“เจ้าพูดง่าย แต่ทำจริงมิได้ง่ายอย่างปากพูดหรอกนะ”
“วันนี้ข้ากับเหมยเหม่ยช่วยกันทำความสะอาดห้องอ่านหนังสือให้เจ้าด้วยนะ เจ้าอ่านหนังสือได้เต็มที่เลย ส่วนเรื่องงานบ้านข้าจะจัดการให้”
“การสอบจำต้องใช้เงินมาก แล้วตอนนี้...ข้าก็แทบไม่เหลือเงินแล้ว”
ส่วนหนึ่งเพราะนำไปสู่ขอภรรยาที่รัก และอีกส่วนถูกภรรยาที่รักล้างผลาญจนหมด หวงสือหลิวหวนคิดถึงประโยคที่ว่า...คู่ชีวิตที่ดีคืออุ้มชูช่วยเหลือ ส่งเสริมและสร้างความสุข มิใช่เห็นแก่ได้หรือตักตวงความสุขอยู่ฝ่ายเดียว
“ถ้าเรื่องเงินเจ้าอย่าห่วง ข้ากับเหมยเหม่ยกินน้อยอยู่ง่าย พวกเราจะช่วยกันประหยัด ส่วนเรื่องที่ว่าจะหาเงินเพิ่มอย่างไร...เดี๋ยวข้าจะหาวิธีเอง”
ถานเทียนสวี่ได้ยินก็ยกยิ้มขบขัน “เจ้าพูดเพ้อเจ้ออะไร ประหยัดหรือ หาเงินหรือ แค่ทุกวันนี้เจ้าอยู่ติดบ้านก็ช่วยข้าได้มากแล้ว”
บุรุษผู้นี้หูหนักกว่าที่หวงสือหลิวคิด พูดโน้มน้าวอย่างไรก็บอกปฏิเสธท่าเดียว เห็นทีคงต้องแสดงให้เห็นเป็นที่ประจักษ์เสียก่อนกระมัง
ตกดึกถานเทียนสวี่แวะเข้าไปดูห้องที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสถานที่อ่านตำราของเขา พื้นถูกกวาดและถูจนขึ้นเงา โต๊ะ เก้าอี้ถูกจัดวางไว้ใกล้กับหน้าต่าง ตำราหนังสือวางไว้บนชั้น ข้าวของที่เคยกระจัดกระจายถูกจัดเก็บอย่างเรียบร้อย พร้อมกันนั้นยังมีแจกันดอกไม้วางให้ความสดชื่นอยู่ภายในห้องด้วย
มุมปากบุรุษโค้งขึ้นเล็กน้อย เขามองสำรวจไปรอบๆ ด้วยความรู้สึกอิ่มใจระคนสับสนอยู่เล็กน้อย เพราะตั้งแต่มีครอบครัว ถานเทียนสวี่ก็ห่างเหินจากเรื่องเรียนมานาน จนหลงลืมไปแล้วว่าเขาคิดฝันอยากจะทำอะไร
“ฮั่นแน่! ถูกใจใช่ไหมเล่า ข้าเลือกวางโต๊ะตรงมุมนี้เพราะช่วงเช้าแสงแดดจะส่องเข้ามาทางนี้โดยตรง เจ้าจะมองเห็นลานเรือนและต้นไม้ด้านนอก ทำให้สมองเจ้าปลอดโปร่งยิ่งขึ้น”
“นี่เจ้าไม่ได้ฟังที่ข้าพูดเลยหรือไง เรื่องสอบน่ะ...”
“ข้ารับปากจะจัดการงานทุกอย่างให้ เหตุใดเจ้ายังต้องกังวลอีก”
ถานเทียนสวี่ถอนหายใจ “ข้าไม่รู้หรอกนะว่าเจ้าคิดจะทำอะไร แต่ตั้งแต่ข้ามีเฉ่าเหมย ข้าก็สาบานว่าจะเลี้ยงดูนางไม่ให้ลำบาก ฉะนั้นสิ่งที่ข้าอยากทำตอนนี้คือตั้งใจทำงานเพื่อนาง”
หวงสือหลิวกระโดดมายืนตรงหน้าถานเทียนสวี่ “หากอยากทำเพื่อเฉ่าเหมย เจ้ายิ่งต้องเข้าสอบ”
ถานเทียนสวี่ถอนหายใจอีกครั้ง สายตาของเขาดูเบื่อหน่ายและเริ่มรำคาญสตรีหัวดื้อผู้นี้แล้ว
“ข้าพูดจริงๆ นะ ความทะเยอทะยานของเจ้าจะนำพามาซึ่งความมั่งคง หากเจ้าประสบความสำเร็จ เส้นทางชีวิตของเหมยเหม่ยก็จะเหมือนถูกโรยด้วยกลีบกุหลาบ”
ในภพที่จากมา หวงสือหลิวจะต้องปากกัดตีนถีบทำงานสารพัดอย่างเพื่อเลี้ยงตัว ส่วนหนึ่งเพราะชีวิตของนางไม่ได้มีทางเลือกมากนัก พ่อแม่ไม่ได้วางแผนชีวิตในระยะยาว คิดเพียงมีเงินไว้ใช้จ่ายให้รอดไปวันๆ เท่านั้น
ไม่มีรากฐานในชีวิตที่มั่งคง ไม่มีทรัพย์สิน ไม่มีเงินเก็บ อีกทั้งยังโดนเอาเปรียบจากสังคมโดยรอบ ทุกวันที่ตื่นนอนจึงรู้สึกว่าชีวิตนั้นช่างน่าอึดอัดและหม่นหมองเสียเหลือเกิน
“ข้าอยากให้เจ้าลองเก็บไปคิดดู อยากให้เจ้ามองภาพชีวิตให้ไกลกว่านี้ ไม่ใช่ว่าที่เจ้าทำอยู่ตอนนี้ไม่ดีนะ แต่หากมีทางอื่นให้เลือกเดินอีกทั้งเป็นความฝันของเจ้า ข้าก็ไม่อยากให้เจ้าล้มเลิกง่ายๆ”
หวงสือหลิวกล่าวจบก็เดินออกไป ปล่อยให้ถานเทียนสวี่ได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเองสักพัก
และตลอดทั้งคืนถานเทียนสวี่ก็ใช้เวลาอยู่ในห้องอ่านหนังสือนั่น เขาหยิบตำราขึ้นมาเปิดอ่าน รำลึกถึงความรู้สึกแรกที่เขียนชื่อตัวเองได้ วันแรกที่ขอติดเกวียนรถลากของชาวบ้านเข้าไปในตัวเมือง ขอไปอาศัยอยู่ในวัดเพื่อร่ำเรียนหนังสือกับบรรดาลูกชายพ่อค้า
อาจารย์หลายท่านมักบอกว่าถานเทียนสวี่มีพรสวรรค์ เขาจะต้องได้ดีและเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงานอย่างแน่นอน
เสียงไก่ขันที่ด้านนอกบ่งบอกว่าเป็นเวลาย่ำรุ่งแล้ว ถานเทียนสวี่ผลักบานหน้าต่างออกไปเพื่อสูดอากาศ เขาเห็นหวงสือหลิวกำลังโปรยข้าวเปลือกให้พวกไก่ เข้าไปเก็บไข่ออกมาจากเล้า รดน้ำที่ต้นไม้ นำเนื้อหมูที่แล่จนเป็นแผ่นเนื้อบางใส่กระด้งออกมาตากแดด
“อรุณสวัสดิ์ถานเทียนสวี่” หวงสือหลิวเพิ่งสังเกตเห็นว่าถานเทียนสวี่กำลังยืนมองมาที่นางจึงยกมือขึ้นโบกไปมา “อีกเดี๋ยวข้าจะทำข้าวเช้าให้นะ”
“อืม”
หวงสือหลิวยิ้ม กำลังจะเดินกลับเข้าเรือนแต่แล้วก็ผินหน้ากลับมาถาม “วันก่อนข้าเห็นว่าเจ้าปักต้นกล้าที่นาใกล้เสร็จแล้ว เมื่อวานเจ้าก็ออกไปทำต่อจนถึงเย็น คงจะเสร็จหมดแล้วใช่หรือไม่”
ถานเทียนสวี่พยักหน้า
“เช่นนั้นวันนี้เจ้าหยุดพักที่เรือนเถอะ นั่งอ่านตำราไป เดี๋ยวช่วงสายข้าจะไปดูที่นาให้ แล้วก็จะแวะตลาดหาลู่ทางทำเงินเพิ่ม”
คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันทันที “นี่เจ้ายังคิดจะทำงานอยู่อีกหรือ”
“ใช่สิ ข้าอยากสนับสนุนเรื่องเรียนของเจ้า” หวงสือหลิวตอบตามความจริง “หรือเจ้าอยากเข้าเมืองไปร่ำเรียนหรือหาซื้อตำราเพิ่มก็ไปได้นะ ไม่ต้องห่วงเหมยเหม่ย ข้าดูแลได้”
จู่ๆ สีหน้าของถานเทียนสวี่ก็ดำทะมึนขึ้น “ที่แท้เจ้าก็อยากให้ข้าไปอยู่ไกลบ้าน... หวง-สือ-หลิว เจ้ามันร้ายกาจนัก!”
ถานเทียนสวี่ปิดหน้าต่างดังปัง หวงสือหลิวยืนนิ่งตาค้าง นี่นางพูดอะไรผิดไปหรือ? ทำไมถานเทียนสวี่ถึงคิดว่านางต้องการไล่เขาไปอยู่ไกลบ้าน... ทำไมเขามองเจตนาดีของนางเป็นอื่นไปเสียได้เล่า!?