“พี่ชาย” ธาราอ้าแขนรับร่างน้อยๆ ของน้องสาว
“เป็นไงบ้าง ยังเจ็บอยู่มั้ย” เด็กน้อยส่ายหน้า “เก่งจริงๆ น้องสาวพี่...ไหนมาดูการบ้านของน้องกันดีกว่า” พอเอ่ยถึงเรื่องนี้ เด็กน้อยก็หาวขึ้นมาทันที ธารารู้ทันแต่ก็ไม่บังคับฝืนใจ “โอเค ง่วงนั้นก็นอนซะ” เขาพูดพร้อมกับอุ้มเด็กน้อยไปวางลงบนเตียงช่วยเธอห่มผ้า
ธารากล่อมจนลำธารหลับไป แม่ก็กลับเข้ามาในห้องนอนพอดี “น้องหลับแล้วเหรอ”
“ครับ...แม่เหนื่อยหรือเปล่าครับ”
“เกิดเป็นคนก็ต้องเหนื่อย แต่ไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรงเลย หัสเขานอนได้มั้ย”
“นอนได้สบายครับแม่ ฟูกหนากว่าที่โรงเรียนเสียอีก...ขอบคุณนะครับแม่” ธาราพูดพร้อมกับกอดแม่และหอมแก้มแม่ และต้องแวะไปหอมแก้มน้องสาวที่หลับปุ๋ยไปแล้ว
?????? ??????
พรึ่บ! ทับทิมต้องก้มไปมองขาตัวเองที่จู่ๆ ก็ถูกวงแขนเล็กกอดรัดไว้พร้อมกับร่างน้อยๆ ของบุตรสาวที่พยายามแทรกตัวหลบ เมื่อมองตามสายตาของบุตรสาวตัวจ้อย ทับทิมก็ยิ้มออกมา “พอนอนได้มั้ยจ๊ะ” เธอทักทายหัสวีร์ที่เดินลงมาและกำลังเดินมาทางนี้
“สวัสดีครับคุณน้า...ขอบคุณมากครับ นอนสบายมากๆ ครับ”
“ที่แท้นายก็ปากหวานเป็นกับเขาด้วย” คุณทับทิมยังไม่ทันตอบ เสียงธาราที่เดินตามหลังมาก็เอ่ยแทรกเสียก่อน
“เจ้าลูกคนนี้นิ” ธาราเดินเลยหัสวีร์และเข้าไปหาน้องสาวตัวจ้อยที่พยายามหลบตัวเองจากสายตาผู้คน
“เป็นอะไรไปยายน้อง” ธาราคุกเข่าตรงหน้าเด็กน้อย หัสวีร์ทอดตาลงต่ำมองตัวผลุบๆ โผล่ๆ เขาเคยเห็นแต่ในรูป พึ่งจะได้เห็นตัวจริงเจ้าของงานฝีมือพวงมาลัยก้อนขยุ้มตอนนี้นี่เอง เด็กสาวดวงตากลม จมูกเล็กแหลม ริมฝีปากบางจิ้มลิ้ม ผิวขาวดั่งหยก “ไปทักทายเพื่อนพี่หน่อย” เด็กสาวส่ายหน้าปฎิเสธพร้อมเม้มปากแน่น
ทับทิมเห็นอากัปปริยาลูกสาวแล้วก็อดขำไม่ได้ เด็กตัวเท่านี้รู้จักอายเสียแล้ว “ไปสวัสดีพี่เขาหน่อย...” เมื่อมีคำสั่งของแม่สัมทับอีกรอบ เด็กสาวก็จำต้องค่อยๆ ขยับออกมาจากด้านหลังขาของแม่ เธอก้มลงต่ำปากเม้มปิดสนิท หัสวีร์มองกริยาท่าทางนั้นอย่างไม่เข้าใจนักแต่ก็อดไม่ได้ที่จะเกิดความเอ็นดู
ธาราเริ่มเข้าใจสาเหตุอากัปกริยาของน้องสาวจึงเดินไปกระซิบบอกเพื่อนว่า “ฟันน้ำนมซี่หน้าหลุดนะ” หัสวีร์ถึงกับบางอ้อ และเขาก็เผลอยิ้มเห็นฟันขาวเรียงตัวออกมาทันที การมาครั้งนี้ค่อนข้างกระชั้นและเขาที่อยู่โรงเรียนตลอดจึงไม่สะดวกที่จะหาของขวัญรับขวัญน้องสาวของเพื่อน
“ฉันควรมีของขวัญให้น้องสาวแกสักหน่อยนะ”
“ไม่ต้องหรอก”
“แต่ฉันว่าต้องนะ” และด้วยสายตาที่จริงจังของเพื่อน หลังมื้ออาหารเช้าพวกเขาสองคนก็ชวนกันออกไปข้างนอกและแน่นอนว่าน้องสาวตัวจ้อยก็ถูกชวนออกไปด้วย “ฉันเป็นเจ้ามือทุกอย่างเองนะ” ธาราพยักหน้าตามใจ และในวันนี้น้องสาวตัวจ้อยก็ได้รับของขวัญมากมายจากพี่ชายคนใหม่ เด็กไม่มีอะไรซับซ้อนใครดีมาเธอก็ดีตอบเพียงไม่นานเด็กน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มก็ยินยอมจูงมือพี่ชายคนใหม่ได้อย่างสนิทใจ
เวลาที่ค่อยๆ ผ่านไป เด็กๆ ก็ค่อยๆ เติบโตขึ้นซึ่งต่างก็มีหน้าที่ของตนที่ต้องกระทำ และอย่างไม่รู้ตัวหัสวีร์กลายเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวทรัพย์โภคิน จากแค่สองนักเรียนโรงเรียนเตรียมทั้งสองก็สามารถเข้าสู่โรงเรียนนายร้อยตำรวจได้อย่างราบรื่น หลังจากที่ทั้งสองไม่ได้กลับบ้านเป็นเวลาถึงสามเดือน ในวันนี้เมื่อทั้งสองกลับไปพร้อมในชุดเครื่องแบบนักเรียนนายร้อยตำรวจ ทำเอาคนที่รอคอยอยู่ที่บ้านถึงกับน้ำตาคลอมองทั้งสองคนด้วยความภาคภูมิใจ
แฉะ และเมื่อสองหนุ่มที่ยืนสองเท้าชิดตัวยืดตรงอยู่หน้าบ้าน เด็กสาววัยสิบเอ็ดขวบที่รู้ล่วงหน้าถึงกับต้องนำโทรศัพท์มือถือของแม่มาบันทึกภาพความภาคภูมิใจนั้นไว้หลายต่อหลายภาพ
หัสวีร์ชำเลืองมองเด็กน้อยที่ในวันนี้ยิ้มให้เขาจนตาหยีเต็มดวงหน้าในการพบเจอกัน อดไม่ได้ที่จะย้อนคิดไปถึงวันแรกที่ได้เจอกัน เด็กน้อยที่ฟันหรอไม่ยอมจะพูดคุยกับเขานักแม้จะเปิดใจให้เขามากขึ้นเรื่อยๆ ก็ตาม แต่ในวันนี้กลับเป็นฝ่ายวิ่งเข้ามาและเดินล้อมหน้าล้อมหลังเขาอย่างสำรวจร่างกายเขาทุกอณู “พวกพี่เท่ห์มากๆ” เด็กย่อมไม่โกหก “แต่คล้ำลงเรื่อยๆ”
“ลำธารอย่ากวนพี่เขา ให้พี่ๆ เขาไปเปลี่ยนชุดจะได้มากินข้าวกินปลา” เสียงปรามไม่จริงจังนักของผู้เป็นแม่
“ไม่นะ!” ธาราถึงกับหน้ามู่ เมื่อเขาที่พยายามจะอุ้มน้องน้อยของเขาเหมือนอย่างที่ผ่านมา แต่คราวนี้เด็กสาวกลับวิ่งหนีไม่ยินยอมอย่างที่ผ่านมา สร้างความประหลาดใจให้พี่ชายหัวใจกระตุกในทันที
“แม่ เกิดอะไรขึ้นอีกละครับ” เมื่อสถานการณ์ใหม่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว ธาราร้องถามมารดาเมื่อน้องสาววิ่งหนีหายเข้าไปในบ้านเสียแล้ว
“น้องเขาโตแล้ว ไม่ใช่เด็กน้อยในสายตาของพวกเราอีกแล้ว น้องเขาว่าอย่างงั้น” ธาราและหัสวีร์เมื่อได้ยินเหตุผลถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่ได้ เสียงหัวเราะของสองหนุ่มจึงดังออกมา ฮาฮา
?????? ??????
ธาราที่นอนหนุนตักแม่อย่างออดอ้อนในห้องนอนแม่ โดยมีลำธารนอนหนุนอีกฟาก สองพี่น้องศีรษะชนกันแบ่งปันตักอบอุ่นของแม่ “แม่ครับ หลังจากนี้พวกผมอาจจะไม่สามารถกลับมาได้บ่อยๆ นัก ผมกับหัสเราสองคนอยากเข้าหน่วยป้องกันและปราบปรามยาเสพติด เราสองคนจะพยายามและตั้งใจอย่างเต็มที่ในสี่ปีนับจากนี้”
ทับทิมไม่ได้ตกใจอะไร แม้ลูกชายจะแยกสายแตกต่างจากผู้เป็นบิดา แต่เหตุผลที่ลูกชายเลือกทางนี้เธอเข้าใจดี สามีเธอแม้จะอยู่หน่วยจราจรแต่เขาก็เป็นตำรวจ เมื่อพบเจอสถานการณ์ที่ประชาชนต้องการความช่วยเหลือเขาต้องเข้าไปช่วย “พ่อและแม่ภูมิใจในตัวลูก”