เตวิชเพิ่งรู้ตัวว่าโทรศัพท์เครื่องสำรองหาย ก็เมื่อเวลาผ่านไปแล้วหลายวัน ทีแรกเขาคิดว่าจะปล่อยไป เดี๋ยวค่อยซื้อใหม่เอาก็ได้ แต่เมื่อคิดได้ว่าในโทรศัพท์เครื่องนั้นมีไฟล์ลับโครงการใหม่ของบริษัทเก็บไว้ ชายหนุ่มก็เริ่มร้อนใจ กลัวว่าความลับจะตกอยู่ในมือบริษัทคู่แข่งเพราะความสะเพร่าของเขาเอง!
แม้จะพยายามโทรติดต่อ แต่ก็ดูเหมือนว่าโทรศัพท์จะถูกปิดเครื่อง หรือแบตเตอรี่หมดไปแล้ว ชายหนุ่มจึงเปิดแอปตามหาโทรศัพท์จากมือถือเครื่องหลัก ก่อนจะพบว่าพิกัดสุดท้ายของโทรศัพท์อยู่ในชุมชนไม่ไกลจากบ้านเขา
“คุณเตคะ ได้ยินที่คุณหิรัญถามมั้ยคะ”
เสียงกระซิบของเลขาทำให้เตวิชหลุดจากภวังค์ ชายหนุ่มเก็บโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋า ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของสัญญาแฟรนไชส์หลักที่นัดกันมาตกลงราคาคืนนี้
“ขอโทษครับ คุณหิรัญว่ายังไงนะครับ”
“หนึ่งร้อยห้าล้านโอเคมั้ยครับ”
เตวิชรับฟังด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะรินเหล้าลงในแก้วสองใบแล้วส่งแก้วหนึ่งใบให้หิรัญ
“เรามาดื่มไปด้วยคุยกันไปด้วยดีกว่าครับ”
หิรัญเป็นชายรุ่นพ่อที่เขี้ยวลากดิน เตวิชรู้ดี การเจรจาขอซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัทลูกหนึ่งในหลายบริษัทของหิรัญไม่ใช่เรื่องง่าย เตวิชใช้เวลาอยู่เกือบปีในการยื่นข้อเสนอน่าสนใจ จนตอนนี้หิรัญยอมขายหุ้นให้เขาแล้ว
แต่ไม่ใช่แค่หิรัญที่รวย เตวิชเองก็เกิดมาในตระกูลที่มั่งคั่งและเขาช่วยพ่อบริหารกิจการมาแล้วหลายปี ธุรกิจหลักๆ ที่ชายหนุ่มบริหารควบคู่กับบิดาคือธุรกิจรีสอร์ตและโรงแรมหกดาว และตอนนี้เขาอยากได้ ‘ไซรัน’ ธุรกิจขนมหวานแบรนด์ดังของต่างประเทศมาต่อยอดธุรกิจหลัก ซึ่งตอนนี้ไซรันอยู่ในมือของหิรัญ
แต่ราคาที่หิรัญเสนอมายังแพงเกินไป
หิรัญยิ้มอย่างรู้ทันว่าอีกฝ่ายยังเล่นแง่อยู่ แต่ก็ยอมรับแก้วเตกีลาไปจิบ แก้วแล้วแก้วเล่าพร้อมการเจรจาธุรกิจที่เริ่มเปลี่ยนไปเป็นคุยเรื่องความชอบ ครอบครัว แกล้มน้ำเมาย้อมใจไปทีละน้อย
“ผมนะอยากมีลูกมาก คุณรู้มั้ย” หิรัญเริ่มเมาก็เหมือนจะคุยเก่งขึ้น “แต่อีแก่ของผมก็ไม่ท้องซะที จนอยู่มากันแก่ป่านนี้ พอผมเร้าหรือก็จะให้ไปหาหมออยู่ได้ โธ่! ลูกผู้ชายอย่างเรา เรื่องบนเตียงไม่เห็นจำเป็นต้องหาหมอเลย คุณว่ามั้ย”
ควรไปหาหมอครับ... คือคำตอบของเตวิช ทว่าชายหนุ่มกลับตอบหิรัญไม่ตรงใจตัวเอง แต่ตรงใจหิรัญแน่นอน
“ใช่ครับ”
เตวิชเหลือบมองขวดเหล้า นี่พร่องไปขวดที่สองแล้ว หิรัญยังนั่งตัวตรงได้ ถือว่าคอแข็งไม่เบา เตวิชเองก็เริ่มหน้าแดงแล้วเหมือนกัน
“ผมมีเมียน้อยกี่คนๆ ก็ไม่ได้เรื่องสักคน! ไม่ท้องสักคน! จนคนล่าสุด นี่ๆ คุณดู” หิรัญเปิดรูปในโทรศัพท์มือถือยื่นมาให้ “ลูกสาวผม ครบหนึ่งขวบเมื่อวาน กำลังน่ารัก”
เตวิชมองภาพหญิงวัยราวสี่สิบปีอุ้มเด็กทารกในอ้อมแขนด้วยรอยยิ้ม
“เนี่ยเมียน้อยคนล่าสุดของผมชื่อวารี คนนี้อายุเยอะหน่อย แต่ลีลาบนเตียงนะอย่างงี้!” หิรัญยกนิ้วโป้ง “แถมยังได้ปุ๊บติดปั๊บ นี่ผมกำลังวางแผนจะมีเพิ่ม อยากได้ลูกชายสักคน”
ผมว่าคุณเป็นหมัน และกำลังโดนผู้หญิงคนนี้สวมเขา... คือสิ่งที่เตวิชคิดในใจ แต่เขากลับส่งโทรศัพท์มือถือให้หิรัญ และเอ่ยชมหน้านิ่ง
“น่ารักดีนะครับ”
“ฮ่าๆ” จู่ๆ หิรัญก็หัวเราะออกมาเสียงดัง ก่อนจะใช้มือที่ถือแก้วเหล้าชี้นิ้วมาที่เตวิช ส่วนอีกมือ เขากำลังโอบและบีบเคล้นทรวงอกของเด็กวีไอพีที่มานั่งบริการ ซึ่งมีสาวสวยนั่งประกบเขาถึงสามคน
และใช่ เตวิชเรียกมาเองนั่นแหละ
“คุณนี่เหมือนในข่าวลือเลย ไม่เคยยิ้ม!” หิรัญกระดกเหล้าจนหมดแก้ว “คุณไหวที่เท่าไหร่”
“เก้าสิบล้านครับ” เตวิชตอบทันใด
“หนึ่งร้อยสี่ล้าน ไม่ลดแล้ว”
“หนึ่งร้อยล้านแล้วกันครับ เลขหนึ่งเท่าอายุของลูกสาวของคุณหิรัญ ศูนย์สองตัวเหมือนแก้มของน้อง กลมๆ เหมือนซาลาเปา น่ารักครับ”
“ปากหวาน” หิรัญเขย่านิ้วชี้เตวิชด้วยสีหน้าขบขัน “เออ เอา! คุณให้เลขาของคุณส่งสัญญามาให้ผมดูเร็วที่สุดเมื่อไหร่”
“เดี๋ยวนี้ครับ”
เตวิชหันไปพยักหน้าให้เลขาไม่นาน หญิงสาวก็เงยหน้าขึ้นรายงานด้วยรอยยิ้ม
“ดิฉันส่งร่างสัญญาไปแล้วค่ะคุณหนก”
“ครับ” กนก เลขาของหิรัญเปิดดูอีเมลทันที “ได้รับแล้วครับ”
“เอ้า ชน”
หิรัญไม่สนใจอะไรอีกแล้วนอกจากสุราและนารีอย่างที่เตวิชพอจะรู้จากที่ให้เลขาไปหาข้อมูลของหิรัญมาให้ ชายหนุ่มยังคงนั่งดื่มเป็นเพื่อนหิรัญแก้วแล้วแก้วเล่า ถือว่าฉลองที่เราได้ราคามาดี
ถูกกว่าที่เตวิชตั้งธงไว้ในใจตั้งล้านนึง
ชายหนุ่มแนบขอบแก้วเหล้ากับริมฝีปาก ดวงตาเป็นประกายระยับ และรู้ดีว่าเสือเฒ่าแบบหิรัญเองก็ยอมเสียน้อยเพื่อจะได้มากในคราวหน้าเหมือนกัน เพราะการดีลกันครั้งนี้ ย่อมไม่ใช่ครั้งสุดท้ายแน่นอน...
กว่าจะร่ำลาหิรัญกลับบ้าน ก็ตอนที่เตวิชรู้สึกหน้าร้อนผะผ่าว เลือดในกายระอุไปด้วยแอลกอฮอล์เข้มข้นจนทำให้เขาอยากกลับบ้านไปนอน
แต่เพราะยังไม่ลืมว่าต้องตามหาโทรศัพท์ ชายหนุ่มจึงวานให้เลขาขับรถของเขากลับที่พักของเธอไปด้วย แล้วพรุ่งนี้ค่อยขับมาคืนที่บริษัท ส่วนตัวเขากดเรียกแท็กซี่จากแอปพลิเคชัน แล้วเดินทางสู่ที่หมายสุดท้ายที่จับสัญญาณโทรศัพท์เครื่องสำรองได้ทันที
เพล้ง!
คือเสียงแรกที่ได้ยินหลังก้าวลงจากแท็กซี่ เตวิชมองบ้านเดี่ยวชั้นเดียวหลังเล็กที่ปิดไฟมืดแล้ว แต่มีผู้ชายท่าทางนักเลงหลายคนเดินวนอยู่หน้าบ้าน เสียงเมื่อกี้คือมีคนหนึ่งใช้ก้อนหินขว้างหน้าต่างจนแตก
“อย่าทำเสียงดังสิวะ ไอ้xหี้ย! เดี๋ยวพ่อมึงก็แห่กันมาหรอก บ้านติดๆ กันแบบนี้ หลังอื่นจะแจ้งความเอานะโว้ย เดี๋ยวก็อดแดกเนื้ออ่อนๆ กันพอดี!”
เตวิชขมวดคิ้วกับสิ่งที่ได้ยิน เขาเมาจนแทบจะทรงตัวไม่อยู่ และคนพวกนั้นหันมาเห็นเขาแล้ว เพราะหันมามองรถแท็กซี่ที่เพิ่งแล่นออกไป
“...” / “...”
ชายฉกรรจ์ร่างใหญ่ห้าคนท่าทางนักเลง กับชายหนุ่มนักธุรกิจสวมสูท มองสบตากันอยู่ครู่ใหญ่ และแล้วทางฝั่งพวกทวงหนี้นอกกฎหมายก็เป็นฝ่ายยิ้มให้เตวิชอย่างนอบน้อม
“สวัสดีครับเสี่ย มาทวงเงินบ้านนี้เหมือนกันเหรอครับ” หัวหน้านักเลงเดินมาไหว้เตวิช กับคนมีเงิน เขาพร้อมมือไม้อ่อนเสมออยู่แล้ว “ไม่เคยเห็นหน้าเลย ปกติส่งคนอื่นมาทวงเหรอครับเสี่ย”
เตวิชไม่ตอบ เขามองเข้าไปในตัวบ้าน เห็นผ้าม่านไหวๆ เหมือนว่ามีใครสักคนกำลังแอบมองอยู่ ชายหนุ่มประมวลผลเรื่องราวในหัวแบบไม่ค่อยเต็มร้อยเท่าไหร่นัก แล้วลงความเห็นว่า
อ้อ! คนเป็นหนี้ ขโมยโทรศัพท์เขามาล้างหนี้สินะ
“ถอยไป”
นักเลงถึงกับผงะ เมื่อเตวิชสั่งเสียงเรียบ สีหน้าดุดัน ถึงแม้นักเลงจะคิดว่าห้ารุมหนึ่ง แถมทางฝั่งตัวเองก็ถนัดเรื่องการใช้กำลังมากกว่าพวกคนรวยอยู่แล้ว ถ้าเกิดการตะลุมบอนขึ้นมายังไงก็ชนะ