ในเวลาต่อมา
หญิงสาวทั้งสามคนรอจนใกล้เวลาเที่ยงก็พากันมาที่ต้นยางสูงใหญ่ แผ่กิ่งก้านร่มครึ้มปกคลุมไปทั่วอาณาบริเวณที่เงาของมันตกทอดลงมาทาบทับ
ตรงนี้คือพิกัดที่หญิงสาวทั้งสามศึกษาหาข้อมูลมาว่าเป็นทางลัดและเป็น ‘ทางลับ’ ซึ่งจะนำไปสู่ถ้ำที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าลึก
“ไปกันเถอะ… ”
ดาวบอกกับเพื่อนๆ…
จากนั้นก็พากันมายืนล้อมต้นยางยักษ์ขนาดสามคนโอบ
ทุกคนจับมือต่อๆ กับจนครบสามคนโอบรอบลำต้นมหึมาของต้นยางได้พอดี
“ได้เวลาแล้ว… ”
ดาวกล่าวให้สัญญาณเพื่อนๆ หลังจากจ้องมองนาฬิกาที่หลังข้อมือของตัวเอง
ตามตำราบอกว่าช่วงเที่ยงวันและเที่ยงคืนของทุกวันนั้นคือ ‘รอยต่อ’ ของกาลเวลาและเป็นรอยต่อของมิติคู่ขนาน
คือช่วงเวลาที่ต่างภพต่างชาติอาจจะหมุนเวียนมาบรรจบกันในเสี้ยวเซปโตวินาที ซึ่งก็คือหน่วยจับเวลาที่เล็กที่สุด คือการเอาเวลา 1 วินาทีมาแบ่งแยกย่อยออกเป็นพันล้านส่วน แล้วนำ 1 ในพันล้านส่วนนั้นมาแบ่งออกเป็น 1 ล้านล้านส่วนอีกครั้ง
“โอเค… เริ่มได้… ”
ดาวกล่าวให้สัญญาณ…
เมื่อเข็มสั้นและเข็มยาวของนาฬิกาหมุนเวียนมาทาบทับกันที่เลขสิบสอง
จากนั้นเสียงสวดประสานก็ดังขึ้นท่ามกลางผืนป่าอันเงียบสงัด มีเพียงเสียงจักจั่นร้องคลอไปกับเสียงสวดพึมพำ
ตามข้อมูลที่ได้มาว่า ‘บทสวด’ นี้จะนำพาทุกคนเข้าไปสู่ผืนป่าลึกลับที่ต้องการเดินทางเข้าไปพิสูจน์
“ติยา… ชาตา… กาละ… ผัสสะ… ทิวาระ… ตีรกาล… อนันตะเวลา… ขอกาลเวลาจงมาบรรจบกัน ณ… ที่แห่งนี้… ”
นี่คือประโยคที่ตำราเร้นลับเล่มหนึ่งกล่าวเอาไว้ถึงการเดินทางเข้าไปยังดินแดนอันลี้ลับแห่งนี้
เมื่อสิ้นเสียงสวดประสานเป็นภาษาประหลาดครบสามจบ
จู่ๆ ก็มีกระแสลมพัดพรูพุ่งเข้ามาวูบหนึ่ง หอบเอาใบไม้แห้งที่ร่วงทับถมอยู่ใต้โคนต้นยางปลิวคว้างขึ้นเป็นเกลียวเหมือนพายุทอนาโดขนาดเล็ก
จากนั้นหญิงสาวทั้งสามที่กำลังจับมือกันล้อมอยู่รอบต้นยางก็รู้สึกได้ว่าปลายเท้าของพวกหล่อนค่อยๆ ลอยขึ้นจากพื้น
แล้วร่างก็หมุนติ้วรวมไปกับใบไม้พัดวนรอบโคนลำต้นแรงขึ้นแล้วถูกดูดกลืนเข้ามาพร้อมกับประกายแสงสีทองสว่างวาบออกมาจากต้นยางยักษ์
ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วมาก…
มันคือความจริงที่คล้ายกับความฝัน หญิงสาวทั้งสามไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
รู้แต่เพียงว่ากำลังถูกดูดเข้ามาในท่อสีดำขนาดใหญ่ ร่างเหมือนโดนเหวี่ยงด้วยแรงมหาศาล
เป็นความรู้สึกอึดอัดทรมานช่วงสั้นๆ ภายในหูได้ยินแต่เสียงลมอื้ออึงและเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจก่อนที่ร่างจะกระเด็นออกมาอีกฟากฝั่งของต้นไม้
“ว้ายยยย… ”
ดาวส่งเสียงร้องด้วยความตกใจ…
ครั้นเมื่อแลไปรอบๆ ตัวก็เห็นเพื่อนๆ ที่เพิ่งหลุดออกมาจากต้นไม้ที่ดูดร่างเข้าไปเมื่อครู่ พากันกระเด็นออกมากองรวมกัน
“ไม่มีใครเป็นอะไรใช่ไหมพวกเราปลอดภัยนะ”
แก้วที่กำลังลุกขึ้นมาในสภาพกำลังวิงเวียนจนแทบจะอาเจียนกล่าวเสียงสั่นเครือ
“นี่พวกเราอยู่ที่ไหน… ”
ดาวเอามือขยี้ตาตัวเอง…
รู้สึกประหลาดใจกับสภาพแวดล้อมรอบๆ ตัวที่ดูราวกับว่าเพิ่งหลุดเข้ามาในอีกเมืองที่เต็มไปด้วยป่าเขาเขียวขจี ภายในหูได้ยินเสียงอื้ออึงซึ่งก็ไม่รู้ว่ามันคือเสียงอะไร
“อย่าบอกนะว่าตอนนี้พวกเราอยู่ในป่าลึกลับที่หลายคนกำลังค้นหา… ”
แพรวตั้งข้อสังเกตจากหลายๆ สิ่งรอบตัวๆ ซึ่งดูแปลกไปจนน่าประหลาดใจ
ก่อนจะเอามือหยิกที่แขนของตัวเอง ความเจ็บน้อยๆ ช่วยยืนยันว่านี่คือการ ‘ตื่น’ มิใช่ ‘ฝัน’ อย่างที่กำลังสงสัย
แม้จะยืนอยู่ใต้ต้นยางต้นเดียวกันกับเมื่อครู่ก่อนหน้า แต่ที่ต่างออกไปคือความรู้สึกว่าเป็นคนละเวลาและสถานที่ ยืนยันด้วยสภาพของต้นไม้ใบหญ้าที่แปลกตาดูแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด
“ได้ยินเสียงอะไรไหม… ”
แพรวเอ่ยถาม…
ในหูได้ยินเสียงอื้ออึงคล้ายลม แต่ฟังอีกทีคลายเสียงของมวลน้ำ
“เหมือนเสียงน้ำมากกว่า… ”
แก้วตั้งข้อสังเกต สอดส่ายสายตามองหาที่มาของเสียงอื้ออึง
“อู้ววว… มีน้ำตกจริงๆ ด้วย… ”
ด้วยความอยากรู้…
แก้วเอามือแหวกพุ่มไม้ใบใหญ่เหมือนใบกล้วยแต่หนากว่า จ้องมองไปตามทางเดินเล็กๆ ทอดยาวไปสู่ลำธารอันเป็นที่มาของเสียง
ครู่ต่อมา…
หญิงสาวทั้งสามพากันเข้ามายืนอยู่ใกล้สายน้ำที่กำลังตกพร่างลงมาจากชะง่อนหินผาสูงลิ่ว
“น้ำใสน่าเล่นมาก… ”
แพรวกล่าวอย่างตื่นเต้น…
ตาจ้องมองไปยังระลอกน้ำใสราวกระจก ก่อนจะชักชวนกันถอดเสื้อผ้าเปลือยกายลงแหวกว่ายในเวิ้งน้ำอย่างสนุกสนาน
ทั้งสามสาวระเริงไปกับธรรมชาติอันสวยงามแปลกตาจนลืมนึกถึงอันตรายที่จะตามมา
โดยหารู้ไม่ว่าในเวลาเดียวกันนี้…
มีดวงตาคมกริบขอเจ้าสัตว์นักล่ากำลังจับจ้องมองดูเรือนร่างเปลือยเปล่าของพวกหล่อนอย่างหื่นกระหาย
และในขณะที่หญิงสาวทั้งสามกำลังเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนานเพลิดเพลิน
จู่ๆ พลันสายตาของดาวบังเอิญก็เหลือบไปเห็นบางอย่างขยับไหว กำลังซุ่มซ่อนอยู่หลังโขดหินใกล้กับที่หล่อนและเพื่อนกำลังเล่นน้ำ
ด้วยความสงสัย…
ดาวแหวกว่ายเข้ามาใกล้โขดหิน ก่อนจะตะลึงแทบช็อกเมื่อสายตาปะทะเข้ากับร่างของเจ้าเสือลายพาดกลอนตัวใหญ่ กำลังยืนจ้องเขม็งมาที่หล่อน
“ว้าย… เสือ… ”
ดาวร้องอุทานด้วยความตกใจ…
เพื่อนสาวสองคนได้ยินก็ว่ายกรูเข้ามารวมกันในอาการอกสั่นขวัญแขวนหวาดกลัว
ตาจ้องมองไปยังเจ้าเสือตัวใหญ่ ยืนแยกเขี้ยวเห็นเป็นสีขาววาววับ ดวงตาของมันแดงฉานราวกับมีก้อนไฟลุกโชนอยู่ในนั้น