“คะ??? ว่าไงนะคะ!!!”
“ตามที่ได้ยินนั่นแหละ คุณทิวาเขาให้เราไปช่วยงานเขา”
“พี่ดาคะ ทำไมอยู่ดี ๆ ถึงให้รักไปช่วยงานคุณทิวาละคะ รักทำอะไรผิดหรือเปล่า”
“รักไม่ได้ทำอะไรผิดหรอกแต่คุณทิวาเขาอยากให้เราไปช่วยงานแค่นั้นเอง รักไม่ต้องกังวลนะคุณทิวาไม่ใช่คนจู้จี้ ดุหรือเรื่องมากอะไรเขาออกจะเป็นคนใจดีด้วยซ้ำไป” วิภาดาพูดปลอบใจรักแรกที่ดูกังวลมากเป็นใครก็กังวลทั้งนั้นแหละแม้แต่เธอเองด้วยแต่ทำยังไงได้ในเมื่อมันคือคำสั่ง ถึงเธอจะเอ็นดูรักแรกและนิภามากขนาดไหนก็ไม่สามารถขัดคำสั่งได้
“ค่ะ แล้วจะให้รักย้ายไปช่วยงานคุณทิวาวันไหนคะ”
“บ่ายวันนี้เลย”
“วันนี้เลยเหรอคะ” รักแรกตอบรับด้วยน้ำเสียงหงอย ๆ ความรู้สึกของเธอตอนนี้คือกังวลและกลัวรวมทั้งคิดมากด้วย ทำไมอยู่ดี ๆ ต้องย้ายให้เธอไปช่วยงานเลขาท่านประธานด้วยเพราะงานที่นั่นน่าจะมีความลับและความสำคัญกับบริษัทอย่างมาก มันเป็นเพราะอะไรทั้งที่เธอก็เป็นแค่นักศึกษาฝึกงานแท้ ๆ แต่นักศึกษาฝึกงานอย่างเธอก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธคำสั่งของหัวหน้าเขาสั่งแบบไหนก็ต้องทำแบบนั้นแต่ก็แค่ไม่กี่เดือนเธอก็ฝึกงานจบแล้ว
รักแรกคิดเองเออเองเบ็ดเสร็จพร้อมให้กำลังใจตัวเองไปในตัวจบก็เดินออกจากห้องทำงานของวิภาดากลับโต๊ะทำงานของตัวเองรีบลงมือจัดการเอกสารที่ยังทำค้างอยู่ให้เสร็จก่อนเที่ยง นิภาที่เห็นเพื่อนรักของมีตัวเองสีหน้าท่าทางไม่ค่อยสู้ดีหลังจากออกมาจากห้องวิภาดาก็อดเป็นห่วงไม่ได้
“รักแกเป็นอะไร มีปัญหาอะไรบอกฉันได้นะแกอย่าเก็บไว้คนเดียว”
“เอาไว้ค่อยคุยกันตอนเที่ยงนะรักขอเคลียร์งานให้เสร็จก่อนนะ”
“เออ ๆ” นิภารับคำก่อนจะรีบหันไปสนใจงานของตัวเองที่รับผิดชอบอยู่ให้เสร็จเหมือนกับรักแรก ดังนั้นทั้งคู่ต่างคนต่างเร่งจัดการเอกสารของตัวเองให้เสร็จ
พอถึงเวลาพักเที่ยงทั้งคู่ก็พากันเดินไปยังห้องอาหารของพนักงานที่บริษัทจัดไว้ให้เป็นสวัสดิการเพื่อทานอาหารเที่ยงและนิภาก็ไม่ทิ้งเวลาให้ช้ารีบถามเรื่องที่ตัวเองสงสัยทันทีหลังจากที่ซื้ออาหารกลับมาแล้ว
“รักสรุปแกเป็นอะไรมีใครทำอะไรแกหรือเปล่า”
“ไม่มีใครทำอะไรรักหรอก แค่พี่ดาบอกให้รักย้ายไปช่วยงานคุณทิวาที่เป็นเลขาท่านประธานนะ”
“ห๊ะ!!! แกว่าไงนะ” นิภาตะโกนออกมาเสียงดังด้วยความตกใจจนทำให้คนรอบข้างต่างพาหันมามองทั้งคู่ รักแรกรีบก้มหัวลงเป็นการแสดงความขอโทษที่เสียงดังรบกวนคนอื่น ก่อนจะหันไปดุนิภาเบา ๆ
“จะเสียงดังทำไม”
“ขอโทษ ๆ มันเผลอตัวไปนะ แหะ ๆ แล้วทำไมอยู่ ๆ แกถึงโดนย้ายไปที่นั่นได้แล้วจะย้ายไปตอนไหน เมื่อไหร่ ไปช่วยตลอดจนฝึกงานจบหรือแค่ชั่วคราว”
“รักก็ไม่รู้เพิ่งรู้เมื่อตอนที่พี่ดาเรียกไปคุยนั่นแหละแล้วนี่ก็ต้องย้ายไปช่วงบ่ายนี่เลย”
“โห... แบบนี้ฉันก็ต้องแยกกับแกสิฉันคงคิดถึงแกมากแน่ ๆ เลย”
“แยกกันแค่ช่วงทำงานไหม ตอนเช้าเย็นก็เจอกันแม้แต่กลางวันก็มากินข้าวด้วยกันเหมือนเดิม ทำเป็นเว่อร์ยังกับจะไม่ได้เจอกันเลยงั้นแหละ เห้อ...” รักแรกมองหน้านิภาที่ทำหน้าเหมือนหมาหงอยเพราะเป็นห่วงเธอก็พลอยทำให้เธอสบายใจขึ้นมาได้บ้าง เธอรู้ว่านิภารักและเป็นห่วงเธอมากซึ่งเธอเองก็ไม่ต่างกันรักและเป็นห่วงนิภามากเหมือนกัน
“เออ จริงด้วย”
“อืม งั้นรีบกินข้าวเถอะเดี๋ยวยังไม่ทันกินก็หมดเวลาพักซะก่อน” รักแรกยิ้มให้นิภาถึงแม้มันจะดูฝืน ๆ เพราะมีเรื่องกังวลอยู่ในหัวแต่ก็ยังดีกว่าแสดงสีหน้าเป็นกังวลให้เพื่อนเห็นและพลอยเป็นกังวลไปกับเธอด้วยอีกคน
หลังทานอาหารกลางวันเสร็จแล้วรักแรกก็พาตัวเองมายังชั้นบนสุดของอาคารเพื่อมาช่วยงานของทิวา รักแรกเดินเข้าไปหาทิวาที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของตัวเองยกมือไหว้และกล่าวทักทาย
“สวัสดีค่ะคุณทิวา”
“อ้าว มาแล้วเหรอว่าแต่เราชื่ออะไรเหรอ” ทิวาเงยหน้าขึ้นจากเอกสารมองรักแรกที่เดินเข้ามาหาตัวเอง
“รักแรกค่ะ”
“ครับ นี่โต๊ะทำงานของน้องรักแรกนะ เดี๋ยวเรื่องงานพี่จะบอกทีหลังว่าน้องต้องทำอะไรบ้างแต่ตอนนี้น้องนั่งศึกษาเอกสารพวกนี้ไปพลาง ๆ ก่อนนะ”
“ของคุณค่ะ คุณทิวาเรียกหนูว่ารักเฉย ๆ ก็ได้ค่ะ”
“ครับ งั้นรักเรียกผมว่าพี่ทิวก็ได้”
“ค่ะ พี่ทิว” รักแรกยิ้มให้ทิวาพอได้คุยและทำความรู้จักกันบ้างแล้วรักแรกก็รู้สึกว่าแรงกดดันที่มีแต่แรกเริ่มลดน้อยลงไปบ้างเพราะทิวาไม่ได้ดุหรือถือตัวอย่างที่เธอกลัวเลยแม้แต่น้อย
“ครับ”
เมื่อแนะนำตัวและทำความรู้จักกันพอสมควรแล้วรักแรกก็นั่งดูเอกสารที่ทิวาวางไว้ให้บนโต๊ะทำงาน โดยมีทิวาก้มหน้าก้มตาทำงานตัวเองอยู่โต๊ะติดกันจะมีบ้างที่รักแรกถามทิวาเวลาที่เธอไม่เข้าใจในเอกสารและได้รับการอธิบายอย่างละเอียดจากทิวาจนเข้าใจ ตอนนี้ทั้งคู่เริ่มคุ้นเคยกันมากขึ้นอาการเกร็งในตอนแรกเริ่มจางหายไปเกือบหมดแล้ว
วันนี้เป็นอีกวันที่รักแรกนั่งทำงานอยู่กับทิวาที่โต๊ะทำงานติดกัน ตอนนี้ทั้งคู่เริ่มสนิทกันมากขึ้นแล้วรวมทั้งนิภาก็สนิทกับทิวาไปด้วยในช่วงแรก ๆ นิภาเกร็งมากแต่พอได้คุยกันอาการเกร็งหรือกลัวก็หายไปเลยกลายเป็นสนิทกับทิวาไปด้วยอีกคน
ระหว่างที่ทั้งคู่นั่งทำงานกันอยู่ประตูลิฟท์ก็เปิดออกพร้อมกับลีโอและคนสนิททั้งสองเดินออกมาจากลิฟท์ ทำให้ทิวาและรักแรกลุกขึ้นยืนเมื่อลีโอเดินมาหยุดยืนที่หน้าโต๊ะของทิวา เขาไม่ได้พูดอะไรเพียงแค่มองหน้าทิวากับรักแรกนิ่ง ๆ ก่อนทิวาจะเป็นฝ่ายแนะนำรักแรกให้รู้จักกับลีโอและคนสนิททั้งสองของเขา
“รักนี่คุณลีโอท่านประธานและนั่นก็คุณเคนและคุณแดนคนสนิทของคุณลีโอ”
“สวัสดีค่ะ” รักแรกยกมือไหว้คนทั้งสามด้วยอาการเกร็งไปทั้งตัวหลังทิวาแนะนำทั้งสามคนให้เธอรู้จัก พวกเขาหล่อทั้งสามคนเลยแต่หล่อกันคนละแบบท่าทางน่ากลัวและดูนิ่งมาก
“คุณลีโอครับ นี่รักแรกนักศึกษาฝึกงานที่จะมาช่วยผมทำงานในช่วงที่เธอยังฝึกงานอยู่ที่นี่ครับ ...ตามคำสั่งของคุณลีโอไงครับ” ทิวาแนะนำรักแรกให้ลีโอรู้จักพร้อมบอกถึงหน้าที่ของเธอไปด้วยแต่ประโยคสุดท้ายเขาพูดแค่ในใจเขาเท่านั้นไม่ได้พูดออกมาให้ใครได้ฟัง
“...” ลีโอไม่พูดอะไรเพียงแค่มองหน้ารักแรกนิ่ง ๆ จนทำให้รักแรกยิ่งเกร็งมากขึ้นไปอีกแถมยังเพิ่มความกลัวให้เธอกับสายตาที่เขาใช้มองเธออยู่ เมื่อแดนเห็นว่าบรรยากาศเริ่มอึมครึมเพราะไม่มีใครพูดอะไรเขาจึงพูดขึ้นมาเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ
“สวัสดีครับน้องรักแรก”
“สวัสดีค่ะ เรียกว่ารักเฉย ๆ ก็ได้ค่ะคุณแดน”
“ครับ น้องรักก็ไม่ต้องเรียกพี่ว่าคุณหรอกครับเรียกพี่แดนดีกว่าดูสนิทกันดีเรียกคุณแบบนั้นมันดูห่างเหินกันเกินไป” แดนยิ้มหวานหว่านเสน่ห์ให้รักแรกก็ใครใช้ให้เธอน่ารักเหมือนตุ๊กตาขนาดนี้ละเขาเลยอยากจะได้มาเอาไว้ข้างกายจริง ๆ เลย
“ค่ะ พี่แดน” รักแรกยิ้มหวานให้แดนที่ดูเป็นคนช่างพูดช่างจาและอารมณ์ดีมองดูเป็นคนเจ้าชู้ไปเลย
“...” ลีโอหันไปปรายตามองแดนที่ยิ้มหน้าระรื่นหลังได้เห็นรอยยิ้มหวาน ๆ ของรักแรกที่ยิ้มให้ตนเอง แต่เมื่อแดนเห็นสายตาที่ลีโอมองมาที่ตนก็ต้องหุบยิ้มแทบไม่ทัน สายตาแบบนี้มันไม่น่าไว้ใจชัด ๆ จนเคนถึงกับชอบใจที่เห็นคนอย่างแดนจ๋อยได้ เขาอยู่กับลีโอมานานทำไมจะไม่รู้ว่าลีโอถูกใจสาวน้อยคนนี้แค่ไหน เพียงแค่ยังไม่ได้แสดงอะไรออกมาเท่านั้นดูสิแค่เจอครั้งแรกเมื่อวานอยู่ ๆ วันนี้สาวน้อยคนนี้ก็ได้มานั่งหน้าห้องคู่กับทิวาแล้ว
ลีโอเดินเข้าห้องทำงานไปโดยไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่นั้นทิวาก็รีบหอบเอกสารเดินตามเข้าห้องไปอีกคน หลังทั้งสี่คนเดินแยกกันเข้าห้องไปหมดแล้วรักแรกถึงกับถอนหายใจออกมาทางปากอย่างโล่งอกโล่งใจทันที
“เห้อ... โคตรน่ากลัวเลย”