ผลักดันสามี 1

1180 Words
ไม่รู้ว่าถานเทียนสวี่คิดเห็นอย่างไรกับข้อเสนอของหวงสือหลิว เพราะทันทีที่หญิงสาวพูดจบ เขาก็เดินหน้านิ่งออกไปจากห้องทันที รุ่งเช้าเมื่อตื่นขึ้นมาเห็นหวงสือหลิวกำลังจัดเตรียมอาหารพร้อมส่งรอยยิ้มหวานมาให้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ถานเทียนสวี่ยิ่งเกิดอาการสงสัยและแผ่รังสีไม่วางใจในตัวภรรยาของตนมากขึ้น “วันนี้ให้ลูกอยู่กับข้าที่เรือนนะ ให้นางออกไปตากแดดตากลมบ่อยๆ เดี๋ยวจะไม่สบายเอา” “เจ้าไม่ชอบเด็ก... เลี้ยงเด็กไม่เป็นไม่ใช่หรือ” หวงสือหลิวส่ายหน้า “เมื่อก่อนใช่ ตอนนี้ไม่แล้ว” “หึ! คิดว่าข้าจะไว้ใจให้เจ้าดูแลลูกหรือไง” ถานเทียนสวี่ว่าพลางคีบข้าวเข้าปากต่ออย่างไม่แยแส หวงสือหลิวทำหน้าเศร้า หันไปมองทางเฉ่าเหมย เฉ่าเหมยน้อยคล้ายว่ารู้ความนัยของมารดาก็โพล่งขึ้น “เฉ่าเหมยอยากอยู่กับท่านแม่” ถานเทียนสวี่ตวัดตาขึ้นพลางเอ่ยเสียงดุ “เฉ่าเหมย เจ้าจำไม่ได้หรือว่าแม่เจ้าใจร้ายเพียงใด ครั้งก่อนยังตีเจ้า...” หวงสือหลิวรีบเอื้อมมือไปปิดปากของถานเทียนสวี่ไว้ “เจ้าพูดอะไร อยากทำให้เหมยเหม่ยกลัวข้าหรือไง” “เหมยเหม่ย?” ถานเทียนสวี่ทำหน้างง เฉ่าเหมยหัวเราะ ปกติบิดาชอบทำหน้านิ่งไม่แสดงอารมณ์อยู่เสมอ ตอนนี้เห็นเขาทำหน้าเหมือนไก่ตื่น เด็กน้อยจึงหัวเราะชอบใจใหญ่ “เหมยเหม่ย วันนี้อยู่เล่นกับแม่ที่เรือนนะ” “นี่เจ้า!” ถานเทียนสวี่กำลังจะห้ามอีกครั้ง แต่หวงสือหลิวกลับลุกขึ้นเดินอ้อมมาหาเขา กุมมือทั้งสองของชายหนุ่มไว้พลางส่งเสียงอ้อนอย่างน่ารัก “เชื่อใจข้าเถิด ข้าสัญญาจะดูแลลูกของเราอย่างดี” ลูกของเรา... หัวใจของถานเทียนสวี่เต้นโครมครามจนแทบจะทะลุออกมานอกอก ดวงตาคนทั้งคู่มองสบกันนิ่ง “หะ...หากเจ้าทำร้ายลูก ข้าไม่ให้อภัยแน่” หวงสือหลิวรับคำหนักแน่นก่อนจะรีบวิ่งกลับเข้าไปในครัว ถานเทียนสวี่มองตามนางก่อนจะก้มมองมือของตน เมื่อครู่ที่ถูกหญิงสาวกอบกุมไว้มันช่างให้ความรู้สึกประหลาดนัก หวงสือหลิวไม่เคยพูดจาดีกับเขา ไม่เคยเอาใจ หรือกระทั่งแตะเนื้อต้องตัวก็ยังไม่เคย แต่ทำไมเมื่อครู่... “เจ้าเอานี่ไปด้วยนะ” หวงสือหลิวเดินออกมาจากครัวพร้อมตะกร้าไม้ไผ่ที่ถานเทียนสวี่มักเอาไว้ใส่ของกินแล้วถือไปที่นาด้วย “ข้าเตรียมอาหารกลางวันไว้ให้เจ้าด้วย กินเยอะๆ จะได้มีแรง” ถานเทียนสวี่มองหวงสือหลิวจัดแจงสัมภาระให้เขาเงียบๆ แน่นอนว่าเขายังไม่ไว้ใจนาง แต่อีกใจก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าสุขใจเพียงใดที่ได้เห็นภรรยาเอาใจใส่เขามากเช่นนี้ “พ่อจะรีบไปรีบกลับนะ หากมีอะไร...” ถานเทียนสวี่ที่กำลังลูบศีรษะเฉ่าเหมยชำเลืองมองหวงสือหลิว “เจ้าจะต้องรีบบอกพ่อทันทีนะ” เฉ่าเหมยหอมแก้มถานเทียนสวี่หนึ่งที แล้วจึงหันหลังกลับมาตะกายให้หวงสือหลิวอุ้มตน ก่อนยิ้มตาหยีและตะโกนว่า “ท่านพ่อหอมด้วย!” ถานเทียนสวี่เข้าใจว่าเฉ่าเหมยอยากให้เขาหอมนาง บุรุษจึงเดินเข้าไปหมายจะหอมแก้มกลมป่อง แต่เฉ่าเหมยกลับสะบัดหน้าหนีแล้วชี้ไปที่คนที่กำลังอุ้มนาง “ท่านแม่ หอมท่านแม่” ถานเทียนสวี่นิ่งไป มองหวงสือหลิวที่ยิ้มหน้าแดงอยู่ครู่หนึ่งก็หมุนตัวเดินออกไปโดยไม่กล่าวอะไรเลยสักคำ “คนหรือน้ำแข็งเนี่ย เข้าถึงยากเป็นบ้า” หวงสือหลิวบ่นอุบก่อนหันมาหอมแก้มเฉ่าเหมยฟอดใหญ่ “เหมยเหม่ยนี่แหละ น่ารักที่สุดแล้ว” ถึงจะต้องเหนื่อยกับการพยายามเปิดใจสามีจอมเหี้ยม แต่ยังดีที่ได้กำลังใจน้อยๆ จากบุตรสาว ในนิยายเคยเขียนเล่าถึงฉากที่เฉ่าเหมยน้อยพยายามจะเข้าหาหวงสือหลิว นางคงจะอยากใกล้ชิดกับผู้เป็นแม่ตามประสาลูก ทว่าหวงสือหลิวกลับทำหน้ารำคาญ ซ้ำยังตีเด็กน้อยจนไข้ขึ้นนอนซมไปหลายวัน เรียกว่าเป็นแม่ที่เลวทรามยิ่งกว่าอะไร ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถานเทียนสวี่จึงหวงเฉ่าเหมยมากปานนี้ “เฉ่าเหมย วันนี้แม่จะทำความสะอาดบ้าน อยากช่วยแม่หรือไม่” “อยากๆ เฉ่าเหมยจะช่วยท่านแม่ทำสะอาด” หวงสือหลิวจัดการเปิดประตูหน้าต่างออกทั้งหมด ปกติแล้วถานเทียนสวี่เป็นคนทำงานทั้งนอกบ้านและในบ้าน ไม่รู้เลยว่าชายหนุ่มจะต้องเหนื่อยและทุกข์ใจเพียงไร ยิ่งได้เห็นครอบครัวบ้านอื่นมีความเป็นอยู่ที่ถ้อยทีถ้อยอาศัยซึ่งกันและกัน เขาคงจะต้องเศร้าใจมากเป็นแน่ หญิงสาวรวบผมของตนขึ้น เลิกแขนเสื้อและมัดชายกระโปรงให้สั้นเหนือเข่า จากนั้นหาผ้ามาปิดจมูกของตัวเองและเฉ่าเหมย ก่อนคู่แม่ลูกจะช่วยกันปัดกว้างเรือนจนสะอาด ช่วงกลางวันหลังทานอาหารแล้ว เฉ่าเหมยเริ่มงอแงเพราะง่วงนอน หวงสือหลิวจึงต้องวางมือจากผ้ากองใหญ่แล้วกล่อมบุตรสาวให้นอนกลางวัน โดยที่หวงสือหลิวไม่รู้เลยว่าที่ด้านนอกหน้าต่างนั้น ถานเทียนสวี่ที่เป็นห่วงกลัวเฉ่าเหมยจะเป็นอันตรายได้วิ่งกลับมาแอบดู ครั้นเห็นว่าหวงสือหลิวมิได้ทำร้ายเฉ่าเหมย หนำซ้ำยังจัดการเรื่องงานบ้านเสียเรียบร้อยเขาก็แอบวางใจส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนก็ยังหวาดระแวงนางอยู่ดี เวลาผ่านไปจนทั้งสามได้กลับมาร่วมโต๊ะทานอาหารด้วยกันอีกครั้ง หวงสือหลิวจึงเริ่มเปิดปากเรื่องการสอบขุนนางของถานเทียนสวี่ “ถานเทียนสวี่ เจ้าไม่อยากเข้าสอบขุนนางแล้วหรือ” “ข้ามีงานต้องทำ ไม่มีเวลาไปเข้าสอบหรอก” “เจ้าอยากรับราชการขุนนางมิใช่หรือ” ถานเทียนสวี่เหลือบตามอง “ไม่ยักรู้ว่าเจ้าจำได้ว่าข้าอยากเป็นอะไร” “ทำไมจึงจะจำไม่ได้เล่า” หวงสือหลิวคีบชิ้นปลาใส่ชามให้ชายหนุ่ม “ข้าไม่อยากให้คนปราดเปรื่องอย่างเจ้าต้องเสียโอกาสดีๆ เพียงเพราะแต่งงานกับข้าหรอกนะ” เพราะในภายหน้า อย่างไรถานเทียนสวี่ก็จะสอบเข้ารับราชการขุนนางได้อย่างแน่นอน มิสู้ช่วยสนับสนุนเขาเสียตั้งแต่ตอนนี้ หวงสือหลิวจะได้กลายเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของถานเทียนสวี่ ซึ่งอาจช่วยรักษาชีวิตของนางไม่ให้ดับสูญก็เป็นได้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD