“ฟื้นแล้วครับ...” แพทย์ประจำเรือขนส่งบอก ร่างเล็กในชุดใหม่ขยับตัวและครางฮือเล็กน้อยก่อนจะสงบลงอีกครั้ง เธอหายใจแรงขึ้นเมื่อได้สติ แต่ก็ยังอยู่ในอาการครึ่งหลับครึ่งตื่น “ผมให้ยาคลายเครียดกับเธอแล้ว จะได้ผ่อนคลายมากขึ้น คงช็อกและตกใจมาก ดีไม่ดีอาจจะเสียสติไปเลยก็ได้นะคุณกันต์” พูดจบก็ถอนหายใจแล้วส่ายหน้า
“ไม่ตายก็บุญแล้วมั้ง”
“มั้ง...” คุณหมอวัยสามสิบเศษๆ ตอบแล้วแบะปากเล็กน้อย ก่อนจะเดินออกจากห้องพักไป
“ฉันไม่ยอมให้เธอตายง่ายๆ หรอกวาปี... ตราบใดที่ยังไม่ได้ตัวพี่ชายของเธอ”
สายตาคมกล้ามองร่างที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง ดูจากจังหวะการหายใจก็พอจะเดาได้ว่าเธอหลับไปอีกครั้งแล้ว เนื่องจากยาที่หมอเชนให้ผ่านสายน้ำเกลือ
จากอุบัติเหตุไม่คาดฝันเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน เขาควรปล่อยให้เธอสาบสูญอยู่ใต้ท้องทะเลด้วยซ้ำ ให้สมกับสิ่งที่เธอและพี่ชายได้ทำเอาไว้ แต่อาจด้วยจิตสำนึกลึกๆ ที่ไม่ได้เป็นคนใจมารโดยเนื้อแท้กระมัง เขาจึงได้ตัดสินใจกระโดดลงไปช่วยเธอขึ้นมา
ชายหนุ่มยกมือขึ้นกอดอก หวนกลับไปคิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้
‘ปล่อยให้เชือกขาดได้ยังไง!’
เป็นเรื่องที่อยู่เหนือความคาดหมาย เมื่อบอดีการ์ดคนหนึ่งตะโกนบอกว่าเชือกที่มัดวาปีไว้ กำลังจะขาด เขารีบวิ่งไปเกาะราวระเบียงตรงกราบเรือ ภาพที่เห็นคือร่างเล็กกำลังร่วงลงสู่ทะเล สายตาของเธอที่มองเขาอย่างตัดพ้อต่อว่ายังติดตาอยู่ไม่หาย
นาทีนั้น เขาเหมือนถูกตัดออกจากโลกภายนอก ลืมไปหมดว่าอะไรควรทำไม่ควรทำ เขารีบถอดกางเกงยีนและเสื้อโยนทิ้ง แล้วกระโดดลงน้ำโดยไม่ต้องคิดทบทวนใดๆ
‘เอาเรือเล็กลงเร็ว! ห่วงยางด้วย เร็วเข้า!!’ เสียงบอดีการ์ดตะโกนไล่หลัง และอีกสองสามคนก็กระโดดตามลงไปช่วยเขา
การใช้สายตาในน้ำเค็มอย่างกะทันหัน ไม่ได้เอื้ออำนวยอะไรกับการมองหาร่างหญิงสาวนัก เขาต้องทนต่อความแสบร้อนในดวงตา ดำผุดดำว่ายอยู่หลายครั้ง กว่าจะเจอตัวผู้เคราะห์ร้าย และนำพาขึ้นเรือยางลำเล็กด้วยความทุลักทุเล
เธอสลบ เนื้อตัวซีดเซียว และไร้ลมหายใจ...
การันต์รีบแกะเชือกที่มัดแน่นรอบตัว
‘เธอตายแล้วครับ ไม่หายใจแล้ว...’ บอดีการ์ดคนหนึ่งบอกละล่ำละลักขณะเอามืออังจมูกเธอไว้ คลื่นแรงซัดเรือลำเล็กที่มีผู้โดยสารเพียงสองคน โดยที่คนอื่นๆ ยังลอยตัวอยู่ในน้ำรอบๆ
‘ฉันจัดการเอง...’ เขาบอก
เมื่อปลดปล่อยพันธนาการให้ร่างไร้สติแล้ว ก็พยายามคลำหาชีพจร แต่ไม่พบ สัมผัสได้เพียงผิวเนื้อที่เย็นเฉียบ จึงรีบจัดการช่วยชีวิตเบื้องต้นด้วยการผายปอดสลับกับทำซีพีอาร์ไปด้วย จนในที่สุดวาปีก็สำลักน้ำออกมา จากนั้นก็รีบนำกลับขึ้นเรือ และให้หมอเชนช่วยรักษาต่อ
ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วมาก ท่ามกลางคลื่นทะเลรุนแรงในเวลานั้น เป็นเรื่องเหลือเชื่อที่หญิงสาวสามารถรอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิด
เขายังไม่ละสายตาจากเธอ... พลางคิดว่าเด็กสาวที่ดูไม่มีพิษมีภัยคนนี้ จะสามารถทำเรื่องเลวร้ายต่างๆ นานาอย่างที่รัมภาดาได้เคยเล่าให้ฟัง รวมไปถึงมีส่วนรู้เห็นในการฆาตกรรมได้จริงๆ หรือ...
“คนเลวก็คือคนเลว การันต์... เลิกสับสนเสียที แม่นี่กับพี่ชายยังต้องชดใช้ให้สรวงกับลูกของเราอีกเยอะ”
สองมือที่กอดอกคลายออก แล้วก็รีบเดินออกไปจากห้องนั้นอีกคน ปล่อยทิ้งให้ร่างเล็กนอนหายใจสม่ำเสมออยู่บนเตียงในขณะพักฟื้น เพื่อ... รอเวลาตื่นขึ้นมาพบกับฝันร้ายที่เธอไม่มีทางหนีพ้น
ความเป็นและความตาย... มีเส้นกั้นอยู่เพียงบางๆ เท่านั้น และอาจขาดสลายไปได้ทุกเมื่อ เหมือนเช่นที่เธอประสบมา
วาปีตื่นขึ้นมาในค่ำคืนอันเหน็บหนาว เธอพบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงเหล็กขนาดสามฟุต มีฟูกนุ่มปูรองและผ้าห่มคลุมตัวอย่างดี หญิงสาวสับสนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพียงความฝัน หรือเธอตายไปแล้ว และกำลังอยู่ในอีกภพภูมิหนึ่ง แต่... เมื่อฟื้นตัว ความเจ็บร้าวก็ค่อยๆ แผ่ขยายไปทั่วร่าง ทำให้สำนึกได้ว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริง
และเธอยังมีชีวิตอยู่...
“พี่โพธิ์...”
พี่ชายคือคนแรกที่เธอคิดถึงและเป็นห่วงจับใจ เธอซึ่งเป็นผู้หญิงยังโดนขนาดนี้ แล้วนับประสาอะไรกับคนที่การันต์ต้องการตัวเป็นอันดับหนึ่ง เขาต้องฆ่าโพธิ์ทองตายคามือแน่ๆ
“พี่ไม่น่าทำแบบนี้เลย พี่โพธิ์... ไม่น่าเลยจริงๆ” เธอยกมือขึ้นปาดน้ำตา พลางรำพันต่อว่าบุคคลสายเลือดเดียวกัน
หากเขาเชื่อเธอสักนิด ปล่อยให้ความลับที่ถูกปิดตายมานานคงเป็นความลับอยู่อย่างนั้น แล้วพาเธอไปอยู่แคนาดาด้วยกัน เรื่องก็ไม่บานปลายถึงขั้นนี้
ปกติชีวิตเธอก็ไม่ได้สงบสุขอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งดิ่งลงเหว วาปีนึกไม่ออกเลยว่าเธอจะปีนป่ายขึ้นจากอเวจีขุมนี้ด้วยวิธีไหน นอกเสียจาก...
หาทางว่ายน้ำฝ่ามหาสมุทรอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ออกไป...
การันต์ไม่ปล่อยเธอใช้อากาศหายใจได้อย่างปกติสุขเป็นแน่ เขาได้พิสูจน์ให้เห็นชัดแล้ว
วาปีไม่มีเรี่ยวแรงจะฝืนความอ่อนเพลียและร่างกายที่ปวดระบมได้ แม้ใจเธอจะไม่อยากนอนเป็นผักอยู่อย่างนี้ แต่การตอบสนองของร่างกายก็ไม่เป็นดังหวัง เพียงแค่ขยับตัวก็รู้สึกกระอักกระอ่วนและร้าวรานไปทั้งร่าง จำใจต้องปล่อยตัวไปตามครรลอง ดำดิ่งสู่นิทราอีกครั้ง...
กลางดึก
“อื้อ!!”
ในขณะที่กำลังหลับสนิท เธอต้องสะดุ้งตื่น ดิ้นพรวดพราดด้วยความหวาดกลัว และกรีดร้องเมื่อสัญชาตญาณบ่งบอกถึงอันตราย แต่ก็ถูกมือใหญ่ปิดปากเอาไว้แน่น บางสิ่งบางอย่างที่หนักอึ้ง ทับอยู่เหนือร่าง ในใจนั้นรับรู้ได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น และเป็นฝีมือใคร “ไม่ต้องแหกปากให้รำคาญ เธอก็รู้อยู่แล้วว่ามันไม่มีประโยชน์ ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย” “...”
คุยตอนนี้ เวลานี้... มันไม่ใช่เรื่องปกติของคนปกติแน่นอน
แต่เธอก็พยักหน้ารับทราบ เขาจึงปล่อยมือจากปาก วาปีหายใจหายคอสะดวกขึ้น เธอรับรู้ถึงกลิ่นของแอลกอฮอล์จากคนเหนือร่าง พยายามผลักให้เขาถอยห่างจากตัว แต่ไร้ผล
“คุณกันต์ จะคุยอะไรคะ ปล่อยฉันก่อนเถอะ” เธอบอกละล่ำละลัก
“คุยแบบนี้แหละ เธอจะได้ชิน...”
หญิงสาวเบี่ยงหน้าหนีเมื่อเขาก้มลงมาใกล้กว่าเดิม รอบกายถูกห้อมล้อมไปด้วยกลิ่นความมึนเมาที่เจืออยู่ในลมหายใจของการันต์
“มีอะไรก็ว่ามา... หรือถ้าคุณอยากฆ่าฉันให้ตายตามพี่สรวงไปก็ได้ นี่ฉันก็ไม่อยากอยู่แล้วเหมือนกัน”
“ยัง... เธอยังตายไม่ได้หรอกวาปี จนกว่าฉันจะตามตัวพี่ชายเธอมาชดใช้กรรมให้ได้”
“ฉันไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน...” เธอตอบสั้นๆ ไม่ได้ปฏิเสธความสัมพันธ์ เพราะเห็นว่าไม่มีประโยชน์แล้ว เพราะรู้ว่าการันต์ต้องมั่นใจถึงได้จับเธอมาที่นี่ คนอย่างเขาไม่มีทางมาเสียเวลากับเรื่องไร้สาระ และเธอก็ไม่เคยอยู่ในรัศมีสายตาของเขามาแต่ไหนแต่ไร
“ไม่เป็นไร... เพราะถึงยังไงฉันก็มีวิธีลากคอมันมาจนได้นั่นแหละ ฉันมีข้อเสนอให้เธอกับพี่ชายอยู่รอดต่างหาก...”
“...”
วาปีกลืนน้ำลายลงคออย่างชั่งใจ เธอไม่มีทางเลือกหรอก ไม่ว่ารับหรือไม่รับข้อเสนอนั้น เธอกับโพธิ์ทองก็ไม่มีวันรอดพ้นจากเงื้อมมือเขา เธอรู้ดี
“เธอกับพี่ชายของเธอ... ทำให้เมียกับลูกฉันตาย ถ้าเธอมีลูกให้ฉันเป็นการชดเชย ฉันจะไม่เอามันให้ถึงตาย”
“คุณเป็นบ้าไปแล้วเหรอ ฉันจะไปมีลูกให้คุณได้ยังไง”
“ได้สิ... แค่มีลูก แล้วก็ไสหัวไปให้พ้นๆ”
“แล้วพี่โพธิ์ล่ะ...” เธอหลุดปาก ถือเป็นการยอมรับโดยสมบูรณ์แบบว่ามีความเกี่ยวข้องกับคนที่เขาตามอยู่จริงๆ
“ยังไงมันก็ต้องรับกรรม แต่ฉันจะปล่อยให้รับโทษไปตามกฎหมาย ขอเพียงเธอบอกความจริงกับฉัน และรับข้อเสนอเรื่องลูกซะ...” น้ำเสียงเหี้ยมเกรียมในความมืด เหมือนกำลังข่มอารมณ์เกรี้ยวกราดเอาไว้อย่างสุดกำลัง แรงกดรัดบอกให้รู้ว่าต่อให้เมามายแค่ไหน การันต์ก็ไม่ได้ปล่อยให้อารมณ์ชายอยู่เหนือความเกลียดชัง...
ทุกสัมผัสของเขา... อัดแน่นไปด้วยความเคียดแค้น
“ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น พี่โพธิ์เป็นพี่ชายต่างแม่ เราไม่เคยเจอกันตั้งแต่ฉันเกิด เขาเพิ่งกลับมาเยี่ยมฉันเมื่อไม่นานมานี้เอง”
“แล้วทำไมคนที่บ้านสรวงไม่มีใครรู้เรื่องของมันเลย... ทั้งที่พวกเขาก็เลี้ยงเธอมาตั้งแต่เด็ก เรื่องสำคัญขนาดนี้ทำไมเธอต้องปกปิดเอาไว้ด้วย!”
ทุกอย่าง... มันมีพิรุธมาตั้งแต่แรก คล้ายมีการวางแผนมาเป็นอย่างดี
ไม่แปลกสักนิด ถ้าหากเรื่องมันแดงออกมาแล้วเธอกับโพธิ์ทองจะกลายเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่ง