หลังเรียนจบมาด้วยทุนทรัพย์จากพ่อแม่ ลงหุ้นเปิดบริษัทกันสามคนมีอิงฟ้า ขณิกา พิมพ์ลภัส ปริญญาโทด้านการตลาด Newcastle University มหา’ลัยอันดับหนึ่งของ UK ไม่ได้ช่วยอะไรสักอย่าง
“ฉันว่า... ปริญญาไม่ต่างจากกระดาษใบเดียว หางานทำ หาเงินยากกว่าเป็นร้อยเท่า” คนบ่นหยิบแป้งตลับออกมาจากกระเป๋าเพื่อจัดการกับสภาพใบหน้าของตัวเองให้ดูดีมากพอไปพบลูกน้องอย่างสง่าผ่าเผย
“แต่จะให้เกาะพ่อแม่กินไปตลอดชีวิตก็ไม่ไหวอ่าเนอะ”
“เออ... ก็ต้องทนกันไป... จนกว่าจำได้ดีล่ะ มันต้องมีสักวัน” ขณิกาบ่นปนให้กำลังใจเพื่อนและตัวเอง
ขณะที่อิงฟ้ามีเรื่องคันปากอยากเม้าท์กับกลุ่มเพื่อนสนิทจนตัวสั่น วางแก้วพลาสติกในมือลง ลดน้ำเสียงลงเอ่ย
“เออ... พาย แกได้ข่าวยัยวาป่ะ ฉันได้ยินว่านางรับช่วงต่อบริษัทโฆษณาจากพ่อ ที่นางชอบโม้อ่ะว่าเปิดเป็นเจ้าแรกรุ่นเดอะอะไรของนางสักอย่าง นางลงเฟซไปเที่ยวดิสนีย์แลนด์กับหนุ่มหล่อด้วยนะ ดูอู้ฟู่เชียว”
แค่ได้ยินชื่อเพื่อนร่วมรุ่นอีกคน ขณิกาชะงักนิ่ง เก็บแป้งใส่กระเป๋าด้วยหน้าตาเจื่อน ๆ
“ออ... ก็ดีนะ ฉันดีใจกับนางด้วย” แน่ว่าเธอโกหก ในเมื่อมันไม่ได้เป็นอย่างที่พูดเลย
อิงฟ้ากระแทกแก้วพลาสติกลงบนโต๊ะกระจกจนน้ำสีน้ำตาลเข้มข้างในกระเด็นเปรอะเปื้อนอย่างโมโห
“แต่ฉันหมั่นไส้! ฉันว่านางสร้างภาพ หนุ่มหล่อรวยอะไรนั่นเหรอ? ถ้าไม่ใช่เรื่องบนเตียงจะเอานาง ไม่แมงดาก็พวกหลอกฟัน”
“คงจะจริงอย่างที่แกว่ามั้ง...” ขณิกาทำเอออตาม
ด้วยความที่เธอเป็นเด็กดี ถึงจะจบเมืองนอกมาพร้อมวัฒนธรรมต่างชาติ ความเรียบร้อยช่างพูดดูน่าหมั่นไส้กับผู้หญิงด้วยกันเอง เธอจึงเป็นฝ่ายถูกกระทำมาตลอด
‘บูลลี่’ ขณิกานั้นโดนมาสารพัดจนห่างไกลคำว่าอ่อนแอ กลายเป็นว่าเธอคือผู้ชินชากับความเศร้า การกดขี่ข่มเหงซึ่งเคยสัมผัสมาหลากหลายรูปแบบ
โดยเฉพาะวาริน... ที่ชอบกลั่นแกล้งเล็ก ๆ น้อย ๆ จากนั้นหล่อนก็จะทำเหมือนว่ามันเป็นเรื่องสนุกในกลุ่มเพื่อน มีแค่พิมพ์ลภัสและอิงฟ้าที่เป็นห่วงเป็นใยเธอเสมอ
“นางชอบแกล้งแกตอนเรียนจะตาย ฉันไม่ได้อยากพูดถึงนังนั่นหรอก เอ่อ... แต่แกไม่เป็นไรแน่นะ?”
“ขอบใจนะฟ้า ฉันโอเคมาก ๆ ฉันไม่ได้อะไรกับนางเลย ยัยวาน่ะ เฉย ๆ แต่ถ้าให้สนิทแบบแกหรือกับพิมพ์ ขอบาย”
ใบหน้าสวยโฉบเฉี่ยวผุดรอยยิ้มกว้างพอได้หายห่วงเพื่อนที่มีสีหน้าดีขึ้น ก่อนจะลุกไปนั่งข้าง ๆ กัน โซฟาสีแดงตัวกว้างยาวของร้านกาแฟหรู ตัดกับเดรสคุณสีขาวสไตล์คุณหนูเข้ารูปทรงสมส่วนของหญิงสาวทั้งสองคน
ขณิกาชอบที่จะใส่งานเดรสแขนยาวระบายลูกไม้ อย่างวันนี้ที่เธอจัดงานแบรนด์แบบชีิฟองพองหรูหรา ความสั้นประเข่า ต่างจากอิงฟ้าที่ใส่เดรสเข้ารูปยาวถึงตาตุ่มแฝงความเปรี้ยวไว้ด้วยผ่าข้าง
อิงฟ้าวางกระเป๋าของตัวเองไว้บนตักหยิบกระเป๋าเครื่องสำอางใบเล็ก ๆ ออกมา
“เบ้าตาแกมันแดง ต้องจัดหนักโบกหนักด้วยคอนซีลเลอร์ในตำนาน มานี่... ฉันทำให้”
“อืม... จัดมา” พูดพลางปิดกระบอกตาร้อนผ่าวลง รอให้เพื่อนสาวลงมือจัดการให้อย่างเคย อิงฟ้าจึงค่อย ๆ เกลี่ยเนื้อครีมสีเนื้อบนหลังฝ่ามือ ปากก็บ่น
“ผู้ชายเยอะแยะ คนไหนเขาไม่แคร์เรา ปล่อยเขาไปตามทาง ระดับลูกสาวคุณนายกนิษฐา เศรษฐีนีเจ้าของหมู่บ้านจัดสรร ต้องคงคอนเซฟสวยรวยมากไว้นะยะ เสียชื่อหมด”
ได้รับกำลังใจจากสัมผัสอบอุ่นผ่านปลายนิ้วที่คลึงรอบดวงตาให้อย่างอ่อนโยน ท้องฟ้าหม่นหมองของเธอเหมือนมีประกายแสงแห่งความหวัง รอยยิ้มบาง ๆ ผุดขึ้นบนใบหน้าแม้ว่าจะยังหลับตาอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งช่างแต่งหน้าส่วนตัวทำงานเสร็จ
“ไม่ไหว ๆ เท่านี้พอ หนากว่านี้ได้ไปอยู่โรงงิ้วแน่นอน” อิงฟ้ามองผลงานของตัวเองด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีนัก เก็บทุกอย่างลงในกระเป๋า แต่ส่งตลับกระจกให้อีกคนรับไป และคนถูกโบก! ก็อ้าปากตะลึงกับเนื้อครีมคนละสีกับผิวหน้า
“ไหนว่าคอนซีลเลอร์ในตำนานไงวะ... หลอกลวงผู้บริโภคนี่หว่า รองพื้นผิดเบอร์ป่ะเนี่ย แต่งหน้าแบบนี้ฉันไปโรงลิเกได้เลยนะเพื่อน”
“ไปล้างเหอะ ฮ่า ๆ” เสียงหัวเราะของเพื่อนที่ยกมือป้องปากขำน้ำตาเล็ด ขณิกาเผลอหัวเราะตาม ส่งตลับแป้งคืนอย่างทำใจว่าคงทำอะไรไม่ได้กับขอบตาบวมช้ำของตัวเองเพราะว่าเครื่องสำอางตลับใหญ่ของเธออยู่ที่บ้าน จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแทน หลังจากที่ได้ยินเสียงสั่นดังสองสามครั้ง
ในใจหวังว่าจะเป็นอาภพและก็เป็นอย่างนั้น
‘พายกลับกรุงเทพฯ เหรอ? ไม่เห็นบอกอาเลย เมื่อไรมาหาอาครับ?’
‘เลิกงานแล้วโทรหาอานะ ขับรถไม่ไหว อาไปรับ...’
‘พาย... ไปไหนกับใคร? โกรธอะไรอาอ่ะ...’
สีหน้าเศร้าหมองของขณิกาอยู่ในสายตาของเพื่อนตลอด ความสนิทสนมของเพื่อนรักอย่างอิงฟ้าทำให้รู้ทุกอย่างพอ ๆ กับพิมพ์ลภัส และรุ่นพี่อีกคนของเจ้าตัวก็คืออริสา
“คุณอาใช่มะ? นี่! ไม่ต้องตอบข้อความไปเลยนะ ไม่ต้องไปยุ่งกับเขา ได้ยินที่ฉันพูดไหม?”
“อืม...” เธอตอบโดยที่ยังจ้องมองข้อความด้วยแววตาเอ่อคลอ
ตลอดสามเดือนที่ผ่านมาเขาเป็นอย่างไรก็ยังเป็นอย่างนั้น
เป็นอา...
ครั้งหนึ่งเธอเคยถูกพี่อริสา ลูกสาวของเขาไล่ลงจากรถ อาภพก็แค่ตามไปปลอบกอด จูบหน้าผากเธอแผ่วเบา มันให้ความรู้สึกดีที่สุดของชีวิตผู้หญิงคนหนึ่ง แต่เขาก็เป็นแค่อา เขาไม่เคยล่วงเกินเธอ แม้ว่าเขาจะมานอนกินขนมที่คอนโดในกรุงเทพฯ ไม่ไกลจากออฟฟิศ เขาก็แค่นั่งกินขนม ดูโทรทัศน์
เขาทำให้เธอเป็นอีโง่! เหมือนคนไม่คิดหน้าคิดหลังอะไรแค่เอาหัวพุ่งชนผู้ชายคนหนึ่งเหมือนวัวควายเหมือนควาย และเขายังยืนยันคำเดิม
เขารักเธอไม่ได้...
“นางแค่ให้ความหวังลม ๆ แล้ง ๆ แกเท่านั้นล่ะ ไม่น่าโง่เลยเพื่อนฉัน เฮ้อ...” เสียงถอนหายใจนั้นปลุกเธอจากภวังค์ ขณะเงยหน้าขึ้นมองหน้าเพื่อนที่แย่งโทรศัพท์ไปกดลบข้อความทิ้งดื้อ ๆ ก่อนยัดใส่มือคืน
“สติค่ะสติ สวยแล้วกรุณามีสมองด้วยนะคะ ถ้าว่างฟุ้งซ่านมากก็เข้าไปเคลียร์งานที่บริษัท นอนมันที่นั่นไปเลย ไม่ต้องกลับไปสักพัก... เขาใหญ่น่ะ”
ขณิกาพยักหน้าหงึกหงัก “อืม... ขอบใจนะฟ้า แกเป็นเพื่อนที่ดีมาก”
พูดได้เท่านั้นเสียงสั่นดังของโทรศัพท์อีกรอบทำให้เธอเกือบจะร้องไห้ขึ้นมา และพ่ายแพ้ให้กับความรักเหมือนเดิม ทว่าสีหน้าของเธอกลับเต็มไปด้วยความสงสัย
‘พายทำไมไม่ตอบอาอ่ะ... โกรธอะไรอาครับ? อาคิดถึง...’
‘รายการเงินเข้า จำนวนเงิน 300,000 บาท คงเหลือ 250,XXX’
พิภพไม่เคยโอนเงินให้เธอ และก็คงไม่ใช่คนที่บ้านแน่นอน เธอไม่ได้ขอเงินพ่อแม่ใช้มาสองปีกว่า ๆ แล้ว
“แกโอนเงินมาเหรอฟ้า ค่าอะไร?”
“ฉันก็นั่งอยู่กับแก โอนล่วงหน้าฉันสั่งจ่ายแค่พนักงาน ฉันไม่เคยโอนเงินให้แกสักหน่อย ยัยพิมพ์โอนมาเปล่า?”
ในคำถามนั้นยิ่งแปลกเข้าไปใหญ่ พิมพ์ลภัสไม่มีเหตุผลอะไรให้ต้องโอนเงินจำนวนมากขนาดนี้มา หรือจะเป็นลูกค้า...
“อ๋อ...” เสียงหวานพูดกับตัวเอง ให้อีกคนขมวดคิ้วมุ่น
“ใครโอนมาอ่ะ?”
ขณิกายิ้มกรุ้มกริ่ม อาจเป็นเพราะว่าเธอมัวแต่พะวงคิดเรื่องของอาภพ ทำให้ลืมไปเสียเองว่ามีลูกค้าคนสำคัญติดต่อมาเมื่อหลายวันก่อน ดวงตาคู่สวยฉายประกายวูบวาบด้วยความรู้สึกตื่นเต้น
“ฉันรู้แล้วว่าใคร ยัยฟ้า... งานใหญ่งานดัง บริษัทเรางานเข้าแล้วเพื่อน”