ระหว่างปิดภาคเรียน เจ้าชายหนุ่มเสด็จไปเยี่ยมเยียนเจ้าหญิงบิชาเราะห์พระคู่หมั้นและพระขนิษฐภคินีที่ไม่เคยเสด็จกลับชาร์มาเลย แม้จะเป็นช่วงปิดภาคเรียนหรือช่วงไหน ยังพำนักอยู่ที่กรุงลอนดอน แม้พระองค์จะชักชวน ขอร้อง อ้อนวอน พระขนิษฐภคินีก็ไม่ยอมกลับ ด้วยโกรธพระมารดาที่บังคับให้หมั้นกับพระองค์
“ทำอย่างกับพี่น่ารังเกียจ ถึงไม่อยากหมั้น พอถูกบังคับก็หนีมาอยู่เสียที่นี่” ทรงพ้อพระสุรเสียงอ่อย
“น้องไม่ได้รังเกียจพี่ชาย ทรงทราบดีนี่” เจ้าหญิงท้วงทันควัน
“แล้วคนอื่นเขารู้ไหม เขาจะว่าน้องรังเกียจ หนีพี่มาไกลสุดหล้านะสิ กลับไปเถิด ปิดภาคเรียนตั้งหลายสัปดาห์ ไม่ไปดูความเปลี่ยนแปลงที่บ้านเราหรือ” ทรงโน้มน้าว ทว่าไม่ได้ผล
“เปลี่ยนแปลงไปสู่ความล้าหลังงั้นหรือคะ ยังมีการคลุมถุงชน บังคับให้พี่น้องแต่งงานกันเพื่อสิทธิ์ในการสืบทอดอำนาจ รู้ไหมเพื่อนน้องที่นี่เขาหัวเราะกันใหญ่ เมื่อรู้ว่าคู่หมั้นของน้องเป็นพี่ชายแท้ๆ”
เจ้าชายกาเบรียนสะอึก นี่เจ้าหญิงบิชาเราะห์ยังไม่รู้เลยว่าทรงรับมัยมูนะห์พี่สาวต่างมารดาเป็นนางห้ามแล้ว แม้จะยังไม่ได้ถวายงานก็เถอะ แต่จะคิดเช่นไรถ้าเรื่องนี้เข้าหู การศึกษาในประเทศตะวันตกทำให้น้องรังเกียจวัฒนธรรมและวิถีที่บรรพบุรุษดำเนินกันมาช้านานกระนั้นหรือ บทสนทนายังไม่เริ่มต่อ เสียงเคาะประตูห้องพักก็ดังขึ้น พร้อมคนเคาะเปิดเข้ามาเองอย่างคุ้นชิน
อิสบ่าล่าลูกสาวคหบดีชาวชาร์มาที่เดินทางมาเล่าเรียนพร้อมพี่ชาย และเป็นเพื่อนร่วมชั้นของเจ้าหญิงบิชาเราะห์ ซึ่งอายุจะมากกว่าเจ้าหญิงสองปี แต่รูปร่างนั่นเป็นสาวเกินตัว ทันทีที่เห็นบุรุษในห้อง อิสบ่าล่ารีบย่อตัวลงถวายความเคารพ ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ ยื่นมือขาวที่ไว้เล็บยาวและทาสีเข้มอันผิดหลักศาสนาที่เคร่งครัดของชาร์มาออกไปตรงหน้า เจ้าชายหนุ่มยื่นมือมาสัมผัสยอมรับการทักทายแบบชาร์มาแล้วนำมาแตะที่พระโอษฐ์ แม้จะไม่ชอบใจกับเล็บยาวๆ นั่น ทว่าไม่อาจตำหนิได้ ด้วยชำเลืองไปเห็นพระนขาของพระน้องนางก็แต่งแต้มเช่นกัน ไกลบ้านไกลเมือง ไร้การอบรมแบบขัตติยะนารี ทำให้น้องเปลี่ยนแปลงไปมาก ที่เห็นได้ชัดคือการแต่งตัว จนพระองค์หวั่นเกรงว่าถ้าพระมารดาทรงรู้เข้า คงพระวาโยจับ
“อิสบ่าล่า เพคะ”
“จำได้เราเคยเจอกันหลายครั้ง” รับสั่งอ่อนโยนอันเป็นนิจ แย้มสรวลรับบางเบา
อิสบ่าล่าหันไปทางเจ้าหญิงบิชาเราะห์ที่สนิทสนมกันเป็นอันมาก ด้วยเป็นหญิงชาวชาร์มาเพียงสองในเมืองใหญ่เช่นลอนดอน “เสด็จหรือยัง เพคะ”
“คงไปไม่ได้แล้ว ต้องทำรายงาน ฝากพาพี่ชายเปิดหูเปิดตาด้วยก็แล้วกัน” ทรงหันไปทางพระเชษฐา “ให้อิสบ่าล่าพาท่องราตรี สิคะ น้องไม่ว่าง มานั่งๆ นอน อยู่แต่ในห้องเบื่อแย่”
อิสบ่าล่ารับสนองรับสั่งของเจ้าหญิงบิชาเราะห์ นำเสด็จพระเชษฐาท่องเที่ยวชื่นชมแสงสีกรุงลอนดอนในยามค่ำคืน และทำมากกว่าที่รับสั่งด้วยการนำเสด็จไปในห้องพักของตนเอง หญิงสาวชายหนุ่มอยู่กันตามลำพัง แม้จะหนุ่มน้อยและสาวน้อยด้วยกันทั้งคู่ ทว่าสาวน้อยนั้นช่ำชองเชี่ยวชาญเพราะใช้ชีวิตอิสระ จนไม่อาจต้านทานความอยากรู้อยากลองได้ สาวน้อยจึงสอนบทเรียนกามาให้แก่เจ้าชายหนุ่มในห้องรับแขกของห้องพักเธอนั่นเอง แม้จะทรงอิดออด แต่ทนต่อแรงดึงดูดของเพศตรงข้ามและอาการยั่วยวน หว่านเสน่ห์ของอิสบ่าล่าไม่ไหว จนต้องคล้อยตาม
“ยังไม่รับนางห้ามใช่ไหม เพคะ หม่อมฉันยินดีรับใช้” อิสบ่าล่าออดอ้อนยามพร่ำปรนเปรอเจ้าชายหนุ่มที่ยังไม่เคยปลดเปลื้องอารมณ์บุรุษ ครั้งได้ลิ้มรสลองรักอันสุขสม จะถวิลหาเสียบ่อยครั้ง จนครูที่สอนแทบอ่อนแรงแต่ยังเต็มใจ วาดหวังเป็นนางห้ามคนแรกยามดำริจะรับนางในฮาเร็ม
ทว่าอิสบ่าล่าไม่ทราบ นางห้ามคนแรกนั้นรับไว้แล้ว แม้จะยังไม่เรียกใช้งาน แต่หลังกลับจากลอนดอน หลังได้ริลอง เจ้าชายกาเบรียนก็เรียกหามัยมูนะห์เข้าถวายงาน ในยามค่ำคืนทันที
“เจ้าว่ายังไงนะ รับสั่งให้เข้าถวายงานคืนนี้หรือ”
มัยมูนะห์ออกอาการตื่นเต้น เมื่อมีหมายมาแจ้ง บัดนี้เธอเป็นพระสนมที่ได้รับการแต่งตั้ง มีตำหนักส่วนตัวแม้ไม่ใหญ่โตแต่เป็นสัดส่วน ไม่มีใครมาจิกเรียกว่านังลูกทาส ไม่มีใครกล้ามาออกคำสั่งใช้สอยให้ทำงานเช่นเมื่อก่อน ไม่เคยถูกโบยตีโดยไร้สาเหตุจากพระมเหสีเอก ทั้งยังได้ยินข่าวดี เจ้าชายกาเบรียนสวามีในนามคืนนั้นเรียกให้เข้าถวายงานอีกครั้งหลังห่างเหินไปเกือบปี จากที่คิดว่าคงเฉาตายด้วยกลายเป็นนางห้ามที่ไม่ชายตาแล แล้วยังเสียโอกาสให้ชายอื่นมาสู่ขอตบแต่งไปเป็นเมีย แต่เวลานี้มัยมูนะห์เริ่มมีความหวัง ลองเรียกหาแสดงว่าต้องการให้รับใช้ ตำหนักเล็กๆ ของนางจึงปัดกวาดทำความสะอาดเสียเป็นการใหญ่ เพื่อเฝ้ารอเจ้าชายกาเบรียนมกุฎราชกุมารเสด็จมาหาในเวลาค่ำคืน หลังเสร็จสิ้นภารกิจต่างๆ แล้ว
“ดูให้ที ข้าดูดีหรือยัง” ร่างเปล่าเปลือยสมส่วนของมัยมูนะห์หมุนรอบตัวเองเพื่อให้ซัยตูนสำรวจ
ดูดีในสายตานางคืออันใด ไฝฝ้าราคีใดไม่แผ้วพานผิว แม้แต่รอยแส้ รอยหวาย ที่เคยถูกลงบนหลังครั้งแล้วครั้งเล่าก็ไม่หลงเหลือทิ้งไว้ประจานความป่าเถื่อน โหดร้ายของผู้กุมอำนาจ ด้วยยาสมุนไพรและการใส่ใจของนาง ในดวงตาชื่นชมความงามของนายสาว นั้นแฝงรอยเจ็บปวดอยู่ลึกๆ
“ดีแล้วเจ้าค่ะ จะใส่ชุดไหนดี เจ้าคะ”
“จะชุดไหน ก็แพรขาวสิ ชุดคลุมไม่ต้อง”
แพรขาวบางเบาทาบบนร่างเปล่าเปลือย หากไม่สวมผ้าคลุมมันก็ไม่ต่างจากเปลือยกาย เนื้อแพรนั้นไม่อาจบดบังทรวดทรงเคร่งครัดชูชันสมวัยสะพรั่ง เอวคอดสวยและผายออกตั้งแต่ช่วงสะโพกบนลงไป ช่วงขาแม้ไม่ยาวมากแต่เรียวสวย ซัยตูนมองนายสาวที่กำลังชื่นชมเรือนร่างตัวเองอยู่หน้ากระจก ก่อนจะเสนอ
“หวีผมนะ เจ้าคะ” เส้นผมดำสนิทหยักศกยาวถึงกลางหลังได้รับการสางอย่างเบามือจากทาสผิวเข้มผู้ซื่อสัตย์ ที่จับจ้องใบหน้าซึ่งแต่งแต้มอย่างสวยงามของมัยมูนะห์อย่างชื่นชมหลงใหลในกระจกเงา ก่อนจะเปรยขึ้น
“คุณคงดีใจ” น้ำเสียงเหมือนประชดกลายๆ แต่คนที่จะได้ถวายงานไม่สะดุดหู กลับตอบอย่างเริงร่า
“แน่สิผัวมานอนด้วยใครไม่ดีใจ”
คำตอบจากปากที่ยินดี เพิ่มความสลดบนใบหน้าทาสสาว นางก้มลงมองเรือนผมสลวยนั้น ไม่อยากสบตาเป็นประกายของมัยมูนะห์ในกระจกเงา นึกสมเพชตนเอง ทาสต้อยต่ำแม้จะภักดี ใครจะสนใจไยดี
“มกุฎราชกุมารกาเบรียน อัลชาร์มา อัลโซกียาห์ เสด็จ”
เสียงหน้าห้องเหมือนประกาศให้คนในห้องรับรู้ เพื่อเตรียมพร้อมรับเสด็จ แต่มัยมูนะห์นั้นอยากให้ดังไปทั่วเขตพระราชฐาน ให้รู้กันทั่วได้ยินชัดๆ ว่า พระสวามีเสด็จมาหานางแล้ว
ประตูห้องนอนของมัยมูนะห์เปิดรับ ซัยตูนถวายความเคารพแล้วรีบออกไปจากห้อง พร้อมหับบานประตูไว้ แม้ไม่ได้ลงกลอนสลักดาล แต่รับรองไม่มีใครกล้าเข้าไปในช่วงเวลาเรียกหญิงสาวถวายงาน ซัยตูนเดินไปนั่งพิงผนังตรงข้ามมองมายังประตูห้องอย่างใจจดจ่อ รอว่าเมื่อไหร่จะเสด็จออกมา ทั้งที่เพิ่งจะก้าวผ่านเข้าไป เช่นเดียวกับองครักษ์ส่วนพระองค์สองนายมาทำหน้าที่แข็งขัน ด้วยองค์ที่เสด็จหายเข้าไปนั้นเป็นมกุฎราชกุมารรัชทายาทอันดับหนึ่งแห่งชาร์มา
“กาเบรียน”
มัยมูนะห์ติดปากที่จะขานพระนามตรงๆ และคนถูกเรียกก็ไม่ถือสา เพราะอายุห่างกันเพียงหนึ่งปี ทั้งมัยมูนะห์นั้นมีสิทธิ์เทียบเท่าเจ้าหญิงเสียด้วยซ้ำในฐานะเป็นธิดาของเจ้าผู้ครองรัฐ ถ้าแม่ของเธอจะไม่เป็นแค่ทาส ร่างสมส่วนภายใต้เสื้อแพรบางเบาที่เดินเข้ามาใกล้นั้นไม่ต่างอะไรกับเรือนร่างเปล่าเปลือยของอิสบ่าล่า เย้ายวนสายพระเนตรและเรียกร้องให้สัมผัสด้วยความลึกซึ้ง
พระพาหากางออกเพื่อให้มัยมูนะห์ปลดเปลื้องฉลองพระองค์พื้นเมืองหรือโต้บให้ มัยมูนะห์ปลดกระดุมเสื้อเม็ดบนที่ติดพระศอ และปลดลงมาเรื่อยๆ ไม่นานฉลองพระองค์ที่ยาวคลุมข้อพระบาทก็รูดกองอยู่กับพื้น เผยให้เห็นบันเตาะลูนสนับเพลาสีขาวบาง มือที่เลื่อนมาจับขอบสนับเพลาสั่นเล็กน้อย เจ้าชายหนุ่มน้อยทว่าวางท่าเป็นชายช่ำชองเชิงรักยังทำพักตร์นิ่ง ทั้งที่พระทัยก็ระทึกรัวเร็วเก็บความตื่นเต้นแทบไม่อยู่กับเรือนร่างของมัยมูนะห์ตรงหน้า ทันทีที่มือขาวสั่นอยู่บนขอบพระสนับเพลา พระหัตถ์เรียวก็วางบนมือนั้นแล้วรั้งไว้ ทรงก้มลงช้อนร่างมัยมูนะห์อุ้มไปที่เตียงนอนนุ่ม ผ้าปูผืนใหม่สะอาดและตึงขนาดโยนเหรียญลงไปยังเด้งกลับเข้ามือ
ร่างสมส่วนทอดยาวใต้แพรบางบนที่นอนนุ่มจับจ้องพระเนตรสีนิลกาฬที่เปล่งประกายระยับ รอยแย้มสรวลทรงเสน่ห์ปรากฏยามนั่งลงข้างๆ แพรเนื้อดีนั้นไม่อาจปกปิดนวลเนื้อลออตา รูปโฉมโนมพรรณอันมีส่วนเว้าและโค้ง เนินเนื้อหนั่นยั่วยวนสายพระเนตร พระหัตถ์เรียวไล้ไปทั่วร่างผ่านผ้าบางเบา จนมัยมูนะห์มิอาจทานทนนิ่งเฉย ต้องบิดกายสะท้านตามเรียวพระหัตถ์ และคว้าข้อพระกรนั้นเพื่อหยุดการยั่วเย้าเธอเล่น รั้งให้ทอดพระองค์ลงมานอนเคียงข้าง
แพรบางเลื่อนออกจากร่างวางลงข้างๆ เตียง ไม่นานบันเตาะลูนสีขาวก็ลงมาสงบนิ่งอยู่ใกล้ๆ ม่านมุ้งที่คลี่ขยายลงมาไหวพะเยิบ ดีที่เตียงเหล็กขนาดใหญ่นั้นแข็งแรงไม่สั่นไหวลั่นดังไปด้วย ยามแปรสภาพเป็นสมรภูมิรักของเจ้าชายหนุ่มและนางห้ามคนแรกที่ได้ถวายงานจริงๆ
“จะรีบไปไหน” มัยมูนะห์ท้วงขึ้น เมื่อเจ้าชายกาเบรียนก้าวลงจากเตียงหลังนอนพักเหนื่อย ทรงหยิบบันเตาะลูนมาทรง
“เสด็จแม่สั่งห้ามค้าง” รับสั่งเช่นบุตรที่เชื่อฟังพระมารดา เพราะไม่มีประเพณีให้เจ้านายฝ่ายชายค้างคืนจนรุ่งสางในตำหนักของนางใดนางหนึ่ง แค่เสด็จมาให้ถวายการปรนนิบัติรับใช้ แล้วเสด็จกลับไปบรรทมที่ตำหนักส่วนพระองค์เช่นเดิม นัยหนึ่งเพื่อความปลอดภัย กลัวการลอบปลงพระชนม์ อีกนัยเพื่อมิให้นางนั้นถือสิทธิ์เป็นเจ้าของในพระสวามีที่ต้องแบ่งความรักและประทานเวลาให้สนมอีกมากมาย เสมือนความสัมพันธ์ทางกายนั้นไม่มีผลต่อจิตใจ รักไม่ได้ มีแค่ความใคร่ก็เพียงพอ
สิ่งนี้มัยมูนะห์ไม่ชอบใจเอาเสียเลย แต่เพราะยังใหม่จึงต้องเก็บอาการเอาไว้ก่อน ให้ทรงลุ่มหลงตัวเธอมากกว่านี้ แล้วทีนี้จะชี้นกเป็นลาชี้กาเป็นไก่ก็ต้องทรงเชื่อ มัยมูนะห์รีบมาช่วยทรงโต้ป กลัดกระดุมถวายทั้งที่ตนเองยืนร่างเปล่าเปลือย อกอิ่มแทบจะบดเบียดไปกับพระอุระยามเขย่งติดกระดุมเม็ดบนสุดถวาย
“ขอบใจ” รับสั่งอ่อนโยน มองนางด้วยแววพระเนตรหวามไหว รสเสน่หายังไม่เลือนหาย หากไม่ใช่รับสั่งกำชับของพระมารดา จะอยู่ต่อจนถึงเช้า ก็รสรักนั้นชวนให้ลิ้มลองอยู่ทุกเมื่อไม่ใช่หรือ
“แล้วจะมาอีกเมื่อไหร่ กาเบรียน” เสียงถามแนบพระอุระยามอิงแก้มเข้าซบ
“ถ้ามาจะแจ้งล่วงหน้า ฉันไปนะ” ทรงดันตัวนางออกห่างอย่างตัดพระทัย แล้วทรงพระดำเนินออกไปจากห้อง โดยสายตาเปี่ยมสุขของมัยมูนะห์มองตามจนประตูห้องปิดลง
แค่เจ้าชายกาเบรียนเสด็จกลับไป ซัยตูนก็รีบเข้ามาในห้อง พบว่านายสาวยังทอดร่างเปล่าเปลือยคว่ำอยู่บนเตียงที่ยับย่น ด่างดวงปรากฏชัด นางทาสผิวเข้มแหวกม่านบางเข้าไปดึงผ้ามาคลุมให้ถึงเอว
“ซันตูนหรือ ข้ามีความสุขที่สุด แต่ขัดยอกไปหมด เจ้านวดให้ข้าที ไม่คิดว่าจะมีกำลังเหลือล้น ทีแรกข้าคิดว่าไม่ประสาเสียอีก” คนพูดไปยิ้มไป พร้อมหัวเราะคิกคักไม่มีแม้ความเขินอาย รอรับการนวดเฟ้นผ่อนคลายกล้ามเนื้อจากทาสสาวจนหลับไปในที่สุด
นางทาสผิวเข้มลูบไล้วนเวียนเรือนร่างนายสาวอย่างชื่นชม โชคดีเป็นของเจ้าชายที่ได้ครอบครองนายหญิงของบ่าว รู้ไหมว่าเรือนร่างท่านน่าพิสมัยเพียงใด ผิวขาวผ่องที่บ่าวทายาลบเลือนบาดแผลให้มีไว้ให้เจ้าชายผู้เดียวหรือ ถ้าทรงรักและดูแลนายหญิงดี บ่าวก็ดีใจด้วย แต่ถ้าทำให้นายหญิงเสียใจ บ่าวไม่ยอม
ซัยตูนเก็บชุดแพรบางข้างเตียง ไปใส่ในตะกร้า แล้วล้มตัวลงนอน สายตาจับจ้องร่างบนเตียงของนายสาวด้วยความรักและหลงใหล