ฉันชะเง้อชะแง้ผ่านไหล่อาจารย์เคพยายามเพ่งสายตามองทะลุผ่านผืนบางสีขาวที่กำลังสะบัดพลิ้วไหวตามแรงลมจากหน้าต่าง จึงพอมองเห็นร่างบางที่นอนตะแคงข้าง หันหลังให้เป็นเงาๆ ถึงจะอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมมีนักเรียนย้ายมาช่วงนี้ที่ใกล้สอบแล้ว? แต่ความตื่นเต้นมันมีมากกว่า คนนั้นน่ะเหรอที่ฉันต้องดูแล...
และอาจเป็นเพื่อน (ผู้หญิง) คนแรกในรอบห้าปีของฉันด้วยล่ะ
ดีใจจัง...
เสียงเพลงรักหวานของรุ่นพี่ดีเจเงียบลงทันทีที่หมดเวลาพักเที่ยง แทนที่ด้วยเสียงกริ่งเข้าเรียนดังกังวาน...เวลาที่ฉันเฝ้ารอมาถึงแล้ว อีกแค่แป๊บเดียวอาจารย์เคคงพานักเรียนใหม่มาให้ทุกคนทำความรู้จัก
‘เพื่อนคนแรกของฉัน’ จะน่ารักขนาดไหนน้าา
“ตัวเล้กก!!!”
ลงทุนม๊าก! หมาคิวมันลงทุนคลานสี่ขามาพุ่งพรวดข้างตัวเพื่อแกล้งตะโกนให้ฉันสะดุ้ง! แล้วฉันก็ตกใจจริงๆ ด้วย กรี๊ด! แบบนี้ต้องเอาคืน
“แว๊กกก อย่าเข้ามานะไอ้ตัวกินตับ >O “ตัวเล็ก!!!”
กรี๊ดๆๆ >O “ยัยบ้า!!”
แง้! ทำไมต้องตะคอกด้วยฟะ
เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกว่าคิวเดือดสุดๆ จนฉันไม่กล้าสบตามันเลย นัยน์ตาสีน้ำตาลเป็นประกายวาวราวสิงโตเตรียมขย้ำคอยีราฟเพื่อเก็บทำต้มยำเป็นอาหารค่ำ! คริสโซก็ด้วย...ฉันไม่เคยเห็นคริสโซมองฉันด้วยสายตาตำหนิอย่างจริงจังแบบนั้นมาก่อนเลย...
ฉันถูกคิวสั่งให้ปีนกลับเข้ามาในห้องด้วยน้ำเสียงราบเรียบดุจกระจก...และทันทีที่ฉันยืนอยู่ด้านในของห้องเป็นปกติ หมอนี่ก็ละมือที่ประคองฉันไม่ยอมห่างเมื่อครู่ไปทันที ก่อนผละไปทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ดังโครม! สายตาคมมองตรงไปเพียงกระดานดำเบื้องหน้า เหมือนกำลังสะกดกลั้นความโกรธขั้นเทพ
พอหันมองคริสโซตาละห้อย ร่างสูงที่ยืนกอดอกมานานก็ถอนหายใจแรงๆ แล้วยื่นมือมาตบหัวฉันเบาๆ ด้วยสีหน้าตึงเครียดผิดปกติ
“อย่าทำแบบเมื่อกี้อีก เธอไม่รู้หรอก ว่าฉันกับไอ้คิวช็อกจนเกือบหยุดหายใจเลยนะ”
เสียงนุ่มๆ กับสัมผัสอ่อนโยนของคริสโซทำเอาฉันเกือบน้ำตาซึม
อยากบอกเหลือเกิน ว่าฉันไม่ได้ตั้งใจ...
“เฮ้ย อาจารย์มา!” สายสืบหน้าประตูห้องตะโกนออกมา ทำเอาเป้าสายตาอย่างพวกเรากับทุกคนในห้องเป็นอันต้องกลับไปนั่งประจำที่ตัวเองกันพรึบพรับ อาจารย์ศศิประภาเดินนวยนาดเข้ามาด้วยท่วงท่าราวนางพญาเหมือนทุกที ก่อนประกาศแจกเทสย่อยของคาบที่แล้วคืน ด้วยการขานชื่อทีละคน
ฉันฉวยจังหวะนั้นฉีกกระดาษออกมาเขียน ‘ขอโทษ’ ตัวโตๆ ก่อนโยนข้ามโต๊ะคริสโซไปตกปุอยู่บนโต๊ะคิวปิดอย่างแม่นยำ แต่หมอนั่นกลับหยิบก้อนกระดาษ โยนข้ามไหล่ไปตกลงในถังขยะหลังห้องแบบแม่นกว่า!
เชอะ! ไม่ยอมแพ้หรอกน่า
แต่ไม่ว่าฉันจะเขียนขอโทษๆๆ ลงในเศษกระดาษ ขว้างไปสักกี่ครั้ง คิวปิดก็ยังขยันเก็บคำขอโทษของฉันโยนไปที่ถังขยะหลังห้อง (ลงบ้าง ไม่ลงบ้าง) จนฉันโมโห โยนใส่หัวมัน! คิวปิดกลับนั่งเฉย ไม่หันมาเขม่นมองคาดโทษฉันเหมือนทุกที
โกรธอะไรขนาดนั้นกันนะ...
ไร้เหตุผลสิ้นดี!
ฉันเลิกเขียนคำขอโทษโยนให้มันทิ้งเล่น แต่หันกลับมานั่งนับหนึ่งถึงล้านในใจ ได้! ถ้าเรื่องแค่นี้มันทำให้นายโกรธจนเลิกคบฉันก็เชิญเลย เพราะตอนนี้อาจารย์เคมาเคาะประตูเรียกอาจารย์ศศิประภาแล้ว ต้องเป็นเรื่องพานักเรียนใหม่มาแนะนำแน่ คราวนี้ฉันก็จะมีเพื่อนผู้หญิงเหมือนเด็ก ม.ปลาย ปกติทั่วไป ไม่ต้องถูกไอ้หมาบ้านั่นเกาะติดจนโดนสาวๆ ในโรงเรียนมองเขม่นวันละล้านรอบ!
ฉันจะมีเพื่อนใหม่กินข้าวด้วยกัน มีเพื่อนไปเข้าห้องน้ำ มีเพื่อนไป...
“...”
ขอถอนคำพูดค่ะพี่น้อง! OoO
ฉันเพิ่งรู้ว่าเวลาสิบสามนาฬิกา สิบสามนาที สิบสามวินาที มันเป็นเวลาที่นรกชัง สวรรค์แกล้ง! มันเป็นเวลาที่ทำให้ฉันอยากแหวกพื้นคอนกรีต หนีออกนอกโลกไปซักสิบสี่ปีแสง! มันเป็นเวลาที่อาจารย์เคผู้ถูกเฝือกคอบั่นทอนความหล่อ เดินนำสาวน้อยร่างบางอ้อนแอ้น เจ้าของเรือนผมสีน้ำผึ้งยาวประบ่าสวยเฉี่ยวเข้ามาภายในห้อง
ผู้หญิงที่ทำให้ฉันอ้าปากค้าง...
ผู้หญิงที่ทำให้คิวเบิกตากว้าง...
“ลูกหมี!!”
“ยัยหัวไม้กวาดราดน้ำผึ้ง!!”
เงียบ...สงัด...
ทันทีที่คิวกับฉันชี้นิ้วไปที่หน้าห้อง และโพล่งออกไปแบบนั้นพร้อมกัน ทุกสายตาบรรจบกันมาที่เราสองคนราวนัดหมาย แม้แต่อาจารย์เคสุดหล่อ (ตอนนี้ไม่หล่อแล้ว!) ยังอ้าปากพะงาบๆ พูดไม่ออก บอกไม่เป็น หรือกระทั่งอาจารย์ศศิประภาผู้เยือกเย็น ยังหันมองพวกฉันตาค้าง
ไม่นะ... นักเรียนใหม่ที่ว่าคือยัยอกภูเขาไฟที่ตบหน้าฉันเมื่อคืนเรอะ?
งานเข้าแล้วค่ะพี่น้อง! T[]T
ฉันกำลังเป็นโรคกลัววันจันทร์ขึ้นสมอง!
เพราะอะไรน่ะเหรอ? เพราะเมื่อวันศุกร์ก่อนกลับบ้าน ตอนที่ฉันเกาะหนึบติดคริสโซยิ่งกว่าตุ๊กแกเกาะผนัง แบบ...แทบจะขี่คอหมอนั่นก็ว่าได้ T^To ยัยหัวไม้กวาดก็เดินฉับๆๆ มายัดกระดาษแผ่นเล็กใส่มือฉัน แล้วสะบัดหน้าเดินหนีไป นั่นไม่เท่าไหร่...แต่ข้อความในจดหมายนี่สิ!
‘วันจันทร์มาเจอฉันที่ห้องเรียนตอนหกโมงเช้า ถ้าเลท หรือผิดนัด เตรียมตัวตาย ไม่ก็ย้ายโรงเรียนได้เลย!!’
ปัดโธ่โว้ย! ใครก็ได้ที่เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวมาแพร่เชื้อให้ฉันทีสิ (<ข่าวว่าไม่ใช่โรคติดต่อ =_=) ณ เวลานี้โคตรอยากเป็นโรคฮิตของนางเอกเกาหลีเลยอะ T^T!