้าเงินไปหาหมอ อย่าลืมเอาเจ้าทองเข้าบ้านด้วยนะย่า”
พิชชาที่มีน้ำตาน้องหน้าไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ว่าคนขับรถเร็วเสร็จแล้ว ก็อุ้มเจ้าถุงเงินที่ร้องครวญครางเพราะความเจ็บปวดอยู่ เลือดก็ไหลออก วิ่งไปยังโรงพยาบาลรักษาสัตว์ ซึ่งอยู่ไม่ไกล และเคยไปรักษาประจำทันที ในใจก็ภาวนาขออย่าให้เป็นอะไรมากเลย
“ญาติออกไปก่อนนะคะ เดี๋ยวหมอดูให้”
พอถูกหมอที่มารุมเจ้าถุงเงินถึงสามคนสั่งเสียงเจือความนุ่มนวล เพราะกลัวลูกค้าจะไม่พอใจ พิชชาเลยจำต้องออกมาจากห้องตรวจ เห็นย่ายังคงอุ้มเจ้าถุงทองเดินตามมาด้วยความตกใจอยู่ เพื่อนบ้านก็มาครบ รวมทั้งเจ้าของรถที่ถูกนวลลากแขนมาด้วย เพราะรู้ว่ายังไงก็ต้องรับผิดชอบค่ารักษาแน่ๆ
“จะเอายังไงว่ามา ค่ารักษาเท่าไหร่ผมจะจ่าย แต่คุณก็ต้องรับผิดชอบรถผมด้วย รู้หรือเปล่าว่ามันแพงแค่ไหน?”
“รถนายมันยังมีอะไหล่หรือซ่อมได้ แล้วลูกฉันล่ะ ถ้าตายขึ้นมา นายจะว่ายังไง ไปให้พ้นๆ เลยนะ ไอ้คนทุเรศ คนไม่มีหัวใจ คนใจร้าย ฮื่อๆ”
คนที่ห่วงลูกชายยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดร้องไห้โฮ ทั้งโกรธทั้งห่วง จนไม่อยากจะคุยกับใครแล้ว