chapter 3

1638 Words
“ลามปาม” ดุทันที วงหน้าหวานเสแสร้งเป็นเศร้าอยู่ครู่ ทว่าพอมุมปากหนาหยักได้รูปกระตุกว่า “ถ้าแกมีปัญญานะ ยัยพาย”            “อุ๊ย...! พ่อดูถูกพายอ่ะ” เสียงตกใจตอบพลางยกมือแนบอก ขณิกาแน่ใจว่าเธอไม่ได้ขี้เหร่เลย ยังดูแลตัวเองอยู่เสมอประสาลูกคนมีเงิน ทว่าสำหรับปรีชาที่รู้จักหนุ่มใหญ่มานานมั่นใจว่าความสวยไม่ใช่ประเด็น            เศรษฐีพ่อม่ายลูกติด เจ้าของรีสอร์ตฟาร์มม้ากว้างขวางพื้นที่กว่าร้อยไร่ มีสาวน้อยใหญ่มารุมล้อมทอดสะพานให้มากมาย ไม่เคยจะได้สนใจใครนอกจากลูกสาว ด้วยเหตุว่าเขายังฝังใจกับภรรยาที่ลาจากโลกไปถึงสิบห้าปี            “พ่อพูดเรื่องจริง ไม่อย่างนั้นพ่อจะกล้าพาลูกสาวสุดที่รักของพ่อมาฝากรึ?”            “เชื่อแล้วค่ะ คุณพ่อขา...” แล้วเธอก็ซุกแก้มลงบนไหล่พ่อ ที่รักและเอาใจใส่เธอเป็นที่สุดด้วยความเป็นลูกคนเดียว            “เดี๋ยวตอนเย็น ลูกคงได้เจอพี่อริสา ลูกสาวนายภพ พ่อโทรหาแล้วล่ะ เห็นว่าจะกลับมาทานข้าวที่บ้านด้วยกัน กับข้าวที่นี่อร่อยมาก ถ้าลูกหิวลูกกินไปก่อนเลยนะ”            “ค่ะพ่อ เอ... พี่อริส.. ที่พ่อเล่าให้ฟัง เป็นครูสอนยิงปืนด้วยใช่ป่ะ?” คนถามเชยหน้าขึ้นมองเจ้าของบ่ากว้างกำยำที่อิงแอบ            ขณิกากำลังนึกถึงรูปในโทรศัพท์มือถือของพ่อ หญิงสาวหน้าตาสะสวยยืนทำหน้านิ่ง ๆ เหมือนถูกบังคับให้ถ่ายรูป อาจเป็นเพราะบุคลิกของอริสาเป็นคนเงียบขรึม            “ใช่แล้วลูก เราอยากจะไปเรียนกับพี่เขาไหมล่ะ? เดี๋ยวพ่อบอกนายภพให้ เป็นผู้หญิงเรียนไว้ก็ดีนะ ไว้ป้องกันตัว พ่อจะได้ไม่ต้องวานหมวดพินมาดูเราบ่อย ๆ”            “พ่อจะไปวานพี่พินทำไมล่ะคะ? เห็นพายเป็นผู้ต้องหาหรือไง ต้องมีหมวดมาคอยประกบอ่ะ” ขณิกาบ่นอุบอิบ เธอไม่ค่อยพอใจกับเรื่องนี้เท่าไรนัก             ร้อยตำรวจตรีพิมฐาหรือหมวดพิน ทำงานอยู่ในสังกัดของพลตำรวจเอกปรีชา รองผู้บังคับการฯ ฝ่ายสืบสวนสอบสวน หน้าที่ของผู้หมวดสาวมีอีกหนึ่งอย่างคือดูแลลูกสาวท่าน ด้วยเป็นญาติห่าง ๆ กันอยู่แล้วจนทุกวันนี้หมวดพินเปรียบเสมือนญาติมิตรสนิทกันอีกคนหนึ่ง            “พ่อเป็นห่วงลูกนี่... สมัยนี้อาชญากรรมเยอะแยะ พ่อทำคดีหนัก ๆ นึกถึงลูกขึ้นมาแล้วไม่สบายใจทุกที” ปรีชาจึงแก้ปัญหาโดยใช้ลูกน้องในสังกัดเสียเลย เขามีสีหน้าไม่ค่อยจะดี ยังเครียดอยู่กับเรื่องงาน            “พายว่า... พี่พินนิสัยอาจจะคล้าย ๆ พี่อริสนะพ่อ สวยเท่ ยิงปืนเก่ง ขี่ม้าเก่ง พายอยากให้พี่อริสหล่อล่ำบึ้กแบบพี่พินจัง”            ได้ยินคำไม่เข้าหู คนพ่อมองขวับตามลูกสาวที่ทำหน้าทะเล้นใส่            “พายพูดเล่นน่ะ”            เธอหัวเราะ ปรีชายกมือขึ้นแตะศีรษะลูกสาว แล้วผลักเบาๆ            “ยัยลูกคนนี้ ชอบแกล้งพ่ออยู่เรื่อย ก็รู้ว่าพ่อมีลูกสาวคนเดียว พ่อหวงนะ เอ้า... เที่ยวให้สนุก” คนพูดบอกลาเมื่อมาถึงที่หมาย          เมอร์เซเดสเบนซ์สีขาวจอดสนิทดีในที่จอดรถด้านหลังฟาร์ม หน้าบ้านหลังใหญ่โตโอ่อ่า คนที่มารอรับก็เข้ามาทักทาย ปรีชาจากรถเป็นคนแรก ตบบ่าพูดคุยกันสองสามคำประสาผู้ชายตัวโต ตามด้วยลูกสาวที่ขยับตัวช้าสักหน่อย            คล้ายเป็นเรื่องโกหกจากพ่อมากกว่า ใบหน้าหวานคมของหนุ่มวัยห้าสิบสองปีดูไม่หนีไปจากหนุ่มรุ่นอายุสักสามสิบ ความสูงชะลูดกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบ หุ่นกำยำเป็นล่ำสันของเจ้าของฟาร์มที่ขี่ม้าออกกำลังกายอยู่เป็นประจำ สะกดตาใส ๆ ของเธอไว้ทันทีที่ปิดประตูรถลง ตวัดกระเป๋าแบรนด์เนมใบเล็กน่ารักขึ้นบ่า            ผู้ใหญ่ทั้งสองคนหันมาพร้อมรอยยิ้ม “นี่ลูกสาวพี่... ชื่อพาย เป็นเจ้าของบริษัทโฆษณา เป็นยังไง หน้าตาดีเหมือนพี่ไหม?” นายตำรวจใหญ่นั้นช่างอวดลูกสาวเกินใคร เอื้อมมือขึ้นโอบร่างบางไว้ในอ้อมแขน            ขณิกายกมือประนมแนบอกอย่างนอบน้อม “สวัสดีค่ะ คุณอา”            พิภพกวาดสายตามองตาม ใบหน้างดงามหมดจด ทรวดทรงองเอวสะโอดสะองว่าเป็นนางเอกละครได้ เขาไม่ได้รับไหว้ผู้น้อย แต่เอ่ยปากชม            “สวยครับ... สวยกว่าที่พี่ชาเล่าให้ผมฟังอีกนะครับ”            หญิงสาวได้แต่ยืนม้วนตัวเขินอาย จนพ่อมองตาขวาง            “เอ้อ... ช่วงนี้พายไป ๆ มา ๆ กรุงเทพ-ปากช่อง งานที่บริษัทไม่เยอะมาก พี่คงจะพามาเที่ยวบ่อย ๆ พี่ไว้ใจแกน่ะไอ้น้องรัก ฝากด้วย” ในปลายเสียงชักเริ่มไม่แน่ใจหนุ่มรุ่นน้องที่คิดว่าไว้ใจ ทว่าแทนที่เจ้าตัวจะตอบดันเป็นเสียงหวาน            “พ่อก็ต้องไว้ใจคุณอานะคะ เพราะที่ไว้ใจไม่ได้น่ะเป็นพาย... อาภพหล๊อหล่อค่ะ สเปคพายเลย” ว่าแล้วก็โบกมือไปมาเป็นเชิงไล่ “บายพ่อ ไปทำงานนาน ๆ เลยนะคะ”            “ให้มันน้อย ๆ หน่อยนะเรา เดี๋ยวพ่อจะตีให้ก้นลาย” เสียงเข่นเขี้ยวขู่ฟ่อ ปรีชาสะบัดหน้างอนลูกสาว ก้าวขาขึ้นที่นั่งคนขับรถเหยียบคันเร่งแรง ขณะที่นายนิ่มตามทั้งสองไปทำหน้าที่ขับรถกอล์ฟให้แทนเจ้าของฟาร์มม้า เจ้าของร่างสูงในชุดทะมัดทะแมง เสื้อโปโลกางเกงยีน ก้าวขึ้นรถโดยมีหญิงสาวส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ขณะที่เขาไม่ได้ยิ้มตอบ ถามเสียงเข้ม            “ชื่อพายใช่ไหมเรา?”            “ค่ะ คุณอา”            “เรียกอาภพก็ได้”            “ค่ะ อาภพ” เสียงหวานตอบ ตามปรกตินิสัยคนมีมารยาทอัธยาศัยดี ก่อนที่เธอจะเลื่อนสายตาไปทางทิวทัศน์อันแสนสวยงามของหญ้าเขียวขจี ลมเย็น ๆ พัดผ่านใบหน้าให้ความรู้สึกสดชื่นแจ่มใสจนต้องสูดลมธรรมชาติเข้าปอดซึ่งเคยได้แต่กลิ่นควันของรถยนต์มากมายในเมืองกรุง            “ฟาร์มสวยจังเลยค่ะ... เหมือนที่พายเปิดรีวิวมาเปี้ยบ”            คนที่นั่งอยู่ข้างกันนั้นคงไม่ได้ฟัง นัยน์ตาคู่คมยังจับจ้องทุกส่วนบนวงหน้าหวาน ไล่ตั้งแต่ดวงตาสว่างใส จมูกโด่งเป็นสันงาม ถอดต้นแบบใบหน้าธรรมชาติไร้มีดหมอมาจากพลตำรวจเอกปรีชา ผมสีดำขลับยาวสลวยพลิ้วไปตามลมส่งกลิ่นหอมอ่อน            พิภพไม่รู้ตัวว่ากำลังคาดหวังอะไรกับสาวรุ่นลูก นอกไปเสียจากคำพูดค้างค้าใจอย่างหนึ่ง            “พายทำไมพูดแบบนั้นกับพ่อ?”            “พูดอะไรคะอาภพ?” ความสงสัยเต็มวงหน้าหวาน ขณะดวงตาคู่คมหรี่เล็กลงคล้ายจะเอาคำตอบที่เธอควรรู้ดีกว่าใคร            “ออ... ที่บอกว่าอาภพหล่อเหรอคะ? อาภพก็ดูดีนี่คะ” อุปนิสัยของเธอแค่เป็นคนปากไว ดูเหมือนว่าอีกคนนั้นคิดไปไกล            “ที่บอกว่าอาเป็นสเปคพาย...”            ขณิกายกมือป้องปากหัวเราะ มือจับหมวกปีกกว้างไม่ให้ปลิวไปกับลม “พายกับพ่อสนิทกัน พูดเล่นกันแบบนี้ประจำแหละค่ะ”                       “สรุปว่าพูดเล่น?” ในคำพูดที่ฟังดูแล้วหดหู่ใจแปลก ๆ อีกคนก็จุดประกายความหวังให้เขาอีกครั้ง            “พายหมายถึงพายหยอกเล่นกับพ่อเป็นปรกติค่ะ แต่ที่พายพูด พายพูดจริง พายไม่ได้จะจีบอาภพนะคะ พายไม่กล้าลามปาม พายแค่ชม พายชมได้ใช่ไหมคะ?”            “ใครไปห้ามล่ะ?”            ขณิกย่นจมูก หยอกคุณอาเข้าทีหนึ่ง “อาภพหล่อค่ะ พายขอนั่งใกล้ ๆ คุณอานะคะ พายกลัวตก” แล้วกระถดกายเข้าหาจนหน้าขาสะกิดกันเบา ๆ ซึ่งเขาไม่มีท่าทีอะไร            “จะนั่งใกล้ ๆ น่ะไม่ว่า แต่ถ้าเด็กน้อยอย่างเราจะมายั่วอาน่ะ ไม่ได้ผลนะ” ไม่มีทางที่หนุ่มรุ่นคุณอาจะไม่รู้ หญิงสาวฉีกยิ้มหวานเห็นไรฟันขาวครบทุกซี่            “รับรองว่าพายไม่ได้ยั่วอาภพแน่ค่ะ เพราะถ้าพายจะยั่ว ยิ่งกว่านี้ร้อยเท่า หนุ่ม ๆ ในพระนครยังหนาว”            สายตาของสองหนุ่มสาวต่างวัยปะทะกันด้วยความรู้สึกที่แตกต่าง ทันใดนั้นเอง คนขับรถคนดีจึงแก้สถานการณ์ให้            “ว้าย!” เสียงวี้ดว้าย ตามแรงเหวี่ยงของรถกอล์ฟที่สะดุดหินก้อนใหญ่เหมือนจงใจ มือเรียวเกาะที่จับด้านหน้าไว้มั่น หนุ่มใหญ่กอดประคองบ่ามนไว้อย่างหวงแหน เหมือนเป็นไปตามสัญชาติ            “ลุงนิ่ม! ขับดี ๆ สิ มดลูกพายแทบหลุด” ขณิกาเอาเรื่องทันที สารถีของบ้านส่งยิ้มหวานผ่านกระจกมองหลัง            “คือ... คุณพายไม่ได้ส่งสายตาให้ลุงกระโดดหินลูกเมื่อกี้เหรอ?”            “นี่ลุงนิ่ม ถ้าพายขยิบตาให้ลุงโดดจริง ลุงต้องโดดหินลูกใหญ่กว่าลูกเมื่อกี้นะคะ ลุงมโนไปเองล้วน ๆ นะ” ขณิกามีท่าทีหงุดหงิดใส่ ถึงเธอจะชอบแกล้งอยู่สักหน่อย ด้วยสาเหตุมาจากคำสบประมาทท้าทายของพ่อ ก็ไม่ได้มีเจตนาอ่อยผู้ชายขนาดนั้น            “ครับคุณพาย ลุงขอโทษ..”            “พายให้อภัยค่ะ ลุงนิ่ม” เธอตอบ ขณะที่สายตาคู่คมสบมองมาในความหมายอย่างไรไม่รู้แน่ ใบหน้าสดสวยเชยหน้าขึ้นมองคนข้างกายที่ไม่ยอมปล่อยเธอจากอ้อมแขน บังเอิญอีกครั้งกับที่ตาสบตา...            อาจเป็นเช่นเดียวกันกับหนุ่มรุ่นราวคราวพ่อที่เกิดอยากเป็นโคแก่ขึ้นมาตอนอายุปูนนี้ เสียงเข้มบอก            “ลุงขับตรงไปทางฟาร์มม้า มีหินอีกสามลูกนะข้างหน้า”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD