สัญญาทาส

1653 Words
กันต์ธีมองดูถ้วยเครื่องปรุงที่เรียงรายอยู่บนโต๊ะอาหารด้วยความสงสัย ต้นหอมผักชีถูกหั่นละเอียดด้วยขนาดที่ไม่เกิน 1.5 ซม. ขิงอ่อนถูกซอยเป็นเส้นฝอยละเอียดอย่างที่เขาชอบ ถัดมาเป็นถ้วยหมูบะช่อและตับหมูที่ถูกลวกจนสุกแล้ว "โจ๊กเสร็จพอดีครับ ถ้วยนี้ของเฮีย ใหม่ใส่ไข่แดงให้แล้..คะ..ครับ" วันใหม่พลั้งเผลอพูดออกมาอย่างลืมตัว เขาจึงรีบวางถ้วยโจ๊กให้กันต์ธีแล้วเดินไปหยิบด้วยโจ๊กของตัวเองมาปรุง วันใหม่ใส่พริกไทยที่เคาน์เตอร์เครื่องปรุงแล้วเก็บขวดพริกไทยไว้ที่เดิม มือบางเอื้อมไปหยิบเพียงซอสถั่วเหลืองขวดเล็กติดมือมาให้คนพี่ด้วย "ขอบใจ ดูเหมือนนายจะรู้ว่าฉันชอบกินอะไรใช่ไหม?" "เดี๋ยวใหม่ไปเอาน้ำมาให้นะครับ" วันใหม่เลี่ยงที่จะไม่ตอบคำถามแล้วเดินไปรินน้ำมาให้คนพี่พร้อมกับกาแฟดำอีก 1 แก้ว กันต์ธีมองดูแก้วกาแฟก็รู้ได้ทันทีว่าวันใหม่น่าจะรู้เรื่องราวของเขาไม่น้อย "ขอบใจ ใครสอนนายทำอาหารพวกนี้ ทำไมถึงไม่จัดเรียงทุกอย่างใส่ในถ้วยเลย" เดิมทีกันต์ธีเป็นคนกินง่ายแต่อาจจะดูเรื่องมากไปเสียหน่อยสำหรับคนที่ไม่รู้จัก แต่การกระทำของเด็กหนุ่มตรงหน้าในเช้านี้ ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะรู้จักเขาเป็นอย่างดึ "จัดแบบนี้ดีแล้วครับ เฮียอยากทานอะไรจะได้เลือกได้เต็มที่" กันต์ธีมองดูเด็กหนุ่มที่ตอบเขาสั้น ๆ แล้วก้มหน้าก้มตาปรุงถ้วยโจ๊กของตัวเอง แต่ท่านั่งที่ตะแคงข้างของคนตัวเล็กกลับทำให้คนพี่มีรอยยิ้มที่มุมปาก โดยที่อีกคนไม่รู้ตัว กันต์ธีลุกเดินไปทางโซฟาตัวใหญ่ วันใหม่รีบมองตามด้วยใจที่หวาดหวั่น ไม่รู้ว่าเขาทำอะไรให้อีกฝ่ายไม่พอใจหรือเปล่า แต่เมื่อเห็นคนพี่หยิบหมอนอิงเดินกลับมาที่โต๊ะกินข้าว ใบหน้านวลเนียนก็ร้อนผ่าวทันที "คงไม่ใช่อย่างที่เราคิดหรอกมั้ง" "บ่นอะไร ยกก้นขึ้น รีบกินข้าวแล้วรีบกินยา มันจะได้หายบวมเดี๋ยวฉันขาดทุนหมด 250 ล้านนะจำเอาไว้ ทำงานให้คุ้มด้วย" เมื่อค่อนขอดคนตัวเล็กเสร็จ กันต์ธีก็ลงมือจัดการกับอาหารตรงหน้าอย่างรวดเร็ว "นั่นปากหรือกรรไกร บ่นเป็นตาแก่ไปได้ ชิ" วันใหม่บ่นพึมพำอยู่คนเดียวแต่ไม่วายที่คนนั่งข้าง ๆ จะได้ยินอยู่ดี ทั้งคู่ใช้เวลาจัดการกับอาหารและยาตรงหน้าไม่นานก็เสร็จ กันต์ธีเรียกวันใหม่ไปนั่งคุยเรื่องข้อตกลงระหว่าง 1 ปีที่วันใหม่ต้องอยู่ใช้หนี้ "นายรู้แล้วใช่ไหมว่าต้องอยู่กับฉันจนครบ 1 ปี นายถึงจะเป็นอิสระ" "รู้ครับ" "ดี แล้วชีวิตประจำวันของนายต้องทำอะไรบ้างบอกฉันมาให้หมด" "ใหม่เรียนอยู่ปี 3 อีก 1 เดือนจะเปิดเทอมขึ้นปี 4 ครับ ช่วงนี้ใหม่รับทำงานบัญชีของผับ P ให้พอร์ชครับ ต้องเริ่มงานวันนี้วันแรก" วันใหม่ตอบออกไปตามความจริง เขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าเวลาไหนบ้างที่ต้องทำงานให้กันต์ธี "ทำไมต้องทำงาน? นายไม่มีเงินเหรอ!" คิ้วเข้มของคนพี่ขมวดเข้าเป็นปมด้วยความสงสัย เท่าที่เขาเคยได้ยินน้ำเพชรเล่าให้ฟังเหมือนว่าเด็กคนนี้จะได้เงินค่าใช้จ่ายจากครอบครัวของเธอเดือนละหลายหมื่นบาท "เดิมทีใหม่ได้เงินจากคุณท่านเดือนละ 4,000 บาทครับ ค่าใช้จ่ายนอกเหนือจากนั้นต้องจัดการด้วยตัวเอง หลังจากที่ออกจากบ้านติณณภพมาเมื่อวาน ใหม่ไม่มีสิทธิ์กลับไปที่บ้านหลังนั้นอีก จากนี้ใหม่ต้องทำงานเพื่อหาเงินดูแลตัวเอง" "4,000! นายอย่ามาพูดเหมือนหนังตลกหน่อยเลย ฉันได้ยินมาว่านายได้เดือนละหลายหมื่นไม่ใช่หรอ" "คุณท่านจะโอนเข้าบัญชีใหม่ทุก ๆ สิ้นเดือน แต่ถ้าเฮียไม่เชื่อก็ช่างมันเถอะครับ ว่าแต่ระยะเวลา 1 ปีนี้ใหม่ต้องทำอะไรบ้างครับ" วันใหม่รีบเปลี่ยนเรื่องไปพูดถึงเรื่องงานของเขาทันที เท่าที่พูดมาก็มากเกินพอแล้วหากอีกฝ่ายไม่คิดจะเชื่อพูดไปก็ไร้ประโยชน์ "นายคงไม่ได้พูดแบบนี้เพราะต้องการเงินจากฉันใช่ไหม คิดว่าฉันจะหลงเชื่อลูกไม้ตื้น ๆ แบบนี้หรอ" "ไม่เคยคิดครับ การที่ใหม่ต้องมานั่งอยู่ตรงนี้ใหม่ก็ไม่เคยคิดเหมือนกัน" "หึ ปากดีเหมือนกันหนิ! หาเงินใช้เองก็ดีแล้วหนี้จะได้ไม่เพิ่มขึ้น" "ครับ" กันต์ธีขบกรามแน่นเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมออดอ้อนเหมือนอย่างที่คนอื่น ๆ เคยปฏิบัติกับเขา ดูท่าคนตัวเล็กจะมีความทะนงตัวอยู่ไม่น้อย "งานหลัก ๆ ที่นายต้องทำ คือไปหาฉันที่ KM ทุกวัน เวลาทำงานของนายคือ 19.00-23.00 แต่มีข้อแม้อยู่ว่าในเวลา 4 ชม.นี้ นายต้องทำให้ฉันปลดปล่อยจนเสร็จถึงจะกลับได้ หรือหากเวลาไหนที่ฉันต้องการนาย นายต้องพร้อมบริการฉันทันที" "ครับ" "หึ เข้าใจง่ายดีหนิ นี่เป็นเอกสารสัญญาที่นายต้องเซ็น อ่านและทำความเข้าใจให้หมดทุกข้อ" วันใหม่ยื่นมือออกไปรับกระดาษที่กันต์ธียื่นมาให้ คนตัวเล็กไล่อ่านทุกตัวอักษรอย่างละเอียด ในสัญญาระบุเอาไว้ว่า 1. วันใหม่ ติณณภพ ต้องอยู่ในฐานะลูกหนี้โดยไม่ได้รับเงินเดือน (เพราะมาอยู่เพื่อชดใช้หนี้สินจำนวน 250 ล้านบาท) 2. ตลอดเวลา 1 ปี ห้ามยุ่งเกี่ยวหรือมีความสัมพันกับคนอื่นเด็ดขาด 3. เจ้าหนี้ออกคำสั่งอะไรลูกหนี้ต้องยินยอมทุกอย่าง (ทุกที่ทุกเวลา) 4. เจ้าหนี้มีสิทธิ์ในตัวของลูกหนี้ 100% แต่ลูกหนี้ไม่สามารถเรียกร้องอะไรจากเจ้าหนี้ได้แม้แต่อย่างเดียว 5. หากมีบุคคลที่ 3 ถามถึงสถานะความสัมพันของทั้งคู่ ลูกหนี้สามารถเลือกตอบได้เพียง 2 อย่างเท่านั้น (1.ลูกหนี้ 2.เด็กเลี้ยง) 6. ลูกหนี้ห้ามก้าวก่ายหรือวุ่นวายกับชีวิตของเจ้าหนี้ ห้ามมีความรู้สึกรักใคร่ ห้ามเรียกร้องหรือแสดงความเป็นเจ้าของอีกฝ่าย * หากลูกหนี้ผิดสัญญาต้องชดใช้ค่าเสียหายเป็นมูลค่า 2 เท่าของหนี้สิน * หากทุกอย่างเป็นไปตามสัญญา ลูกหนี้จะได้รับอิสระเมื่อครบระยะเวลา 1 ปี หลังจากวันทำสัญญา * เมื่อครบ 1 ปี สัญญาฉบับนี้จะกลายเป็นโมฆะ หรือจนกว่าเจ้าหนี้จะเป็นฝ่ายยกเลิกสัญญาเองลูกหนี้ถึงจะเป็นอิสระได้ก่อนระยะเวลา 1 ปี 7. สรรพนามที่ลูกหนี้สามารถเรียกเจ้าหนี้ได้คือคำว่า "คุณ" เท่านั้น ห้ามใช้คำเรียกอื่นที่เจ้าหนี้ไม่อนุญาตเด็ดขาด วันใหม่ไล่อ่านทุกตัวอักษรที่ปรากฏอยู่บนกระดาษทั้ง 2 แผ่น ก่อนจะบ่นอุบอิบออกมาหลังจากที่ได้อ่านเนื้อหาทั้งหมดแล้ว "สัญญาทาสชัด ๆ " มือเรียวหยิบปากกาที่วางอยู่บนโต๊ะตรงหน้ามาเซ็นชื่อลงไปในกระดาษทั้งสองแผ่นแล้วส่งคืนให้อีกฝ่ายทันที "นายเก็บไว้แผ่นนึง มีอีกเรื่องที่ไม่ได้ระบุในสัญญา" กันต์ธีเอ่ยขึ้นในขณะที่รับเอกสารจากคนตัวเล็กตรงหน้า "นายไม่มีสิทธิ์ขึ้นไปบนเพนเฮ้าส์ของฉัน ที่นั่นเป็นที่ของน้ำเพชร ฉันไม่ชอบให้ใครเข้าไปวุ่นวาย" "ครับ แต่บางวันผมอาจจะมีเรียนถึงค่ำ แล้วผมจะโทรแจ้งผ่านเลขาของคุณ" "โทรหาคนอื่นทำไม! นายไม่เข้าใจสัญญาข้อที่ 2 ใช่ไหม ต่อไปให้ติดต่อฉันโดยตรง เอามือถือของนายมา" กันต์ธีตอบกลับด้วยน้ำเสียงคุกรุ่นปนแข็งกระด้าง เป็นน้ำเสียงที่บ่งบอกได้ชัดเจนว่าไม่อยากให้คนตัวเล็กติดต่อกับคนอื่นนอกจากตัวเอง แม้จะเป็นลูกน้องของตัวเองก็ตาม "นี่ครับ" วันใหม่ยื่นมือถือเครื่องเก่าให้คนพี่ที่นั่งอยู่ตรงข้าม ยังไม่ทันที่กันต์ธีจะรับโทรศัพท์ไปถือ เขาก็ต้องเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อสายตาว่าจะมีคนใช้มือถือรุ่นนี้อยู่ "นายแน่ใจหรอว่ามันใช้ได้! เก่าขนาดนี้ยังมีคนใช้อยู่อีกเหรอ?" "ใช้ได้ครับ นี่เป็นคิวอาร์โค้ดไลน์ของผม" วันใหม่เห็นกันต์ธีไม่ยอมรับโทรศัพท์ของเขาไปดู เด็กหนุ่มจึงถือโอกาสเปิดคิวอาร์โค้ดให้อย่างเสร็จสรรพ ติ๊ด กันต์ธีหยิบมือถือของตัวเองมาสแกนแอดไลน์ของวันใหม่อย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งลองหยั่งเชิงถามอีกฝ่ายดู "ทำไมไม่ซื้อเครื่องใหม่" "เครื่องนี้ยังใช้ได้ครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวออกไปทำงานก่อนนะครับ แล้วช่วงเย็นผมจะไปหาที่ตึก KM ตามเวลาที่กำหนด" "อืม" กันต์ธีตอบกลับคนตัวเล็กไม่ค่อยเต็มเสียงสักเท่าไหร่ ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกจากห้องไป ปึก เมื่อวันใหม่ได้ยินเสียงปิดประตูเป็นที่แน่ใจแล้วว่าคนพี่ได้ออกจากห้องของเขาไปแล้ว เด็กหนุ่มถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยล้า ก่อนจะรีบไปหายาลดไข้มากิน "เห้ออ อดทนไว้ไอ้ใหม่ แกทนมานานแล้ว แค่ 1 ปี มันแค่แป้บเดียว" พอจัดการกับตัวเองเสร็จวันใหม่ดูนาฬิกาเป็นเวลา 9.30 น. ชายหนุ่มสะพายกระเป๋าเป้ใบเก่าแล้วเดินออกจากห้องไปยังสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน เพื่อมุ่งหน้าไปยังสถานีสุดท้ายที่อยู่ชานเมือง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD