บทนำ 1

1238 Words
บทนำ ห้องจัดเลี้ยงภายในโรงแรมดังภายในจังหวัด คลาคล่ำไปด้วยแขกที่มาร่วมงานฉลองมงคลสมรสของหญิงสาวกับหนุ่มหล่อที่เหมาะสมราวกับกิ่งทองใบหยก เจ้าสาวสวยราวนางฟ้า เจ้าบ่าวนั้นหล่อราวออปป้าหลุดออกมาจากซีรีส์เกาหลีเรื่องโปรดของสาวๆ นั่นเป็นคำกล่าวของเพื่อนในกลุ่มคนหนึ่งที่ไปงานเลี้ยงฉลองสมรสของคู่บ่าวสาว แล้วไลฟ์สดเพื่อให้คนที่ไม่ได้ไปงานได้ชมภาพแห่งความสุขนั้น และเพื่อตอกย้ำความเจ็บปวดของใครบางคน! ภูวิณโยนโทรศัพท์ลงข้างตัวอย่างหงุดหงิด ก่อนจะหยิบบรั่นดีที่มีอยู่ครึ่งแก้วเทลงคอรวดเดียวหมด ปกติเขาแทบไม่ดื่ม มีแค่งานเลี้ยงต่างๆ ที่กินพอเป็นพิธี แต่ค่ำคืนนี้เขาไม่ไหวจริงๆ เขาอยากหลับไปแบบสบายๆ ไม่ทรมานกับความรู้สึกสูญเสียความรัก เขากับระริน เจ้าสาวของคนอื่นในค่ำคืนนี้ คบหากันมาตั้งแต่สมัยมัธยมปลาย เข้าไปเรียนต่อปริญญาตรีในกรุงเทพฯ ด้วยกัน ก็ยังคบหามาตลอด แต่พอเรียนจบเขากลับมาดูแลธุรกิจที่บ้าน ส่วนเธอทำงานในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง แยกจากกันแค่หกเดือน เธอก็บอกเลิก เหตุผลทนความเหงาไม่ไหว เลยคบหากับรุ่นพี่ในบริษัท เขาทั้งอ้อนวอน และยอมทิ้งธุรกิจครอบครัวเพื่อจะไปอยู่กรุงเทพฯ กับเธอเหมือนสมัยที่ยังเรียน ตัวติดกันตลอด แต่อีกฝ่ายยืนยันจะคบหารุ่นพี่ เพราะหมดรักเขาแล้ว เจ็ดปีกว่าสำหรับการคบหา เวลาจะหมดรักกัน มันก็หมดง่ายๆ เพียงแค่ห่างกันหกเดือน ตอนนั้นเขาก็เมาเสียผู้เสียคนไปหลายเดือน กว่าจะตั้งสติได้ก็ใช้เวลาหลายเดือน กระทั่งผ่านไปนับปี คิดว่าทำใจได้แล้ว แต่พอรู้ว่าเธอจะแต่งงานกับรุ่นพี่คนนั้น เขาก็รู้สึกเจ็บและทรมานทุรนทุรายขึ้นมาอีก ทั้งที่หมอนั่นก็ไม่ได้มีอะไรดีมากกว่าเขา ฐานะก็ทั่วไป หน้าตาก็...หล่อแบบโอปป้า นั่นคงเป็นความฝันของหญิงสาวหลายคนกระมัง หล่อเข้มแบบไอ้หนุ่มชาวไร่บ้านๆ อย่างเขาไม่อยู่ใน เทรนด์สเปกของสาวๆ ยุคนี้แล้ว คิดแล้วก็... ยกขวดบรั่นดีขึ้นซดเลยทันที จนหกเลอะเทอะเสื้อผ้าไปหมด “จะกินให้ตายเลยไหม” เสียงเรียบๆ แต่เย็นเยือกถึงไขสันหลังคนฟัง ร่างผอมบางของมารดาที่อยู่ในชุดคุ้นตา คือเสื้อกางเกงขาว เหมือนมีคนไปดึงออกมาจากห้องพระ ข้างกายของมารดามีเด็กหญิงวัยเก้าขวบหน้าตาน่ารักน่าชังยืนมองเขาหน้าง้ำ “อาวิณกินเหล้ามากไปจะตับแข็งตายเหมือนลุงทินนะคะ” เด็กหญิงอรองค์พูดแล้วเดินมานั่งข้างๆ ‘ลุงทิน’ ที่เจ้าตัวพูดถึงก็เป็นคนงานคนหนึ่งในไร่ที่เพิ่งเสียชีวิตไปเพราะโรคตับแข็ง อรองค์รักลุงทินเหมือนพ่อคนหนึ่ง เพราะอีกฝ่ายใจดี และเคยเป็นนักมวยมาก่อน ลุงทินจึงสอนอรองค์ชกมวยมาตั้งแต่เด็ก เวลาไปโรงเรียนเจอเพื่อนรังแก เธอก็สามารถป้องกันตัวเองได้ แถมยังช่วยคนที่ถูกรังแกได้อีก “อาไม่ได้กินทุกวันเหมือนลุงทินของเอิงหรอก” ภูวิณพูด แล้วทำท่าจะยกขวดบรั่นดีกรอกปาก แต่มือเล็กๆ ของเด็กหญิงดึงไว้ “อาวิณพอแล้ว ถึงอาวิณไม่ได้กินทุกวัน แต่กินเยอะแบบนี้เดี๋ยวตับแข็งเหมือนกัน” เด็กหญิงเถียงและดึงขวดบรั่นดีมาจากเขาจนได้ “โอ๊ย เป็นหมอหรือไงวะไอ้เด็กคนนี้” เขาพูดอย่างฉุนๆ “พูดกับหลานให้ดีๆ หน่อยได้ไหมวิณ” มารดาเดินมานั่งตรงข้าม มองเขาอย่างตำหนิ “ก็ยัยเอิงพูดจารู้มากเกินเด็ก” เขาบ่น “ก็หลานเป็นห่วง ดึงแม่ออกมาจากห้องพระ เพราะกลัว อาวิณจะกินเหล้าจนเป็นตับแข็งตาย” “อินเรื่องลุงทินเกินไปไหม” ไม่พูดเปล่าแต่จิ้มนิ้วที่หน้าผากมนนั้นอย่างเอ็นดูปนมันเขี้ยว เพราะเจ้าตัวเล็กกอดขวดบรั่นดีไว้แน่นเลย “แม่คิดว่าวิณทำใจได้แล้วนะนี่” พิสมัยมองลูกชายแล้วส่ายหน้าเบาๆ เพราะกว่าจะผ่านช่วงเวลาทุกข์ใจคราวอกหักหมาดๆ ใช้เวลาตั้งหลายเดือน แต่พอมีงานวิวาห์ของระรินกับคนรัก ภูวิณก็กลับมากินเหล้าเหมือนเดิม ก็หวังว่าจะไม่เป็นหนักเหมือนครั้งแรกที่เลิกกับระริน “อาวิณไม่ต้องเสียใจหรอก เดี๋ยวเอิงโตขึ้น เอิงจะเป็นเจ้าสาวให้อาวิณเอง” “โอ๊ย ไอ้เด็กบ๊องส์ พูดแต่ละอย่าง แม่พายัยเอิงกลับเรือนเล็กไปเลย สอนให้นั่งสมาธิเยอะๆ จะได้ไม่ฟุ้งซ่าน!” “ไม่กลับค่ะ จนกว่าอาวิณจะเลิกดื่ม แล้วขึ้นไปนอนก่อน” เด็กหญิงพูดอย่างไม่ลดละ ไม่กลัวสายตาดุๆ ของเขาด้วย “แม่ ฟังมันพูดสิ เป็นเด็กเป็นเล็ก” เขาหันไปฟ้องมารดา “เอิงก็พูดถูกแล้ว ถ้าวิณไม่เลิกดื่ม แม่กับเอิงก็จะนั่งเฝ้าวิณแบบนี้ทั้งคืนจนกว่าวิณจะไปนอน” “แม่!” สุดท้ายภูวิณจำเป็นต้องเลิกดื่มแล้วเดินเซเกาะราวบันไดขึ้นไปบนบ้าน โดยมีแม่และหลานสาวนอกไส้มาส่งถึงห้องนอน “ใจคอจะนอนเฝ้ากันเลยไหม” เขาประชดเมื่อทิ้งตัวลงนอนแล้วทั้งสองก็ยังไม่ยอมออกไปจากห้อง “อาวิณหลับก่อนสิ เดี๋ยวเอิงกับย่าพิศจะออกไปเอง” เด็กหญิงอรองค์บอก “แล้วถ้ามานั่งเฝ้าอยู่แบบนี้จะหลับลงไหมล่ะ!” ดื่มให้เมาจนหลับมันง่ายกว่าอีก “งั้นเอิงจะร้องเพลงกล่อมอาวิณเองค่ะ” ไม่พูดเปล่ากระโดดขึ้นเตียง แล้วนอนลงข้างๆ คนตัวใหญ่ “เฮ้ย ยัยเด็กบ๊องส์ลงไปเลย แบบนี้จะยิ่งนอนไม่หลับ” เขาดันร่างเล็กๆ นั้นให้ห่าง แต่เจ้าตัวกลับกอดร่างเขาไว้จากทางเบื้องหลัง “อาวิณหลับตาก่อน แล้วหายใจลึกๆ ปล่อยลมหายใจออกช้าๆ” เด็กหญิงบอก เพราะตอนที่เธอทุกข์ทรมานจากการสูญเสียบิดานั้น นอนไม่หลับ อยากแต่จะร้องไห้ ย่าพิศก็สอนวิธีให้เธอนอนหลับ และตอนนี้เธอก็กำลังจะสอนอาวิณบ้าง “จะมาสอนทำสมาธิอะไรตอนนี้” “ทำตามที่หลานบอกสิ พูดมาก!” มารดาของเขาเดินมาเคาะกะโหลกให้อีก ภูวิณเลยต้องเลิกโวยวาย แถมเขาก็รู้สึกเหนื่อยกับการเถียงคนทั้งสอง เพราะอย่างไรก็ไม่มีทางชนะ ไหนๆ ก็สบัดยัยตัวเล็กลงจากเตียงไม่ได้ สิ่งเดียวที่จะทำให้ทั้งสองออกจากห้องได้คือแกล้งหลับ เขาจึงหลับตาลง “อาวิณไม่ต้องคิดเรื่องอะไรนะคะ สนใจแค่ลมหายใจตัวเอง หายใจเข้าท่องคำว่าพุทธ หายใจออกท่องคำว่าโธ เขาก็รู้อยู่แล้ว เพราะมารดาสอนมาตั้งแต่เด็ก แต่ใช้ว่ามันจะได้ผลทุกครั้ง ยิ่งได้ยามที่ทุกข์ทรมานจากอาการใจสลายเพราะความรักด้วยแล้ว พุทธ โธ พุทธ โธ พุทธ โธ พุทธ โธ พุทธ โธ พุทธ โธ ครอกฟี่ ...............
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD