ตอนที่ 5
เช้าวันรุ่งขึ้นจิรพิมนตร์ก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้ณัฐกานต์เพื่อนของเธอฟัง และบอกชื่อของคนช่วยเหลือไป จนทำให้ณัฐกานต์ ถึงกับร้องอ๋อ เพราะเธอเคยรู้จักเขาผ่านสื่อมาบ้าง
“คุณเจตนิภัทร์เขาเป็นถึงทายาทมหาเศรษฐีผู้โด่งดังและยังมีชื่อเสียงเรื่องความใจร้อนเจ้าอารมณ์คนหนึ่งเลยนะ ครอบครัวของเขาเปิดกาสิโนอยู่เมืองนอก ส่วนธุรกิจในเมืองไทยก็มีหลายอย่าง แถมเป็นลูกครึ่งซะด้วยนะถ้าจำไม่ผิด”
“เพราะอะไรฉันถึงไม่รู้จักเขามาก่อนเลยนะ” จิรพิมนตร์รู้สึกแปลกใจ สงสัยที่ผ่านมาเธอคงจะเอาแต่เรียนจนไม่สนใจอะไรเลย
“เขาน่าจะเพิ่งมาช่วยธุรกิจที่เมืองไทยเร็ว ๆ นี้เอง พ่อเค้าน่าจะส่งมาช่วยพี่ชายที่เมืองไทยน่ะ” ณัฐกานต์อธิบายเป็นฉาก ๆ เพราะสมัยตอนที่เธอเรียนจบใหม่ ๆ เธอเคยสัมภาษณ์เจษฎา พี่ชายของเจตนิพัทธ์ที่กำลังทำธุรกิจโรงแรมอยู่ที่เมืองไทย
“อันที่จริงฉันก็เคยได้ยินคนพูดกันว่า..เค้ามีนิสัยใจร้อนชอบชกต่อยเหมือนพวกนักเลงเหมือนกันนะ” ณัฐกานต์อธิบายต่อ จิรพิมนตร์รู้สึกแปลกใจหลังจากฟังเพื่อนของเธอเล่า แต่เธอกลับรู้สึกว่าเค้ามีความอ่อนโยนและเป็นสุภาพบุรุษอยู่ไม่น้อยเลย
“ถึงว่าฝีมือเค้าไม่ธรรมดา ขนาดนายคนนั้นมีมีดนะ เค้ายังซัดทีเดียวมอบเลย ฉันเนี่ยคิดว่านายคนนั้นตายไปแล้วซะด้วยซ้ำ แต่เค้าบอกว่าแค่สลบเฉย ๆ ”
“อันที่จริงแกน่าจะบอกให้เขาจับส่งตำรวจนะ”
“ฉันก็ลืมไป ตอนนั้นฉันตกใจมาก”
วันต่อมา
“ฉันไม่เห็นด้วยกับการที่แกจะย้ายออกไปอยู่หอพัก” ผู้เป็นมารดาเอ่ยขึ้น
“แต่มันสะดวกแล้วก็ใกล้ที่ทำงานของมนตร์นะคะ..แม่” ผู้เป็นมารดาของจิรพิมนตร์ไม่เห็นด้วย จึงรีบเสนอข้อต่อรองในอดีตขึ้นมาทันที
“ถ้าอยากออกไปอยู่ข้างนอก แกก็ต้องแต่งงานให้มันเรียบร้อยเสียก่อน ผู้หญิงตัวคนเดียว จะไปอยู่ข้างนอกได้อย่างไร แกไม่กลัวอันตรายบ้างเหรอ ดูอย่างเมื่อคืนสิ ดีนะที่มีคนช่วยเอาไว้ได้” จิรพิมนตร์คิดในใจ อันตรายในบ้านก็มีไม่น้อยเช่นกันโดยเฉพาะพ่อเลี้ยงของเธอ ครั้งไหนที่เธอต้องกลับบ้านดึกๆ พ่อเลี้ยงก็จ้องจะงาบเธออยู่หลายครั้ง ส่วนจะหวังให้คู่หมั้นคอยคุ้มกะลาหัวน่ะเหรอ ฝันไปเถอะ!
“โธ่แม่..มนตร์ไปอยู่คนเดียวซะที่ไหร่กันล่ะ มนตร์ว่าจะไปอยู่หอกับยัยกานต์ ”
“ไม่ได้!!!..หัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ไม่ได้ วิญญาณพ่อแกจะได้มาหักคอฉันนะสิ ที่ปล่อยให้แกเร่ร่อนแบบนั้น”
พูดไปพูดมา มารดาก็วนมาที่เดิม คือต้องการให้เธอแต่งงานกับฉายดนัย เพราะว่าบิดาของฉายดนัยนั้นจะคืนหุ้นบริษัทมาให้ 30 เปอร์เซ็นต์ หากจิรพิมนตร์ยอมแต่งงานกับบุตรชายของเขาตามพินัยกรรมที่บิดาของจิรพิมนตร์ที่ได้ตกลงเอาไว้ก่อนเขาจะเสียชีวิต
“งั้นก็มีทางเดียวนะ ถ้าแกอยากออกจากบ้านจริง ๆ ก็แต่งงานกับคุณดนัยเค้าซะ”
“โถ่วแม่!!..แม่ก็เห็น ว่าพี่ดนัยเค้าเจ้าชู้ขนาดไหน เมื่อคืนยังควงสาว ๆ พวกนั้นต่อหน้ามนตร์อยู่เลย แต่งกันไปก็อยู่กันไม่ยืดหรอก” จิรพิมนตร์อธิบายกับมารดา
“ของแบบนี้มันก็ไม่แน่หรอกนะ ถ้าเค้าได้แต่งงานกับแก เค้าอาจจะเลิกกับอีนังผู้หญิงพวกนั้นหมดเลยก็ได้ แต่งเสร็จแกก็จดทะเบียนสมรสเลยสิ ใครเค้าจะมาแย่งของแกไปได้ ใครแย่งผัวก็ฟ้องแมร่งให้หมดเลยสิ นี่พวกมันยังเห็นว่าคุณดนัยเค้าโสดอยู่น่ะสิ..พวกมันถึงยังมีความหวัง”
จิรพิมนตร์ปฏิเสธเสียงแข็งว่าเธอยังไม่ต้องการแต่งงานกับฉายดนัยในตอนนี้ ทำให้ผู้เป็นมารดาไม่พอใจและอ้างถึงความคาดหวังของผู้เป็นบิดาที่ตั้งใจว่าจะบุตรสาวได้กอบกู้ธุรกิจของครอบครัวคืนมาหากเธอยอมแต่งงานกับฉายดนัย
“แกคิดให้ดีนะ นี่แกก็เรียนจบมาตั้งสองปีแล้ว”
“ก็ถ้าพี่ดนัยเค้าไม่เลิกเจ้าชู้ มนตร์ก็ยังยืนกรานที่จะไม่แต่งงานกับเค้าค่ะ มนตร์รับไม่ได้หรอก ผู้ชายเจ้าชู้แบบนั้น”
“ผู้ชายต่อให้มีเมียแล้ว ถ้ามันจะเจ้าชู้มันก็เจ้าชู้ได้ แกจะไปหาที่ไหนได้ รวย ๆ อย่างคุณดนัย” จิรพิมนตร์ถอดหายใจออกมา
“แม่คะ!!! ขอเวลามนตร์ตัดสินใจเรื่องนี้ก่อนเถอะค่ะ”
“เฮ่อ!..จริง ๆ เลยนะแกเนี่ย”