“สรวงจากไปแล้ว คนร้ายก็จับได้แล้ว แกจะเอายังไงอีกกันต์... มันไม่มากไปหน่อยเหรอ ที่จับเด็กคนนั้นไปปู้ยี่ปู้ยำเหมือนวิธีที่พวกนักเลงข้างถนนเขาทำกัน!” เสียงตะคอกจากชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่หน้าชุดโซฟารับแขกในห้องทำงาน ไม่ได้ทำให้การันต์สำนึกใดๆ
เขานั่งหันหลังให้ สายตามองผ่านกำแพงกระจก ดูวิวความเป็นเมืองด้านนอก แขนข้างหนึ่งยันข้อศอกกับพนักเก้าอี้ แล้วเท้าคางอย่างคนที่อยู่ในโลกของตัวเอง ไม่สนใจบรรยากาศความขุ่นเคืองที่แผ่รัศมีอยู่รอบๆ ตัว
“ถ้ายังบ้าไม่เลิก ฉันจะส่งแกไปอยู่แถบยุโรปซะให้รู้แล้วรู้รอด”
“เรื่องแค่นี้ถึงกับต้องบินข้ามน้ำข้ามทะเลมาด่วนเชียวเหรอครับ”
“แกลักพาตัวเด็กบ้านคุณรพีมา คนทั้งคนนะกันต์ ไปทำร้ายคนที่ไม่มีทางสู้แกได้ยังไง ฉันไม่นึกเลยว่าแกจะสิ้นคิดแบบนี้”
“ก็สาสมแล้วนี่ครับ... ผมว่ายังน้อยไปด้วยซ้ำ คุณพ่อไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับสรวงตั้งแต่คุณลุงรับเด็กวาวนั่นมาเลี้ยง สุดท้ายก็ทำให้เธอต้องจากไปอย่างทรมานพร้อมลูก ผมไม่จับหย่อนลงถังน้ำกรดทีละนิดทั้งพี่ทั้งน้องก็บุญแล้วนะครับ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ยังคงไม่หันกลับไปมองบิดา
“พี่ชายหนูวาวก็ถูกจับไปชดใช้กรรมแล้ว... แกจะไปทำเธอให้มันได้อะไรขึ้นมา เธอไม่ได้เป็นคนทำ”
“ชดใช้กรรมเหรอ... หึ มันชดเชยกันได้ไหมล่ะครับ สองชีวิตแลกกับการติดคุกไม่กี่ปี ส่วนคนที่สมรู้ร่วมคิดก็ยังลอยนวล เอาเถอะ... ถ้าคุณพ่อจะสั่งย้ายผมไปที่อื่นผมก็ไป แต่อย่าหวังว่าแม่นั่นจะรอด ต่อให้อยู่ไกลอีกฝากโลก ยังไงผมก็จะลากเธอไปลงนรกด้วยจนได้ คุณพ่อไม่เชื่อก็ลองดู”
ชายหนุ่มหมุนเก้าอี้ทำงานหันมาประจันหน้ากับผู้ให้กำเนิด ซึ่งกำลังโมโหกับการกระทำของเขาเป็นอย่างมาก
สำหรับการันต์ มันคือเรื่องไร้สาระ เขาไม่รู้ว่าบิดาเป็นห่วงเป็นใยในสวัสดิภาพของวาปีถึงขนาดนี้เพราะอะไร อาจเพราะเป็นเด็กในความอุปการะของรพี ซึ่งสนิทสนมถึงขั้นเกือบจะได้ดองเป็นทองแผ่นเดียวกัน แต่ก็เพราะวาปีไม่ใช่เหรอ ทุกอย่างจึงพังทลาย หลานคนแรก และอาจจะเป็นคนเดียว ต้องมาจากไปอย่างน่าอนาถตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ เป็นความสูญเสียอันใหญ่หลวงที่ยากทำใจยอมรับได้
เขา... ซึ่งเป็นคนรักของเธอ หากอยากจะทวงคืนความยุติธรรมก็ไม่ใช่เรื่องผิดไม่ใช่เหรอ
ในเมื่อกฎหมาย... ไม่ได้ลงโทษคนทำให้เจ็บปวดสาสมเท่าเทียมกัน!
“แกมันดื้อรั้น! ไม่ยอมฟังอะไรเลย”
“เรื่องงาน... คุณพ่อจะให้ผมทำอะไร ยังไง ไปที่ไหน ทำงานหนักแค่ไหนก็ได้ แต่เรื่องส่วนตัวผมขอเถอะ มันไม่ง่ายเลยที่ผมต้องใช้ชีวิตอยู่มาถึงวันนี้ ผมเฝ้ารอ... จะได้เห็นหน้าลูกตั้งแต่รู้ว่าสรวงตั้งท้อง ทำทุกอย่างที่คนคนหนึ่งจะทำได้เมื่อกำลังจะเป็นพ่อ และผมคิดว่า... คุณพ่อเองก็น่าจะเข้าใจความรู้สึกนี้ดีกว่าผม”
“แล้วแกจะตามจองล้างจองผลาญหนูวาวไปจนวันตายเลยหรือยังไง!”
“ไม่... ผมแค่อยากได้ลูกของผมคืน”
“ว่าไงนะ...”
“ไอ้เชนมันคงไม่ได้บอกพ่อใช่ไหมว่าผมมีข้อตกลงกับวาปีก่อนที่พี่ชายเธอจะถูกจับได้... ผมสัญญาจะไม่ฆ่ามัน แต่จะส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่เธอต้องยอมมีลูกให้ผมคนหนึ่ง”
“แกมันบ้าไปแล้ว...”
“บางทีตอนนี้เด็กวาปีอาจจะมีหลานคุณพ่ออยู่ในท้องแล้วก็ได้”
“...” คนเป็นพ่อถึงกับถอนหายใจ เอนหลังพิงโซฟาแล้วกลืนน้ำลายลงคอ ไม่หันมองสบตาลูกชายอีก
“เอางี้... ถ้าเด็กนั่นท้อง และคลอดลูกออกมาเมื่อไหร่ ผมจะให้เงินสักร้อยล้านไปตั้งตัว แล้วจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเธอและพี่ชายของเธออีก คุณพ่อจะได้สบายใจว่าไม่มีใครตายด้วยมือผมอย่างแน่นอน” ชายหนุ่มเจรจาต่อรอง เพื่อไม่ให้บิดาซึ่งเป็นที่เคารพของเขายื่นมือเข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ไม่เช่นนั้นมันจะยุ่งยากขึ้น แต่ถึงอย่างไรเขาก็ไม่มีวันเปลี่ยนความตั้งใจเด็ดขาด
“มันไม่ใช่เรื่องธุรกิจนะกันต์...”
“แต่มันก็ไม่แตกต่างกันนี่... มีได้ มีเสีย และผมไม่ยอมเป็นฝ่ายเสียอยู่คนเดียวแน่ๆ”
“ฉันหมดคำพูดกับแกจริงๆ” ผู้สูงวัยถึงกับส่ายหน้าอย่างระอา
“ผมจัดการทุกอย่างเองได้ ถึงมันจะไม่ถูกต้องตามทำนองครองธรรม แต่มันก็สมควรแล้วนี่ครับ” เขาว่า... มองเห็นแววตาของผู้มีวัยล่วงเลยมาจนถึงหกสิบห้า ที่มองเขาด้วยความผิดหวังแล้ว ก็รู้สึกวูบไหวอย่างน่าประหลาด
พ่อไม่เคย... มองเขาแบบนี้เลยตั้งแต่เกิดมา ไม่มีความคิดเห็นใดหลุดออกจากปากของท่านอีก ขณะที่กำลังลุกขึ้น ก่อนที่วันเสาร์จะรีบเข้าไปประคอง พาเดินออกจากห้องนั้นไป
แล้วทุกอย่างก็เงียบเชียบผิดธรรมดา บางสิ่งที่ดำดิ่งอยู่ลึกๆ กำลังต่อต้านเขาเสียยิ่งกว่าที่บิดาทำ และไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเหตุการณ์วิวาทะครั้งนี้ด้วย
ตั้งแต่รู้ข่าวว่าวาปีหนีไป เขาก็นอนไม่หลับ ออกตามหาตัวเธอทั้งคืน และเป็นเรื่องไม่คาดคิด เมื่อเช็กได้ว่าเธอหาซื้อตั๋วกลับไทยจนได้ เขาให้คนแจ้งกับ ตม. ว่าเธอมีปัญหา เพื่อถ่วงเวลา และพาตัวกลับ แต่ก็ช้าไป... พ่อของเขาติดต่อมา และบอกให้หยุดทุกการกระทำนั้นเสีย ก่อนที่ท่านจะนั่งเครื่องบินส่วนตัวบินมาหา ไม่ต้องถามหาสาเหตุ...
เขารู้ว่าเรื่องนี้หมอเชนเป็นตัวการ เพราะแพทย์หนุ่มไม่เห็นด้วยกับการกระทำของเขาตั้งแต่แรก
“โธ่เว้ย!” กองเอกสารและข้าวของบนโต๊ะ ถูกสองมือกวาดลงไปกระจัดกระจายกับพื้นด้วยโทสะที่ครอบงำ แต่ไร้ทางระบาย
ทุกคนรอบตัวเขา... ตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขาแม้แต่ตัวเองเพราะวาปี!
“ถ้าฉันรู้ว่าเธอสร้างปัญหาได้ขนาดนี้ ฉันน่าจะปล่อยให้ตายไปซะตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว!”
ไม่น่าลงทุนพาขึ้นเรือทั้งๆ ที่ในการทำงาน เขาไม่เคยต้องลงภาคสนามด้วยตัวเองสักครั้ง แต่ใครจะคิดว่าทุกอย่างผิดแผนไปหมด เขาแค่จะแกล้งจับตัวเธอไปขู่ให้บอกความจริงเรื่องโพธิ์ทอง แล้วปล่อยให้กลับพร้อมเรือขนส่งสินค้าขากลับ
มันเลยเถิดเพราะดันไปปลดปล่อยความโกรธ เกลียด เคียดแค้น กับเธอเข้าในคืนที่เธอบาดเจ็บเพราะตกทะเล หลังจากนั้นก็ควบคุมอะไรไม่ได้อีกเลย และตอนนี้เขาก็รู้สึกโกรธเกลียดตัวเองยิ่งกว่าวาปีเสียอีก