"มานั่งเร็วๆลูกวันนี้ปิงเอ๋อร์ทำอาหารหลายอย่างเลยแม่จะไปช่วยก็ไม่ยอม แต่ชวนแม่ปักผ้าซะงั้นมีลายผ้าให้แม่ปักใหม่ๆอีกและสวยมากด้วย เดี๋ยวกินอิ่มแล้วแม่จะเอาให้ดู" ป้าเสิ่นหนานบอกกับสองหนุ่มมู่หยางมองหน้าน้องสาวเธอจึงพยักหน้าให้พี่ชายเป็นอันเข้าใจกัน
ส่วนเสิ่นเฉินซานนั้นทั้งกินทั้งยิ้มเพราะกับข้าวที่ภรรยาตัวน้อยทำนั้นมันอร่อยมาก เขาเพิ่มข้าวไปสองจานจนแม่ของเขามองหน้าลูกชายของตัวเองว่ากินเยอะมากกว่าทุกวัน
"คงจะชอบรสมือของปิงเอ๋อร์ละซิ" แม่เสิ่นเอ่ยแซวลูกชายซึ่งเขาก็ตอบรับทันที
"อร่อยมากครับแม่"
อาหารอร่อยไม่พอได้ยินว่ามู่ฟ่านปิงยอมเป็นลูกสาวของแม่อีกคนเขายิ่งดีใจทั้งกินทั้งยิ้มเหมือนคนโง่งม ฟ่านปิงมองทีไรก็ยิ่งขัดใจกับสายตาที่มองมาที่เธอหวานเยิ้มนี้มันอะไรมองแล้วขัดลูกกะตาจริงๆ
หลังจากอิ่มข้าวก็มีแตงโมเย็นๆให้ล้างปากอีกทุกคนนั่งเล่นกันที่หลังบ้านที่มีต้นลูกพับให้ร่มเงาและอากาศไม่ร้อนมากมีแคร่ให้นั่งและเก้าอี้อีกหลายตัวให้นั่งเล่น
ตอนนี้ชายหนุ่มกำลังทึ้งกับแบบวาดลายผ้าของแม่ที่ปักตามแบบที่มู่ฟ่านปิงวาดให้ มันสวยงามและดูมีชีวิตราวกับมันยิ้มได้ เขามองหน้าของคนตัวเล็กที่นั่งเล่นอยู่กับพี่ชายของตัวเองและเอาแบบวาดให้พี่ชายของเธอดู บอกว่าจะเอาเข้าไปในอำเภอเพื่อจะขายให้กับร้านเครื่องประดับนี้เธอมีความสามารถซ่อนอยู่ในหัวมากมายขนาดไหนกันนี้
ได้แต่มองและยิ้มให้คิดถึงตอนเข้าไปช่วยล้างจานในครัวช่วยคนตัวเล็กทำให้เสิ่นเฉินซานยิ้มด้วยความสุขถึงแม้ว่าเธอจะยังโกรธในตัวของเขาแต่ก็ปฎิบัติกับแม่ของเขาดีมากและยังเรียกคุณแม่อีกด้วยจะไม่ให้ชายหนุ่มดีใจได้อย่างไรละ เขาหาทางพูดกับภรรยาแต่เธอก็ถามคำตอบคำแต่เขายังพยายามร้องขอเข้าไปในอำเภอกับเธอและแม่ด้วย ถึงเธอไม่ตอบรับแต่เขาถือว่าได้ขอเธอแล้ว ทั้งยังบอกฟ่านปิงอีก
"พี่จะรอจนกว่าน้องจะหายโกรธพี่นะ ถึงน้องไม่อยากพูดคุยกับพี่แต่อย่าขับไล่พี่เลยนะ พี่ขอมาช่วยพี่ชายของน้องทำสวนด้วยและจะช่วยทำนาเพราะพี่ลาออกจากทหารมาแล้วเพราะอยากมาดูแลแม่ตอนนี้ท่านแก่และไม่แข็งแรงเหมือนก่อนแล้ว พี่จะพาแม่มาที่บ้านของน้องทุกวันเพื่อมาปักผ้าด้วยกัน อยู่ที่บ้านท่านก็ปักคนเดียวพี่เห็นเวลาที่แม่คุยกับน้องแล้วแม่พี่ยิ้มและมีความสุขมากและกินข้าวได้ตั้งเยอะคงจะชอบกับข้าวฝีมือน้องเหมือนกันกับพี่แล้วละปิงเอ๋อร์"
เสิ่นเฉินซานพูดกับมู่ฟ่านปิงที่ล้างถ้วยอยู่และเขาก็ช่วยเธอทุกอย่างถึงแม้เธอจะไล่เขาก็ไม่หนีและยังบอกให้เธอตบตีได้อีก
"ตีพี่ได้เลยถ้ามันจะทำให้น้องหายโกรธพี่ลงมาบ้าง พี่รู้ว่าพี่ผิดเพราะปากพล่อยที่ว่าให้น้องแต่มันเอาคืนกลับมาไม่ได้นอกจากคำว่าขอโทษจากปากคนเลวอย่างพี่ที่พูดให้น้องเกลียดพี่ พี่เสียใจมากที่พูดคำแย่ๆออกไปพี่ขอโทษ" คำว่าขอโทษจากใจของเสิ่นเฉินซานถึงกับคุกเข่าลงขอโทษมู่ฟ่านปิงที่ในห้องครัว มู่ฟ่านปิงตกใจบอกไม่ต้องมาคุกเข่าให้เธอ
"ถ้าจะให้เชื่อว่าจริงใจก็ต้องทำให้เห็นแค่บอกแต่ปากใครก็พูดได้เพราะตอนนี้ลายของคนที่ซ่อนอยู่คงออกมายังไม่หมด ถ้าทำได้เธอก็อาจจะให้โอกาสสักครั้งแต่คงไม่ใช่ตอนนี้อย่างแน่นอน" ตอบแล้วเธอก็เดินออกมาจากในครัวเลยซึ่งเสิ่นเฉินซานก็เข้าใจเธอ
"แค่นี้พี่ก็ดีใจมากแล้วครับพี่รอได้" ชายหนุ่มก็เดินตามภรรยาออกมาข้างนอกทันที
หลังที่นั่งพักไปจนถึงตอนบ่ายพี่ชายของฟ่านปิงจึงพาน้องเขยจำเป็นไปตัดหญ้าต่อ ฟ่านปิงเอาน้ำเย็นใส่กระติกให้พี่ชายไปจนเต็มและกลับมานั่งปักผ้าต่อกับแม่เสิ่นหนานต่อทั้งสองพูดคุยปรึกษาลายผ้ากันไปด้วยความสนุก แม่เสิ่นบอกว่าแม่จะเป็นคนมาที่บ้าเขาเอง
"หนูไม่ต้องไปที่บ้านของแม่ก็ได้เอาไว้แต่งให้พี่เขาแล้วค่อยไปที่บ้านแม่นะปิงเอ๋อร์"
"ค่ะคุณแม่" ฟ่านปิงตอบสร้างรอยยิ้มให้กับนางเสิ่นหนานยิ่งนักต้องบอกกลูกชายให้ค่อยๆเข้าหาฟ่านปิงและพูดจาให้ดีกว่านี้ ดูไปแล้วฟ่านปิงไม่ชอบคนบังคับสาวน้อยมีความคิดเป็นผู้ใหญ่มากเพราะว่าไม่ค่อยได้เห็นเด็กสาวบ่อยมากถึงจะอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันแต่ส่วนใหญ่ตัวเธอเองจะปักผ้าอยู่ที่บ้านมากกว่าเพราะไม่ได้ออกไปทำนาเหมือนบ้านอื่นเพราะลูกชายไม่ให้ทำตั้งแต่ที่ไปเป็นทหารเมื่อหลายปีก่อน
จนถึงยามเย็นทั้งสองคนก็ปักผ้าได้กันคนละครึ่งผืนแต่ยังไม่เสร็จดียังต้องเก็บลายละเอียดอีกคิดว่าอีกสองวันนี้ก็คงจะเสร็จสมบูรณ์
มู่ฟ่านปิงจึงบอกแม่เสิ่นว่าวันนี้จะทำกับข้าวให้ไปกินที่บ้านเลยเพราะกว่าจะกลับคงจะมืดค่ำแล้ว
"เดี๋ยวหนูจะทำข้าวต้มหมูง่ายๆไปกินกับผัดผักกลับไปจะได้กินเลย" พูดจบเธอก็เดินเข้าครัวไปทำอาหารเย็นนางเสิ่นหนานได้แต่ส่ายหัวให้กับความน่ารักของฟ่านปิง
พอถึงเวลาเลิกงานพี่ชายก็พาว่าที่น้องเขยจำเป็นเลิกงาน ซึ่งมู่ฟ่านปิงก็ตักข้าวต้มหมูใส่หม้อเล็กกับผัดผักใส่กล่องอาหารของยุคนี้ซึ่งก็ถือว่าทันสมัยมากแล้วเพราะเข้ายุคเก้าสิบแล้วประเทศเปิดกว้างมาหลายปีและไม่หนักเท่ายุคเจ็ดศูนย์ถือว่าพีระดาย้อนมาตอนที่ประเทศปลดล๊อคหลายๆอย่าง
หลังจากส่งแม่ลูกตระกูลเสิ่นกลับไปแล้วสองพี่น้องก็กินข้าวเย็นกันในมิติและนอนในนั้นทั้งคืน ฟ่านปิงบอกให้พี่ชายหาลูกสุนักมาให้เลี้ยงสักสองตัวเอาไว้เฝ้าบ้านเวลาคนไม่อยู่ หมานี้ละจะส่งเสียงทักทายให้ผู้บุกรุก ซึ่งพี่ชายก็รับปากว่าจะไปหาในหมู่บ้านมาให้น้องสาว
ในเวลาสามวันก่อนที่จะไปบ้านของหัวหน้าหมู่บ้านเพื่อรับเงินค่าเสียหายจากสองครอบครัวคู่หมั้นเก่า ได้ข่าวว่าเสี่ยวชิงชิงไม่กล้าเดินออกจากบ้านเลยรวมทั้งอี้เหิงด้วยเพราะพี่ชายเข้าไปหาขอลูกหมามาให้ฟ่านปิงเลี้ยงมีแต่คนบอกเล่าเรื่องของสองครอบครัวให้ฟังพี่ชายก็มาเล่าให้น้องสาวฟังอีกทอดหนึ่งและฟ่านปิงก็ตอบไปแบบสะใจ
"สมน้ำหน้ากรรมตามสนองมันสองคนที่ร่วมกันใส่ร้ายน้องสาวของพี่ยังไงละคะพี่ชาย" เธอหัวเราะด้วยความสะใจ ในเมื่อเป็นคนดีแล้วโดนรังแกก็จะเป็นนางร้ายผู้พลิกชะตาของตัวเองให้พวกนางเอกมันกระอักเลือดตายไปเลยหึๆฟ่านปิงยืนกอดอกหัวเราะที่พี่ชายเล่าจบ
"พรุ่งนี้แล้วนะที่เราจะไปบ้านของหัวหน้าหมู่บ้านเพื่อจะไปรับค่าปรับน้องจะไปกับพี่ด้วยไหม" มู่หยางถามน้องสาวเพราะเป็นห่วงกลัวว่าฟ่านปิงจะอายกับเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่
"ไปสิคะพี่ใหญ่ไม่เห็นจะอายตรงไหนมีแต่สองบ้านนั้นละที่ต้องอายพวกเราพี่ว่าจริงไหมคะ" เธอตอบแล้วหัวเราะเบาๆกับความรักที่พี่ชายมีให้และกลัวว่าน้องสาวจะอายชาวบ้านเพราะว่าฟ่านปิงได้เสิ่นเฉินซานเป็นสามีด้วยในสองวันก่อน