บทที่3

2004 Words
รถยนต์คันหรูสีดำสัญชาติอิตาลีแล่นเข้ามาจอดหน้าคฤหาสน์ตระกูลเมแกน ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่อยู่ในชุดลำลองสบายๆ แต่ยังคงไว้ซึ่งความดูดีแม้ชุดที่สวมใส่จะเป็นเพียงเสื้อยืดกับกางเกงยีนส์เดินลงมาจากรถ บอดี้การ์ดที่ยืนรักษาความปลอดภัยอยู่บริเวณนั้นก็พากันโค้งศีรษะเป็นการทักทายเช่นเดียวกับชายหนุ่มก็โค้งศีรษะรับเช่นเดียวกัน “ป๋าแมทขา สวัสดีค่ะ” น้ำเสียงสดใสดังมาแต่ไกลก่อนเจ้าของเสียงจะวิ่งออกมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มดีใจหยุดยืนอยู่ตรงหน้าชายหนุ่มยกมือไหว้สวัสดี “ครับ แล้วเสือล่ะ” เอ่ยถามออกไป คนถูกถามยิ้มแฉ่งเดินเข้ามาคล้องแขนชายหนุ่มเอาไว้ “แด๊ดอยู่ในห้องทำงานค่ะ ส่วนแม่ก็อยู่ในห้องครัว ส่วนของขวัญก็เข้าไปอยู่ในใจป๋าแมท” ใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มเอียงคอมองแมทธิวด้วยยิ้มสดใสผสมเขินอายกับประโยคสุดท้ายของตัวเองที่เอ่ยหยอดออกไป ส่วนแมทธิวก็ได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆ พร้อมกับเดินเข้าไปด้านใน “มั่วจริงๆ” “ไม่ได้มั่วค่ะ ของขวัญพูดจริงๆ นะคะ ของขวัญเข้าไปอยู่ในใจของป๋าแมทตั้งนานแล้วป๋าแมทไม่รู้เหรอคะ” “หิวข้าวจนเพี้ยนไปแล้วหรือไง” รณาย่นจมูกใส่อย่างหมั่นไส้ที่ถูกแมทธิวว่าเพี้ยน “ของขวัญเพี้ยนแล้วป๋าแมทรักมั้ยล่ะคะ” เอ่ยถามออกไปแล้วก็ถึงกับหน้าแดงระเรื่อด้วยความอาย และก่อนที่แมทธิวจะได้เอ่ยตอบออกไปเสียงของบุคคลที่สามก็ดังแทรกเข้ามาขัดจังหวะพอดี “ของขวัญ หนูเป็นผู้หญิงนะลูก” เบญจมินเอ่ยปรามบุตรสาว ในขณะที่ตัวเองเดินลงมาจากบันได แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าบุตรสาวของตนนั้นรักแมทธิวมากถึงขั้นอยากแต่งงาน ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันแต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะเขาก็ยังไม่ชินอยู่ดีหากลูกน้องคนสนิทที่มีอายุมากกว่าตัวเขาเองด้วยซ้ำจะเลื่อนขั้นมาเป็นลูกเขยซึ่งมันดูแปลกๆ ชอบกล ส่วนรณาเมื่อเห็นบิดาเดินลงมาก็รีบเดินเข้าไปคล้องแขนแกร่งและซบหน้าลงกับท่อนแขนนั้นเป็นการอ้อนเอาใจ “ของขวัญรักแด๊ดนะคะ รักมากที่สุดในโลก ไม่มีผู้ชายคนไหนมาแทนที่แด๊ดได้แน่นอนค่ะแม้แต่ป๋าแมทก็แทนที่แด๊ดไม่ได้" เบญจมินยกมือขึ้นมาลูบศีรษะบุตรสาวด้วยความรักและเอ็นดู ไม่ว่าวันเวลาจะหมุนเวียนเดินหน้าผ่านไปกี่ปีแต่สำหรับเขารณาก็ยังเป็นเด็กตัวเล็กๆ ที่เขาไม่อยากปล่อยให้ห่างจากอกเลยแม้แต่น้อย "ไม่ต้องมาปากหวานอ้อนแด๊ดเลย ถ้าแด๊ดแก่มากไปกว่านี้กลัวแต่เราจะเบื่อและรำคาญแด๊ดน่ะสิ" "ใครจะไปเบื่อแล้วก็รำคาญแด๊ดกันค่ะ ของขวัญไม่รำคาญเลยสักนิด มีแต่จะรักแด๊ดยิ่งๆ ขึ้นไปเสียอีก" "ปากหวานขนาดนี้อยากได้อะไรจากแด๊ดอีกล่ะลูก" จีรณาที่เดินออกมาจากห้องครัวได้ยินคำพูดหวานหูของบุตรสาวก็เอ่ยขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้มมองสองพ่อลูกยืนกอดกันด้วยความรักที่เปี่ยมล้น ก่อนจะส่งยิ้มไปให้ผู้ชายอีกคนที่อยู่ตรงนั้นเป็นการทักทาย "คุณแม่นี่รู้ทันตลอดเลย เอาไว้ให้ทานข้าวเสร็จก่อนแล้วของขวัญค่อยบอกดีกว่าค่ะ ตอนนี้ของขวัญว่าเราไปทานข้าวเช้ากันก่อนดีกว่ามั้ยคะ ป๋าแมทตื่นมาแต่เช้าคงหิวแย่ ใช่มั้ยคะป๋าแมท มาค่ะ เราไปทานข้าวกันดีกว่า" ไม่พูดเปล่ารณายังเดินมาจับมือแมทธิวตรงไปยังห้องอาหาร เบญจมินที่ยืนมองบุตรสาวจับมือผู้ชายต่อหน้าต่อตาก็อ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออก จนจีรณาต้องลูบแขนแกร่งเบาๆ ด้วยรอยยิ้มกับความขี้หวงบุตรสาวของสามี ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนเบญจมินก็ยังหวงบุตรสาวอยู่เหมือนเดิมและดูจะมากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ "ไปทานข้าวกันดีกว่าค่ะ" "ผมจะกินลงมั้ยเนี่ยจี เห็นลูกสาวเราเอาอกเอาใจไอ้แมทขนาดนั้น" "ยังไม่ชินอีกเหรอคะ ฉันว่าคุณควรทำใจยอมรับในสิ่งที่ลูกเลือกดีกว่านะคะ สิ่งไหนคือความสุขของลูกเราก็ปล่อยแกไป" "ด้วยการให้ลูกแต่งงานกับคนที่แก่คราวพ่อน่ะเหรอจี" "ลุงแมทก็ไม่ได้แก่ขนาดนั้นสักหน่อย ยังดูดีเหมือนสมัยเป็นวัยรุ่นไม่มีผิด... อีกอย่างนะคะ ความรักมันเลือกไม่ได้หรอกนะว่าจะเกิดเมื่อไหร่เกิดเวลาไหน เกิดกับคนแก่หรือคนหนุ่ม คนแก่ก็มีหัวใจส่วนเด็กก็มีหัวใจเหมือนกันบางที ช่องว่างของอายุก็อาจไม่ใช่ปัญหาเสมอไป ถ้าเขาสองคนรักกันมากพอ" เบญจมินมองหน้าภรรยาคู่กายพร้อมกับผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ "แล้วไอ้แมทมันรักลูกเราหรือเปล่า" "นั่นมันเรื่องของเขาสองคนค่ะ เราทำได้แค่ดูอยู่ห่างๆ ไปคุณไปทานข้าว แล้วก็ช่วยทำหน้าตาให้มันสดชื่นหน่อยนะคะ ทำหน้าบึ้งแบบนี้หมดหล่อกันพอดี" ได้ยินภรรยาพูดมาแบบนี้คนที่กำลังเซ็งก็ถึงกับยิ้มออกมาในทันที โอบไหล่ภรรยาและพากันเดินไปห้องอาหารที่มีแมทธิวและรณานั่งรออยู่ในนั้น “ฉันกับจีจะไปฮันนีมูนสักอาทิตย์เสร็จแล้วก็จะไปเยี่ยมแม่กับแด๊ดและก็ไอ้แสบสองคนนั้นอาจจะอยู่ที่นั่นต่ออีกสักอาทิตย์ถึงจะกลับ ยังไงทางนี้ก็คงต้องฝากนายดูแลด้วยนะแมท” เบญจมินเอ่ยขึ้นหลังจากที่ทานอาหารเสร็จและพากันมานั่งที่ห้องรับแขก “ได้ ไม่มีปัญหา” “และที่สำคัญฝากนายดูแลของขวัญด้วย” “เรื่องนั้นแด๊ดไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ เดี๋ยวของขวัญจะให้ป๋าแมทดูแลอย่างเต็มที่เลยค่ะ” คนถูกฝากให้ดูแลรีบเสนอตัวให้อย่างเต็มใจ “ของขวัญ เรานี่ยังไงนะ แด๊ดจะไว้ใจเราได้มั้ยเนี่ย” เบญจมินเอ่ยออกมาอย่างอ่อนอกอ่อนใจในคำพูดของบุตรสาว ที่ดูจะดีอกดีใจจนออกนอกหน้ากับการให้แมทธิวดูแลเสียเหลือเกิน “ไว้ใจได้ค่ะ ของขวัญสัญญาด้วยเกียรติของเนตรนารีรุ่นสามัญว่าจะไม่ทำอะไรป๋าแมทให้ต้องเสื่อมเสียอย่างแน่นอน” ไม่พูดเปล่า ยังชูนิ้วสามนิ้วขึ้นมาเป็นการยืนยันในเกียรติของเนตรนารี เบญจมินเห็นแล้วก็จนปัญญาไม่รู้จะพูดอะไรต่อไปดี “เราก็ชอบแกล้งแด๊ดให้ปวดหัวอยู่เรื่อย...แม่ไม่อยู่ดูแลตัวเองด้วยนะลูก” “ค่ะ แม่กับแด๊ดไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ของขวัญดูแลตัวเองได้ แม่กับแด๊ดจะได้ไปฮันนี้มูนรอบที่ยี่สิบสองอย่างมีความสุข... แด๊ดขา ช่วงที่แด๊ดกับแม่ไม่อยู่บ้านของขวัญขอไปนอนที่คอนโดได้มั้ยคะ ของขวัญไม่อยากอยู่บ้านคนเดียว อีกอย่างไปอยู่คอนโดของขวัญจะได้ไปมหาลัยพร้อมกับป๋าแมทไงคะ ของขวัญก็จะได้อยู่ในสายตาของป๋าแมทตลอดเวลาด้วย แด๊ดก็จะสบายใจหายห่วง” เบญจมินหรี่ตามองบุตรสาวอย่างไม่ไว้ใจเท่าไหร่นัก ไม่รู้ว่าจะหายห่วงหรือเป็นห่วงหนักกว่าเดิมก็ไม่รู้ รณาเดินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตามแมทธิวไปยังห้องพักของตัวเองด้วยความดีใจที่จะได้มาอยู่ใกล้ชิดชายคนรัก แม้จะเป็นแค่เพียงช่วงเวลาสั้นๆ ไม่ถึงเดือนก็ตาม แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้เธอได้อยู่ใกล้ชิดเขามากขึ้น “ป๋าแมทจะไปไหนต่ออีกมั้ยคะ” เอ่ยถามขึ้นหลังจากที่แมทธิวเปิดประตูห้องพักของเธอนำกระเป๋าเสื้อผ้าของรณามาวางไว้หน้าประตูห้องนอน “ผมมีงานต้องทำ” “แต่วันนี้วันหยุดนะคะ ป๋าแมทควรจะหยุดพักผ่อนแล้วก็หาเวลาไปผ่อนคลายบ้าง เช่น ไปดูหนังกับคนที่เรารัก” เอ่ยออกไปแล้วก็บิดตัวด้วยความอายใบหน้าผะผ่าวขึ้นมาเสียอย่างนั้น “ผมไม่ชอบดูหนัง” “ไม่ชอบดูหนังแล้วอบของขวัญมั้ยคะ” เจอคำถามจุกๆ เข้าไปอีกหนึ่งดอกคนที่ยืนทำหน้านิ่งก็เริ่มจะไปไม่เป็นเช่นเดียวกัน ริมฝีปากยกยิ้มเล็กน้อยกับมุกเสี่ยวจีบผู้ชายของคนตรงหน้า “อากาศข้างนอกมันร้อนเหรอ” คนถูกถามขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็ตอบกลับไป “ค่ะ ก็นี่มันจะเที่ยงแล้ว” “ถึงว่า สงสัยเราจะโดนแดดเยอะไป แก่แดดเชียว” “ป๋าแมทอ่ะ! นี่ว่าของขวัญกับส่ายหน้าไปมา “ไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อนนะ” ว่าแล้วก็หมุนตัวเดินออกจากห้องไป แต่มีหรือที่รณาจะปล่อยให้โอกาสที่เธอจะได้ใกล้ชิดกับเขาสูญเปล่าไปเฉยๆ ร่างบางรีบเดินตามชายหนุ่มไปยังห้องพักเขาของในทันทีกว่าจะรู้ตัวว่ามีคนตามมาเจ้าตัวก็มาถึงหน้าห้องของตัวเองเสียแล้ว “ตามมาทำไม” “ก็มาอยู่เป็นเพื่อน ไม่สิ! เป็นเพื่อนไม่ได้แล้ว ต้องเป็นว่าที่สามีในอนาคตต่างหาก มาอยู่เป็นเพื่อนว่าที่สามีในอนาคตค่ะ” ลมหายใจหนักๆ ถูกผ่อนออกมา ให้ตายเถอะ! นี่กะจะหยอดเขาทุกครั้งที่มีโอกาสเลยหรือไงนะ “สัญญาก่อนว่าจะอยู่แบบเงียบๆ ห้ามพูดมาก ห้ามชวนคุย หรือทำอะไรเสียงดังรบกวนสมาธิผมเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นผมจะจับของขวัญกลับไปที่ห้องทันที” “ได้ค่ะ ไม่มีปัญหา สัญญาว่าจะนั่งดูป๋าแมทเฉยๆ” เมื่อได้ยินคำมั่นสัญญาที่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะสามารถเชื่อถือได้หรือเปล่านั้น แมทธิวก็เบี่ยงตัวให้รณาเดินเข้ามาในห้องตัวเอง เหมือนทุกอย่างจะเป็นจริงตามคำสัญญา เพราะตั้งแต่ที่รณาเข้ามาก็ไม่มีเสียงพูดคุยหรือทำอะไรเสียงดังรบกวนเขาแม้แต่น้อยเพราะเอาแต่นั่งเท้าคางจ้องเขาตาหวานเยิ้มอยู่อย่างนี้ตั้งแต่เขาเริ่มทำงานจนกินเวลามาเป็นครึ่งค่อนชั่วโมงรณาก็ยังจ้องมองเขาอยู่อย่างนั้น จนเขาไม่มีสมาธิทำงาน วางแฟ้มงานที่พยายามอ่านทำความเข้าใจในมือลงเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ยกมือขึ้นกอดอกจ้องรณากลับบ้าง “จะจ้องผมอีกนานมั้ย” ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้มหวานออกมาสายตาที่มองผู้ชายตรงหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก “นานไปตลอดชีวิตยังได้เลยค่ะ...ป๋าแมทรู้มั้ยคะว่าทำไมเราถึงสามารถนั่งมองอะไรนานๆ ได้โดยที่ไม่รู้สึกเบื่อ” “เพราะสิ่งนั้นคือสิ่งที่เราชอบ” ตอบออกมาโดยไม่ได้คิดอะไร แต่ทำให้คนฟังยิ้มกว้างออกมา “ถูกต้องค่ะ แต่สำหรับของขวัญมันเลยคำว่าชอบไปเป็นรักแล้วล่ะ ยิ่งมองก็ยิ่งหลงรักมากขึ้นเรื่อยๆ คนอะไรยิ่งแก่ยิ่งดูดี ป๋าแมทคือคนอายุห้าสิบที่ดูดีที่สุดในโลกรู้ตัวมั้ยคะ หล่อจนของขวัญหลงหัวปักหัวปำแล้วเนี่ย” ไม่รู้ว่าประโยคไหนที่ทำให้หัวใจของคนฟังเต้นแรงขึ้นมาได้ ริมฝีปากหยักจะยิ้มก็ไม่ยิ้มจะบึ้งตึงก็ไม่ใช่ มันคืออะไรกันหรือว่าเขากำลังเขินอย่างนั้นเหรอ --------------------------------------------------------------------------------------------------- หนูของขวัญหนูรุกหนักเกินไปแล้วนะลูก ลุงเเมทแกก้เขินเป็นเด้อ อ่านเเล้วอย่าลืมกดหัวใจส่งคอมเม้นเพื่อเป็นกำลังใจให้ไรต์ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD