ภวินเดินตามหนูเล็กไปจนถึงในห้องประชุม และเมื่อคุณดาพงศ์เจอชายหนุ่มก็เอ่ยทักทายอย่างดีใจ
“คุณภวินมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ ผมไม่ได้ออกไปต้อนรับเลยต้องขออภัยด้วยนะครับ”
“ไม่เป็นไรเลยครับคุณน้า ผมแค่แวะมาแป๊บเดียวเห็นคุณน้าส่งหนังสือเชิญไป”
“เชิญนั่งก่อนครับเดี๋ยวผมให้เลขาเอาของว่างมาเสิร์ฟ เชิญคุณริบด้วยครับ”
ทั้งสองคนเดินไปนั่งที่โต๊ะภายในห้องประชุมโดยสายตาของเขาต้องไปยังหญิงสาวอย่างไม่วางตา เธอกำลังตั้งใจเรียนรู้งานจากคุณพ่ออย่างเต็มที่และก็อยู่ในสายตาของชายหนุ่มตลอด
หลังจากนั้นไม่นานก็เริ่มประชุมกันครั้งใหญ่ แต่ภวินไม่สนใจเลยว่าเนื้อหาสาระสำคัญคืออะไรเพราะเขาตั้งใจมาที่นี่เพื่อมาหาหนูเล็กเท่านั้น และการซื้อหุ้นในครั้งนี้เขาแค่อยากเอาชนะหญิงสาวและเอามาเป็นข้อต่อรองในการครอบครองเธอไม่ได้สนใจเลยว่าเงินที่ลงทุนไปจะได้คืนมาตอนไหนหรือว่าจะไม่ได้คืนมาเลยก็ตาม
“อ๊ะ!”
หนูเล็กสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะเหลือบสายตามองใต้โต๊ะและตอนนี้คุณภวินกำลังใช้เท้าเขี่ยเท้าเธอเล่นอย่างสนุก เธอขยับหนีแต่เขาก็ยังตามมาแกล้งไม่เลิก
‘หยุดกวนหนูสักทีค่ะ’
หญิงสาวกดส่งข้อความไปให้ชายหนุ่มเขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านข้อความก่อนจะยิ้มมุมปากออกมาแล้วกดส่งข้อความกลับไป
‘เสร็จจากประชุมไปกินข้าวด้วยกันนะ’
หนูเล็กเห็นข้อความล่าสุดแต่ก็ไม่ตอบอะไรทั้งนั้นเพราะสุดท้ายถ้าเธอบอกว่าไม่ไปเขาก็จะโวยวายและหาเรื่องขู่ให้เธอไปจนได้ เธอตั้งใจประชุมกับทุกคนต่อจนใกล้เสร็จโดยไม่สนใจชายหนุ่มอีก
“คุณภวินมีอะไรอยากจะถามมั้ยครับ”
คุณดาพงศ์หันไปมองชายหนุ่มอย่างขอความเห็นแต่เหมือนว่าเขาไม่ตั้งใจฟังเนื้อหาการประชุมเลยเอาแต่จ้องหน้าลูกสาวของเขาตั้งแต่เข้ามาถึงจนจะเลิกก็ยังมองไม่หยุดจนเขาเริ่มเอะใจในความสัมพันธ์นั้น วันนี้คงต้องสอบถามลูกสาวให้รู้เรื่องว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“ครับ… อ่อ ไม่มีอะไรถามครับตามนั้นเลย”
“ถ้างั้นเราเลิกประชุมกันเลยนะครับ”
คุณดาพงศ์ยิ้มออกมาก่อนจะบอกให้ทุกคนแยกย้ายกันไปพักเที่ยง ตอนแรกเขาว่าจะชวนคุณภวินไปทานข้าวด้วยกันแต่ว่าเขาต้องไปพบลูกค้าต่อก็เลยว่าจะให้ผู้ช่วยเป็นคนพาไปแทน
“ผมว่าจะชวนคุณภวินไปทานข้าวแต่ว่าติดนัดสำคัญกับลูกค้า”
“ไม่เป็นไรเลยครับให้ลูกสาวไปแทนก็ได้”
เขาเสนอทางเลือกให้จะได้แฟร์ๆทั้งสองฝ่าย คุณดาพงศ์หันไปมองลูกสาวอย่างลำบากใจ เธอยิ้มให้คุณพ่อก่อนจะเอ่ยเสียงหวาน
“หนูไปเองค่ะ”
“เอางั้นก็ได้ งั้นผมขอคุยงานกับลูกสาวสักสิบนาทีนะครับเดี๋ยวให้ออกมาหา”
“ตามสบายเลยครับผมไม่รีบ”
คุณดาพงศ์กุมมือลูกสาวพาเข้าไปในห้องทำงานแล้วซักถามกับสิ่งที่มันเกิดขึ้นเพราะดูเหมือนว่าทั้งสองคนจะรู้จักกันมาก่อน
“พ่อว่ามันมีอะไรแปลกเกี่ยวกับลูกแล้วก็คุณภวิน มันมีอะไรใช่มั้ย”
“ค่ะ หนูคงต้องบอกพ่อถ้าไม่รู้วันนี้วันอื่นก็ต้องรู้ค่ะ”
“เกิดอะไรขึ้น…”
คุณพ่อมองลูกสาวอย่างต้องการคำอธิบาย หนูเล็กสูดลมหายใจเข้าเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงจริงจัง
“ที่คุณภวินเค้าซื้อหุ้นบริษัทของเราไม่ใช่ว่าอยากช่วยเหลืออะไรหรอกค่ะ เค้าแค่อยากเอาชนะหนูก็เท่านั้น”
“เรื่องอะไร”
“เราเคยเจอกันมาก่อนเขามาขอเบอร์โทรแต่หนูไม่ให้ค่ะ เค้าคงไม่พอใจก็เลยมาซื้อหุ้นบริษัทแล้วเอามาต่อรองเพื่อให้หนูคุยกับเค้า”
คุณพ่อเงียบไปอย่างตกใจแสดงว่าคุณภวินต้องข่มขู่ลูกสาวเขาแน่นอนแบบนี้นี่เขาเป็นต้นเหตุให้ลูกสาวอึดอัดใจเพราะฉะนั้นเขาไม่มีทางยอมให้ลูกลำบากแน่ถ้าต้องเลือกสักอย่างเขาขอเลือกลูกสาวคนเดียว
“เค้าขู่อะไรหนูเหรอลูก ถ้ามันเยอะไปไม่ต้องยอมนะพ่อจะยกบริษัทให้เค้าบริหารต่อส่วนเราก็ไปเปิดบริษัทหาอะไรทำใหม่ พ่อไม่อยากให้หนูต้องถูกใครข่มเหงรังแก”
“มันไม่ทันแล้วค่ะพ่อ”
เธอเอ่ยออกมาเสียงสั่น เธอเสียตัวให้เขาไปแล้วมันคือข้อเท็จจริงที่ไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขได้อีก คนเป็นพ่อถึงกับช็อคในคำตอบของลูกสาวแสดงว่าเธอต้องเจออะไรมาแล้วถึงได้พูดแบบนี้
“หมายความว่ายังไง… ไม่ทันคืออะไร”
“เมื่อคืนเค้าพาหนูไปค้างที่บ้านค่ะ แล้วก็…”
เธอปาดน้ำตาเล็กน้อยอย่างรู้สึกสมเพชตัวเองอย่างมาก เธอไม่สามารถปฏิเสธเขาได้เพราะบริษัทนี้เป็นของพ่อและท่านรักมาก คุณพ่ออึ้งไปอย่างพูดไม่ออกนี่เขายิ้มดีใจเพราะบริษัทกลับมาได้แต่ลูกสาวต้องถูกข่มเหงรังแกจากคนที่มีเงินมากกว่า เขาทำอะไรลงไป
“พ่อไม่ยอมเด็ดขาดเขาทำแบบนั้นกับลูกได้ยังไง ออกไปกับพ่อไปคุยเรื่องนี้ให้รู้เรื่องไปเลย”
คุณพ่อพยายามดึงแขนลูกสาวให้ตามออกไปแต่เธอดึงรั้งไว้ก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงจริงจัง
“หนูเป็นคนยอมเองค่ะพ่อ คุณภวินถามแล้วว่าจะเลือกอะไรหนูยืนยันว่าจะเลือกบริษัท”
“หนูทำแบบนั้นทำไมลูก”
คนเป็นพ่อกุมขมับอย่างเครียดหนัก แทนที่จะมาปรึกษาเขาก่อนแต่กลับทำอะไรแบบนั้นโดยไม่คิดถึงผลที่จะตามมา เอาตัวเข้าแลกมันไม่คุ้มหรอกชีวิตคนเรามีคุณค่ามากกว่านั้นเยอะ
“คุณพ่อทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไปก่อนนะคะ หนูจัดการเรื่องนี้ได้”
“หนูจะทำยังไง”
“หนูจะเอาคืนจากเขาให้สาสม เขาได้จากหนูไปเท่าไหร่หนูจะเอาคืนมาร้อยเท่าพันเท่าเลย”
“มันไม่คุ้มเลยนะลูก”
“เชื่อหนูสิคะพ่อ ตอนนี้มันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วค่ะสิ่งที่หนูทำได้ในตอนนี้คือ เอาคืนมาให้มากที่สุด”
คุณพ่อมองลูกสาวที่แววตาเอาจริงเอาจังมากจนเขารู้สึกกลัวใจเหลือเกิน ถ้าฟังจากที่พูดคุณภวินมาขอเบอร์อยากทำความรู้จักแสดงว่าคงจะสนใจในตัวของลูกสาวเขามากอยู่ แต่ด้วยความที่อยากเอาชนะจึงใช้วิธีที่เลวร้ายกับผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ถ้าลูกสาวเขาพูดมาแบบนี้เขาก็จะไม่ห้าม
“หนูคิดดีแล้วใช่มั้ย การเอาตัวเข้าแลกมันไม่คุ้มเลยนะหนูมีแต่เสียกับเสีย”
“หนูไม่ใช่เด็กค่ะที่มองไม่ออก คุณภวินไม่ได้อยากเอาชนะหนูหรอกค่ะเขาชอบหนู ไม่มีใครทุ่มเงินเป็นร้ายล้านเพื่อแค่อยากเอาชนะผู้หญิงคนเดียวหรอกค่ะ พ่อคอยดูนะคะหนูจะทำให้เขากลายเป็นลูกไก่ในกำมือ”