ตอนนี้บรรยากาศรอบตัวพวกเขาเงียบเหมือนอยู่ในป่าช้า แม้จะอยู่ในสถานบันเทิงแต่ชายหนุ่มไม่ชอบเสียงดังจึงสร้างห้องทำงานแบบเก็บเสียง
แววดาวแอบลุ้นอยู่ในใจ ขอให้เจ้านายยอมรับการเจรจาครั้งนี้ เพราะตัวเองจะได้ไม่ต้องใช้หนี้ ปล่อยให้อีนังลูกเลี้ยงโง่รับกรรมไป
ส่วนสร้อยทองก็อยากให้คีย์ตะวันตอบตกลงเหมือนกัน เพราะอยากให้พ่อภูมิใจที่ตนเองเสียสละเพื่อครอบครัว
แม้จะรู้ดีว่าการกระทำแบบนี้ดูไม่ค่อยฉลาด ทว่าเธอไม่มีทางเลือก ไม่รู้จะสรรหาวิธีไหนมาทำให้บิดาหันกลับมาสนใจลูกสาวคนนี้บ้าง
“ก็ได้ กูจะรับเด็กคนนี้เอาไว้ ส่วนมึงกูไล่ออก ไม่ต้องมาทำงานที่นี่อีก”
คราแรกชายหนุ่มจะอ้าปากปฏิเสธ แต่เห็นแววตาของเด็กผู้หญิงเหมือนกำลังอ้อนวอนขอร้องจึงเปลี่ยนใจ ยังไงแววดาวก็คงหาเงินมาคืนไม่ได้รับลูกสาวมาใช้หนี้แทนก็ไม่เสียหาย
“ขอบคุณมากค่ะบอสขอบคุณจริงๆ”
แววดาวยกมือขึ้นไหว้ด้วยความดีใจ รอดตัวแล้วส่วนลูกเลี้ยงจะเป็นยังไงต่อก็ช่างหัวมัน ไม่ใช่ลูกในไส้ไม่จำเป็นต้องเห็นใจ ตอนนี้เธอต้องช่วยลูกชายของตัวเองก่อน
“ไอ้แดน มึงเอาอีคนโกงออกไป กูจะคุยกับเด็กคนนี้” คีย์ตะวันสั่งแดนดินที่อยู่ไม่ห่าง
“ครับบอส ไปได้แล้วแววดาว”
แดนดินผายมือไปทางประตู แววดาวรีบลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วเหมือนกลัวจะไม่ได้ออกไปถ้าขืนลุกช้ากว่านี้อีกนิด
“แม่แววฝากบอกพ่อด้วยไม่ต้องห่วงหนู”
ต่อให้พ่อไม่รักยังไง แต่เธอก็ยังรักพ่อ แม้ว่าลึกๆ แล้วจะรู้ดีพ่อไม่สนใจแต่เธอก็ยังคิดในแง่ดี หากพ่อไม่เห็นหน้าลูกคนนี้กลับไปด้วยอาจจะเป็นห่วงก็ได้
แววดาวหันมามองก่อนจะพยักหน้าส่งๆ แล้วจ้ำอ้าวออกจากห้องทำงานของคีย์ตะวันอย่างรวดเร็ว
เด็กสาวคอตกเล็กน้อยเมื่อเห็นอาการของแม่เลี้ยง ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ทำไมแววดาวต้องไม่ชอบเธอด้วย ทั้งที่เธอก็ไม่เคยทำตัวต่อต้านหรือแสดงพฤติกรรมไม่ดีใส่
“ชื่ออะไร อายุเท่าไร ทำงานอะไร”
“ถามหนูเหรอคะ”
“อยู่กันสองคนจะให้ฉันถามผีรึไง มีสมองไหมเนี่ย”
“หนูชื่อนางสาวสร้อยทอง นามสกุลทองอุไร ชื่อเล่นสร้อย ตอนนี้กำลังเรียนอยู่ปีสี่เทอมสุดท้ายรอฝึกงานอยู่ค่ะ”
“ยังเรียนมหาลัย? อายุเท่าไร”
“หนูอายุยี่สิบสองปีค่ะแต่หน้าตาแก่กว่าอายุนิดหน่อย”
“เป็นอะไรกับแววดาว หน้าตาไม่เห็นเหมือนกันเลย”
“ลูกเลี้ยง แม่แววคือแม่เลี้ยงของหนู”
สร้อยทองเป็นคนนิสัยตรงๆ ใครถามอะไรมาก็ตอบตามนั้น ชอบมองโลกในแง่ดี ไม่ชอบมีเรื่องมีราวกับใคร อะไรยอมได้ก็ยอม
ส่วนใหญ่ก็ยอมหมดจึงโดนเอาเปรียบอยู่บ่อยๆ โดยเฉพาะกับแม่เลี้ยงและน้องชายต่างแม่ที่มีชื่อว่า สเตฟาน
“เธอยอมชดใช้หนี้สินแทนแม่เลี้ยงของตัวเองเนี่ยนะ”
คีย์ตะวันถามเสียงสูง บนโลกใบนี้ยังมีคนโง่แบบนี้อยู่ด้วยเหรอ เขาไม่อยากจะเชื่อ แม่ตัวเองก็ไม่ใช่แต่ยอมมาชดใช้หนี้สินให้ โง่เกินไปไหม
“ค่ะ ถือเป็นการตอบแทนบุญคุณที่ท่านเลี้ยงหนูมา” มันเป็นแค่ส่วนหนึ่งแต่เหตุผลหลักๆ ก็คือเรื่องของบิดา
ใครบอกเธอโง่มันไม่ใช่ความจริง เธอไม่ได้โง่แค่ไม่อยากมีปัญหากับใครถึงทำตัวซื่อบื้อ
“โง่ไปรึเปล่า ใช้หนี้แทนคนอื่น ไม่เข้าท่า”
“แต่คุณก็ยอมให้หนูใช้หนี้แทนแม่แววนี่คะ”
“ก็เพราะฉันไม่อยากเสียเงินฟรีๆ คนอย่างแววดาวไม่มีทางหาเงินมาคืนได้หรอก ฉันให้เธอทำงานใช้หนี้ก็ถือว่าไม่เสียเปล่า”
“คุณคีตะจะให้หนูทำงานวันนี้เลยไหมคะ”
“พร้อมขนาดนั้นเชียว”
“พร้อมมากค่ะ หนูเตรียมตัวเตรียมใจมาแล้ว”
คำตอบของเด็กสาวทำให้คีย์ตะวันรู้สึกประหลาดใจ แค่มาทำงานเป็นแม่บ้านในคลับแทนแววดาวทำไมต้องเตรียมตัวเตรียมใจด้วย หรือมันมีอะไรมากกว่านั้น
“แม่เลี้ยงเธอบอกให้มาทำอะไร”
เขาถามด้วยความสงสัย น่าแปลกกับคนอื่นเรียกกูมึงได้ไม่เกรงใจ แต่กับคนตรงหน้ากลับกระดากปากจึงใช้คำว่าเธอกับฉันแทน
“มาเป็นนางบำเรอให้คุณคีตะค่ะ”
ตอบตามตรงอย่างไม่อ้อมค้อม แววดาวบอกว่าถ้าเธอยอมนอนกับคีย์ตะวันครั้งสองครั้งหนี้สินก็จะหมดไป ยังไงสักวันเธอก็ต้องมอบกายให้ผู้ชายสักคน สู้เอามาใช้ตอนนี้เลยไม่ดีกว่าเหรอ
“ฮะ! หน้าตาอย่างเธอเนี่ยนะจะมาเป็นนางบำเรอของฉัน”
ถามเสียงหลงก่อนจะมองผู้หญิงเจ้าเนื้อตรงหน้าด้วยสายตาดูแคลน สร้อยทองไม่รู้หรือไงว่าตัวเองขี้เหร่ขนาดไหน อ้วน เตี้ย มีดีก็แค่ความขาว
“ค่ะ หนูทำได้แน่นอน ถึงไม่มีประสบการณ์ก็เถอะ”
แม้ว่าจะโดนมองด้วยสายตาดูถูก แต่สร้อยทองยังยืนยันคำเดิม หาได้สนใจอาการอ้าปากหวอของว่าที่เจ้านาย
กับอีแค่ขึ้นไปนอนบนเตียงแล้วอ้าขาให้เขาทำเรื่องอย่างว่าทำไมเธอจะทำไม่ได้
“แต่ฉันไม่ให้ทำ เรื่องแบบนั้นปล่อยให้ผู้หญิงสวยทำไป ส่วนเธอทำอย่างอื่น”
บ้าไม่เอาหรอก บอกแล้วไงชีวิตนี้เขาจะไม่นอนกับคนขี้เหร่ ต่อให้เป็นผู้หญิงคั่นเวลาแก้เหงาก็ต้องผ่านมาตรฐาน
แล้วยัยผู้หญิงตรงหน้าต่ำกว่ามาตรฐานตั้งเยอะ ในเมื่อเธออยากทำงานเขาก็จะให้ทำอยากเป็นแม่พระดีนัก ได้เลยเดี๋ยวจัดให้ยัยอ้วน
“แล้วหนูไม่สวยตรงไหน” ถามด้วยน้ำเสียงใสซื่อ เพราะความมองโลกในแง่ดี สร้อยทองจึงคิดเสมอมนุษย์ทุกคนมีความสวยในแบบของตัวเอง
ตั้งแต่เกิดมาเธอยังไม่เคยคิดว่าตัวเองไม่สวยเลยสักครั้ง ต่อให้ใครต่อใครจะมาบุลลี่เรียก ยัยอ้วน ยัยแก้มกลม ยัยโอ่งมังกร แล้วมันยังไงไม่เห็นต้องสนใจเลย
เอาจริงเธอก็ไม่ได้อ้วนขนาดนั้น แค่น้ำหนักใกล้จะแตะเลขหกสิบ สูงไม่ถึงร้อยห้าสิบเจ็ด ควรเรียกว่าอวบระยะสุดท้ายดีกว่า
“ทุกตรง”
คีย์ตะวันกระแทกเสียงใส่ผู้หญิงเจ้าเนื้อตรงหน้าอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะใช้สายตาดูถูกมองเธอ
ยัยอ้วนตรงหน้าหวังสูงไม่น้อย อยากมานอนครวญครางอยู่ใต้ร่างเขาเหรอฝันไปเถอะ ชาติหน้าตอนบ่ายๆ ยัยนี่ก็ไม่มีทางได้เห็นขาอ่อนเขาหรอก
บอกแล้วไงผู้หญิงที่จะมานอนกับคีย์ตะวันต้องอยู่ในระดับมาตรฐานสาวไทยชนิดที่ว่าไปประกวดนางงามก็ยังได้ แต่ดูคนตรงหน้าสิ เตี้ยก็เตี้ย อ้วนก็อ้วน ต่ำกว่ามาตรฐานตั้งเยอะ ดีหน่อยที่เธอผิวขาวทำให้ดูไม่น่าเกลียดมากนัก
“แต่แม่แววบอกว่าถ้าหนูยอมนอนกับคุณคีตะ หนี้สินก็จะหมดลง”
“แล้วเธอก็โง่เชื่อเนี่ยนะ หรือว่าจริงๆ แล้วเธออยากนอนกับฉันมากกว่าเลยเอาแววดาวมาอ้าง หึ ฝันไปไกลแล้วนังหนู คนอย่างฉันไม่ซั่มกับผู้หญิงขี้เหร่”
“ไม่ใช่นะคะ หนูไม่เคยคิดแบบนั้น ถ้าคุณคีตะไม่ต้องการก็ดีสิ หนูไม่ได้อยากทำแต่มันจำเป็นต้องทำ ถ้าคุณคีตะไม่ให้หนูชดใช้ด้วยร่างกายแล้วจะให้หนูชดใช้หนี้ด้วยอะไรคะ”
“รูปร่างหน้าตาอย่างเธอ มีอย่างเดียวเท่านั้นแหละ”
“ทำอะไรคะ” หญิงสาวถามต่อ รู้สึกขนลุกแปลกๆ เมื่อเห็นแววตาชายหนุ่มที่กำลังมองมา ราวกับว่าเธอคือของเล่นชิ้นใหม่
“ใช้แรงงานยังไงล่ะ ฉันจะให้เธอมาเป็นทาสรับใช้”
“ทาสรับใช้? หมายถึงทำทุกอย่างตามที่คุณสั่ง”
“ฉลาดมาก รูปร่างหน้าตาอย่างเธอทำอะไรไม่ได้หรอกนอกจากเป็นทาส แล้วเธอทำอะไรเป็นบ้าง”
ชายหนุ่มส่ายหัวน้อยๆ เมื่อเพ่งพินิจรูปร่างหน้าตาของสร้อยทองอีกครั้ง
ไหนๆ เขาก็กำลังจะหาแม่บ้านไปทำความสะอาดคอนโดอยู่แล้วก็ใช้งานยัยอ้วนคนนี้เลยดีกว่า ดูไม่มีพิษไม่มีภัยดี
“หนูทำเป็นทุกอย่างค่ะ งานบ้าน งานครัว ขัดห้องน้ำ รีดผ้า ถูพื้น มีแค่อย่างเดียวที่ยังทำไม่เป็นคือขับรถ ส่วนอย่างอื่นบอกมาได้เลย แล้วคุณคีตะจะให้หนูเริ่มงานเมื่อไหร่คะ”
“พรุ่งนี้ เธอต้องย้ายมาอยู่กับฉัน”
“เราต้องอยู่ด้วยกันเหรอคะ”
“ไม่อยู่ด้วยกันแล้วฉันจะใช้งานเธอได้ยังไง เป็นทาสยี่สิบสี่ชั่วโมง ส่วนเรื่องอย่างว่าเลิกคิดไปได้เลย”
“ทำไมเหรอคะ”
“เพราะเธออยู่ต่ำกว่ามาตรฐานของฉัน คนอย่างคีย์ตะวันไม่นอนกับผู้หญิงขี้เหร่จำเอาไว้ด้วย”