เท่าที่หวงสือหลิวรู้ สกุลหวงเป็นตระกูลที่ให้ความสำคัญกับเงินทองมากกว่าหน้าตา เมื่อได้รับแจกันหยกหายากราคาแพงจากบุตรเขย พ่อตาอย่างหวงซ่างก็ยิ้มร่า เอ่ยชมความกตัญญูของถานเทียนสวี่เสียยกใหญ่
“มีลูกเขยดีนับเป็นวาสนาของข้าเสียจริง”
หวงซ่างเป็นชายแก่สูงผอมดูเก้งก้าง ใบหน้าผอมซูบ ดวงตาลึกโบ๋คล้ายคนอดหลับอดนอนมาหลายคืน หลายคนว่าเขาขี้เหนียวมาก ไม่ยอมซื้อของบำรุงร่างกาย ในหนึ่งสัปดาห์กินเพียงข้าวต้มและปลาทอดหนึ่งตัวเท่านั้น
กลางดึกก็เอาแต่นั่งนับเงินและดอกเบี้ยที่เก็บมาจากชาวบ้านจนไม่ยอมหลับยอมนอน
“ท่านตา เฉ่าเหมยคารวะท่านตา” เฉ่าเหมยโค้งศีรษะจนติดพื้น กล่าวเสียงใสเคารพผู้อาวุโสอย่างรู้งาน
“อืม” ปรายตามองหลานสาวหนึ่งทีก่อนจะหันกลับมาเอาผ้าถูแจกันใบงามอย่างทะนุถนอม
“ท่านพ่อ วันเกิดท่านปีนี้ขอให้ท่านสุขภาพแข็งแรงอายุยืนนาน มั่งมีเงินทองลูกหลานรายรอบเจ้าค่ะ”
หวงซ่างชะงักมือ เงยหน้ามองหวงสือหลิวด้วยความแปลกใจ “เจ้า...กินยาผิดสำแดงมาหรือไง ทุกปีเจ้าแช่งให้ข้าตายไวๆ มาเพลานี้มาอวยพรให้ข้าอายุยืนหรือ”
หวงสือหลิวปั้นหน้ายิ้ม “เมื่อก่อนลูกอกตัญญูไม่รู้ความ ตอนนี้ออกเรือนมีครอบครัว มีบุตรเป็นของตัวเองจึงเข้าใจความรักความหวังดีของท่านพ่อเจ้าค่ะ”
ถานเทียนสวี่ชำเลืองมองหวงสือหลิวอย่างนึกสงสัย ทุกครั้งเวลาสองพ่อลูกพบหน้ากันเป็นต้องด่าทอเขม็งตาดุใส่กันตลอด หวงสือหลิวโกรธเคืองที่ถูกหวงซ่างบังคับนางให้แต่งกับถานเทียนสวี่ ส่วนหวงซ่างเองก็รังเกียจความดื้อรั้นและโอหังของบุตรสาวคนรองของตนเหมือนกัน
“ฮ่าๆๆๆ ดี! ค่อยดูสมกับเป็นบุตรสาวข้าหน่อย” หวงซ่างรู้สึกว่าวันนี้ช่างเป็นวันที่ดีเสียเหลือเกิน เขาถามคำใด หวงสือหลิวตอบรับอย่างไม่โกรธเคือง วาจาไพเราะอ่อนหวานจนผิดวิสัย
“ท่านพี่ แขกมาถึงแล้ว เชิญที่ห้องอาหารเถิด” ฉางรั่วเดินมาตามสามี หันมองทางหวงสือหลิวก่อนจะกระแทกเสียง “พวกเจ้าก็เชิญ”
ทั้งหมดพากันเดินมายังอีกห้องซึ่งอยู่ติดกัน บนโต๊ะกลมนั้น มีหวงหยานถิงในชุดสีขาวบริสุทธิ์ดั่งเทพธิดาจอมปลอมกำลังส่งยิ้มเขินอายให้ชายหนุ่มหน้าตาคมเข้มท่าทางทะมัดทะแมงที่นั่งอยู่ข้างนาง ถัดออกไปเป็นหญิงวัยกลางคนหน้าตาใจดีดูมีฐานะ
“อุ๊ย! ดูแล้ว...โต๊ะคงจะไม่พอกับจำนวนคน” ฉางรั่วแกล้งทำเป็นว่าตนคำนวณผิดพลาด
หวงสือหลิวสูดหายใจก่อนเอ่ยตอบแม่เลี้ยงตน “ไม่เป็นหรอกเจ้าค่ะแม่ใหญ่ เดี๋ยวข้าและครอบครัวออกไปนั่งข้างนอกตรงร่มไม้ใหญ่ก็ได้เจ้าค่ะ ตรงนั้นมีโต๊ะหินอ่อน อีกทั้งอากาศก็เย็นสบายดีด้วย”
ฉางรั่วอ้าปากค้าง มองลูกเลี้ยงของตนจูงมือถานเทียนสวี่และเฉ่าเหมยออกไปแล้วหันกลับมาทำหน้างงๆ กับหวงซ่าง
“สือหลิวโตขึ้นมากจนเจ้าก็อดแปลกใจไม่ได้ใช่ไหมเล่า” หวงซ่างหัวเราะก่อนจะเดินมานั่งที่โต๊ะอาหาร
“ว่าที่พ่อตา สุราจอกนี้ข้าขอคำนับท่าน อวยพรท่านให้สุขสำราญตลอดปี” ชายหนุ่ม นาม สุ่ยเกาเจี้ย บุตรชายร้านขายผ้าในเมือง ยกจอกสุราขึ้นแล้วดื่มรวดเดียวจนหมด
“ขอบใจว่าที่ลูกเขย” หวงซ่างหัวเราะ ยกจอกสุราขึ้นดื่มรับคำอวยพร
“ท่านพี่ อาหารมื้อนี้เป็นคุณชายสุ่ยเตรียมมาให้ท่าน ท่านกินเยอะๆ นะเจ้าค่ะ” ฉางรั่วคีบอาหารใส่ชามของสามีพลางเอ่ยชมความใส่ใจของสุ่ยเกาเจี้ยไม่ขาดปาก “หยานถิงช่างโชคดีนักที่ได้มาเจอกับชายหนุ่มแสนดีเยี่ยงคุณชาย”
โชคดีที่ได้เจอหรือ...ความจริงคือไปดักรอจนได้เจอต่างหากเล่า
หวงสือหลิวเงี่ยหูฟังเสียงพูดคุยที่ดังแววมาจากในเรือน นางยักไหล่แล้วคีบเอาเนื้อชิ้นหนึ่งเข้าปากก่อนจะรีบคายออกมาในทันที “ทำไมมันเย็นชืด... แล้วยัง... มีกลิ่นแปลกๆ ด้วย”
หวงสือหลิวร้องห้ามถานเทียนสวี่และเฉ่าเหมยไม่ให้คีบอะไรเข้าปาก ก่อนจะเดินดุ่มๆ ไปที่ครัว
“ใครเป็นคนเตรียมอาหารให้ข้า”
สตรีสองนางที่กำลังนั่งปอกไข่อยู่หันมามอง พวกนางเพิ่งมาอยู่ประจำที่นี่เพียงห้าวัน เนื่องด้วยความตระหนี่ของสองสามีสกุลหวงและความเจ้าเล่ห์ร้ายกาจของหวงหยานถิง ทำให้ไม่มีใครอยู่รับใช้ตระกูลนี้ได้เกินเดือนเลยสักคน
“คุณหนูรองมีอะไรหรือเจ้าคะ”
คุณหนูรอง? คนที่นี่มันอย่างไรนะ มิใช่ผู้รากมากดีเสียหน่อย จำเป็นต้องให้คนอื่นเรียกยกย่องตัวเองเพียงนี้เลยหรือ
“เรียกข้าว่าสือหลิวก็พอ ว่าแต่...” หวงสือหลิวชะเง้อคอมอง “ในนี้มีอะไรเหลือให้กินบ้าง”
สองหญิงสาวหันมองหน้ากัน ไม่รู้ว่าจะตกใจกับท่าทางที่เป็นกันเองของหวงสือหลิวหรือที่นางเดินเข้ามาเปิดหม้อและทำท่าจะจุดเตาไฟ
“เอ่อ... แม่นางสือหลิวจะทำอะไรหรือ”
“มีแต่อาหารเย็นชืด ขืนให้เหมยเหม่ยกิน เดี๋ยวก็ได้ท้องเสียกันพอดี”
“แต่ฮูหยินสั่งไว้...” สตรีนางหนึ่งหลุดปาก นางทำหน้าตื่นก่อนก้มหน้าตัวสั่น
หวงสือหลิวกลอกตาเบื่อหน่าย นางหันไปรอบๆ แล้วเดินไปหยิบตะกร้าใบหนึ่งขึ้นมา ใส่ไข่ที่ทั้งต้มและยังไม่ต้มลงไป เอื้อมไปหยิบเนื้อหมู ไก่และปลามาด้วย
“วันนี้บนเรือนมีอาหารมากพอแล้ว เช่นนั้น...ของพวกนี้ข้าขอละกัน”
แต่แล้วขณะเดินออกมา หวงสือหลิวพลันชนเข้ากับอกแกร่งของใครบางคน นางรีบก้มดูไข่ในตะกร้าว่าได้รับความเสียหายหรือไม่ก่อนจะเงยหน้าขอโทษคนตรงหน้า
“ข้าไม่ทันระวังเอง ขอโทษด้วย”
สุ่ยเกาเจี้ยขมวดคิ้วให้กับการกระทำของหญิงสาวพลางเอ่ยถาม “เจ้าขอโทษคนอื่นเป็นด้วยเหรอ เห็นเอาแต่ตวาดด่า...”
หวงสือหลิวไม่ตอบ นางยิ้มน้อยๆ ก่อนเดินกลับมาหาถานเทียนสวี่และเฉ่าเหมย
“เหมยเหม่ยทนหิวไหวหรือไม่ กินไข่ต้มพวกนี้รองท้องไปก่อนนะ”
หวงสือหลิวนั่งลงคุยกับเฉ่าเหมย แต่กับถานเทียนสวี่นั่นเอาแต่ยืนจ้องสุ่ยเกาเจี้ยตาเขม็ง มือทั้งสองกำแน่น ดวงตาพลันดุดันขึ้นหลายเท่าตัว