“ค่ะพี่”
ว่าแล้วก็หอบคู่มือเดินตามหลังม่อมเข้าไปในห้องครัว เปิดดูว่าควรจะจัดโต๊ะแบบไหนทันทีที่ไปถึง ตานั้นดู หัวนั้นคิด ปากนั้นคุย
“เช้านี้เป็นข้าวต้มปลา จัดโต๊ะให้แบบไม่เป็นทางการดีกว่าน้อป้า”
“เอาที่คุณช่าสะดวกเลยค่ะ เรื่องนี้ป้าขอไม่ออกความคิดเห็น ป้าถนัดแต่เสิร์ฟคุณๆ ข้างนอกค่ะ ส่วนข้างในบอกตรงๆ ป้าไม่ถนัดเลยค่ะ กลัวท่านด้วย”
“กลัวทำไมล่ะป้า?”
“หุย! แค่เห็นท่านนิ่งเนี๊ยบ ป้าก็ไม่กล้าเข้าใกล้ค่ะ”
พิชชาขำนิดๆ เมื่อเห็นแม่บ้านออกจะกลัวเจ้านายเกินเหตุ ส่วนตัวเองนั้นไม่กลัวสักนิด แต่ที่กลัวคือจะทำผิดพลาด พลอยทำให้ตกงานมากกว่า
“อ้าว! ยังไม่รู้เลยว่าข้าวต้มจะอร่อยถูกปากท่านหรือเปล่า ต้องเอาไปให้พี่นาถชิมก่อนเป็นเรื่องแรก ป้าอุ่นเสร็จหรือยังคะ?”
“เสร็จไปชามหนึ่งแล้วค่ะ”
“มาค่ะ ช่าจะยกไปให้พี่นาถชิม ป้าอุ่นชามต่อไปเลยค่ะ ย่าจัดมาให้ครบทุกคนแล้ว”
พิชชายกชามกับเครื่องปรุงไปทันที
“อื้ม! อร่อยๆ ไม่คาวปลา เสิร์ฟได้ แต่เครื่องปรุงจะใส่ถุงแบบนี้ไม่ได้นะช่า ให้ใส่ถ้วยเล็กๆ ทุกอัน แล้วก็ห้ามโรยขึ้นฉ่ายแบบที่โรยมาให้พี่นะ คุณดนตร์ไม่ชอบ จำได้มั้ยว่าแกกินหรือไม่กินอะไร ในแฟ้มมีนะ อ่านแล้วใช่มั้ย?”
“อ่านแล้วค่ะพี่”
“ดีมาก ผลไม้ก็ให้เยอะหน่อย เพราะข้าวต้มจะอยู่ท้องไม่นาน ถ้ามีขนมด้วยสักชิ้นสองชิ้นก็น่าจะดี หรือไม่ก็คุกกี้ ปกติแนนจะมีไว้ในตู้นะ ช่าลองไปหาดู ถ้ามีก็แจ๋วเลย”
“ค่ะพี่”
พิชชารีบวิ่งกลับไปหาทันที ก็ปรากฏว่ามี เมดเดเลนกับคุกกี้อยู่ เลยอุ่นใจขึ้นมาหน่อย จากนั้นก็นั่งเลือกขึ้นฉ่ายที่ย่าหั่นรวมกับต้นหอมผักชีมาให้ออก เพราะกลัวจะลืม เสร็จแล้วก็ไปดูคู่มือว่าวันศุกร์จะต้องเสิร์ฟกาแฟสูตรไหน
“Coffee Breve แม่เจ้า! มันคืออะไรวะ?”
แค่เห็นชื่อสูตรก็งงแล้ว เลยต้องก้มหน้าอ่านคู่มืออย่างละเอียดอีกรอบ และด้วยความไม่เข้าใจ เพราะไม่ใช่คอกาแฟสักนิด
“คือกาแฟที่ประกอบด้วย Espresso กับ half-and-half ในปริมาณที่เท่ากัน”
คนอ่านอยู่นิ่งคิด เพราะงงไม่น้อย
“แล้วมันอะไรวะ half-and-half? จะบ้าตาย”
จากนั้นก็ก้มไปหาคำตอบในคู่มือ
“อ้อๆ เป็นครีมผสมกับนมในอัตราส่วนครึ่งต่อครึ่ง แล้วครึ่งต่อครึ่งนี่มันเท่าไหร่กับเท่าไหร่ล่ะว้า”
คนอ่านคู่มือเกาหัวแกรกๆ ด้วยความที่ยังคงงงอยู่ เลยอ่านวิธีชงต่อ
“ส่วนผสมคือ เอสเพรสโซหนึ่งชอร์ต เติมครีมฮาล์ฟแอนด์ฮาล์ฟสองเท่าของกาแฟ (เป่าให้ร้อนด้วยไอน้ำก่อนเทลงแก้ว) เป่ายังไงวะ ตายๆๆ ช่าเอ๊ย”
เลยเดินไปหาเครื่องชงกาแฟ สอดๆ ส่องๆ ก้มๆ เงยๆ ว่าที่เป่าอยู่ตรงไหน พอเห็นแล้วก็ก้มไปอ่านคู่มือต่อ
“อัตราส่วนคือหนึ่งต่อสอง กาแฟเอสเพรสโซ่หนึ่งส่วน ครีมฮาล์ฟแอนด์ฮาฟสองส่วน แล้วเติมฟองนมบางๆ ไว้ด้านบน (ครีมฮาล์ฟแอนด์ฮาล์ฟ คือ ครีมที่ทำจากส่วนผสมเท่าๆ กันของนมและครีม) รสชาติคอฟฟี่เบรเวจะออกมาคล้ายๆ กาแฟลาเต้ สั่งสูตรนั้นสูตรนี้ ทำไมไม่จ้างบรา
ริสต้ามาให้รู้แล้วรู้รอดไปนะ? ว่ามั้ยป้า? เครื่องครัวครบขนาดนี้ ก็น่าจะจ้างเชฟไว้ซะเลย เป็นเจ้าของธนาคารขนาดนี้กลัวอะไร ใช่มั้ยป้า?”
ขณะง่วนๆ อยู่กับคู่มือและเครื่องชงกาแฟก็บ่นไปตามประสาคนปากไว แต่ใจไม่คิดอะไรเท่านั้น ด้วยไม่คิดว่าแม่บ้านจะยกชามข้าวต้มออกจากห้องไปแล้ว
“ผมว่าส่งคุณไปเรียนง่ายกว่ามั้ย?”
“อุ๊ย!”
เพราะใจจดจ่ออยู่หน้าเครื่อง พอประโยคนี้ดังขึ้นก็ถึงกับกายสะดุ้ง แล้วหันไปหาต้นเสียงทันที เลยได้เห็นคนตัวสูงจนเกือบจะชนธรณีประตูยืนกอดอกจ้องตาเขม็งมาหา ใบหน้านั้นก็บึ้งนิดๆ เมื่อไม่รู้จะทำยังไงก็ได้แต่ส่งยิ้มแหยๆ ให้
“คุณมาแล้วเหรอคะ? ไม่เห็น...”
“ไม่เห็นมีใครมาบอกเลยงั้นสิ?” ดนตร์ขัดขึ้นทันควัน
“เอ่อ!”
“ถ้าให้บอก ผมก็อดรู้น่ะสิว่าคุณนินทาอะไรบ้าง”
“ไม่ได้นินทานะคะ แค่บ่น”
“แต่นั่นบ้านผมเรียกนินทา ว่าแต่มื้อเช้าผมล่ะจะได้กินหรือยัง หรือต้องส่งคุณไปเรียนก่อน?”
“เอ่อ! ใกล้แล้วค่ะ”
“อีกกี่นาที?”
“เอ่อ!”
คนถูกต้อนยืนคำนวณเวลาไม่ถูกเอาเสียเลย ด้วยไม่คุ้นเคยกับสูตรกาแฟใหม่
“ผมให้สูงสุดสิบนาที ถ้าสายแม้แต่นาทีเดียว หิ้วกระเป๋ากลับบ้านไปเลย เกตมั้ย?”
พ่นไฟใส่แล้ว คนหัวเกือบชนธรณีประตูก็เดินหน้าหงิกเข้าห้องไป ทิ้งให้คนงานใหม่เบ้หน้านิดๆ ตาม เพราะเหม็นขี้หน้าคนไม่เห็นค่าชีวิตหมาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ในใจก็คิดไปด้วย ว่าลาออกจากงานเก่ามาทำที่นี่มันคุ้มไหม
“ช่า! มัวยืนอะไรอยู่ล่ะจ๊ะ ตั้งเวลาเร็วๆ เข้า บอกไว้ก่อนนะว่าสิบนาทีก็คือสิบนาที สายไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว”
ตุ่นรีบเข้ามาเตือนด้วยความหวังดี
“ค่ะๆ”
เลยรีบเอามือถือจากกระเป๋ากางเกงมาตั้งเวลา แล้วจัดเครื่องปรุงใส่ถ้วยเล็กถ้วยน้อย กับจาน ชาม ช้อน ส้อมที่ต้องใช้ เมดเดเลนก็เอาออกมาจากตู้เรียงไว้อย่างสวยงาม น้ำแร่กับแก้วก็พร้อมสรรพ เสร็จก็ยกเข้าห้องเพื่อจัดลงโต๊ะก่อนเป็นเรื่องแรก มองไปหาเจ้านายเห็นว่าก้มดูเวลาอยู่ เลยรีบออกไป
ข้าวต้มถูกยัดเข้าไมโครเวฟก่อน แล้วตามด้วยเปิดเครื่องชงกาแฟ และต้องคอยชำเลืองดูคู่มือเป็นระยะๆ เพราะกลัวจะผิดสูตร จะพลอยถูกไล่ออกเอา รู้ถึงไหนคงอายเขาถึงนั่นกับเหตุผลที่ว่า จัดมื้อเช้าให้เจ้านายช้า ทุกอย่างเสร็จภายในเวลาเก้านาที เหลืออีกหนึ่งเผื่อเดินไปอีก
“วันนี้ประชุมกับทีม Invest เรื่องการบริหารความเสี่ยงค่ะ...”
พอเข้าห้องไป ก็เห็นเลขาใหญ่นั่งอยู่หน้าโต๊ะเจ้านาย ที่หูก็ฟัง ตาก็อ่านแฟ้ม ในหัวคิดนั่นนี่ไปด้วย แถมยังมีเวลาชำเลืองมองคนจัดโต๊ะมื้อเช้าได้อย่างสบาย เพราะคุณสมบัติพิเศษของเขา คือแบ่งช่องความคิดกับสมองได้หลายอย่าง