ตอนที่ 3
“ทำไมฉันต้องบอกคุณ” เจียวอิงหมุนตัวไปมา เพราะชุดนี้ทำให้เธอดูสวยสดกว่าทุกครั้ง ราคาคงแพงน่าดู “นี่ขอยืมเงินหน่อยสิ กระเป๋าเงินฉันหายน่ะ แล้วอีกอย่างวันนี้พี่สาวของฉันแต่งงาน” พูดถึงก็หดหู่ใจชะมัด
ดวงหน้าของเธอเศร้าสลดลงมา เมื่อนึกถึงเขาคนนั้นกำลังจะกลายเป็นพี่เขยของเธอแล้ว ลู่เจียวอิงทำได้เพียงแค่เดินไปที่หน้าต่าง เงยหน้ามองบนท้องฟ้ากว้าง ดวงตาแทนที่จะสดใสและร่วมยินดีกับคู่แต่งงาน แต่เธอมีแต่ความโศกสร้อยอยู่ในดวงตาคู่หวาน
“ได้สิ” เขาเหยียดยิ้มขึ้น ในที่สุดก็เผยธาตุแท้ออกมาจนได้ จะมีผู้หญิงสักกี่คนที่ไม่ต้องการเงิน และต่อไปแผนของเธอคงจะต้องให้เขารับผิดชอบแน่ ๆ ลูกไม่ตื้น ๆ แค่นี้ทำไมจะมองไม่ออก “อยากได้เท่าไหร่ล่ะ” เขาถามขึ้นมาเจตนานั้นดูเหยียดหยามเธอผ่านทางคำพูด
เจียวอิงไม่ยิ้มแย้ม ใบหน้าของเธอเรียบเฉยและไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ “ขอแค่ค่าแท็กซี่ก็พอค่ะ ฉันจะต้องไปโรงแรม”
“ถ้าเธออยากฉันจัดให้เธออีกรอบก็ได้นะ ไม่เห็นจะต้องไปที่อื่นให้ยุ่งยาก” เขาแสยะยิ้มขึ้นมาอย่างเจตนาหวังสิ่งที่พึ่งพูดไป ยอมรับว่าผู้หญิงคนนี้มีเสน่ห์ดึงดูดเขาเข้าให้ คิดจะควงเธอเล่น ๆ เบื่อก็โยนทิ้งมอบเงินให้สักเล็กน้อย น่าจะพอใจ
“ไอ้บ้าฉันจะไปงานแต่งพี่สาว” เจียวอิงเกิดมาเพิ่งเคยพบคนพูดจาแบบนี้ สองแง่สองง่ามฟังดูแล้วน่าชวนแพ่งกบาลเข้าให้สีกทีสองที แค่เมื่อคืนนี้ก็สุดจะกล้ำกลืนแล้ว
เธอไม่ใช่ผู้หญิงอย่างว่านะ
“ในสภาพแบบนี้” เขาเหลือบตามองชุดของเธอ เดรสชมพูกลีบบัวเสมอเข่า เห็นเรียวขาขาว ๆ นั่นก็นึกอยากลูบไล้ เมื่อคืนเหมือนไม่หนำใจ แต่ก็หลายยกและเธอก็สลบไปในยกที่สอง ว่าแต่ใครกันที่ใส่ยาบ้า ๆ นั่นให้เขากินจนเกิดกำหนัดขึ้นมา หรือว่าเป็นผู้หญิงคนนี้
“ชุดนี่ก็สวยดี ราคาก็แพง เอาไว้ฉันจะจ่ายคืนให้นะ แต่ตอนนี้เอาเงินมาให้ฉันยืมก่อนแล้วเอาเบอร์โทรด้วย” แม่นางร้ายกล่าวขึ้นมา ยืนแบมือขอเงินผู้ชายที่นอนด้วยเมื่อคืน แม้จะมีก้อนแห่งความขมขื่นและก้อนแห่งความอัปยศนั่นและเธอก็เลือกกลืนมันลงไปในที่สุด
“เธอจะไปโรงแรมอะไร ฉันจะไปส่ง” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนทันที มือข้างหนึ่งสอดเข้าไปอยู่ในกระเป๋ากางเกง ใบหน้าค่อนข้างคมคายหล่อเหลา และสมส่วนเป็นอย่างดี สวมชุดดูหรูหราราคาแพงหูฉี่ ต่อให้เธอทำงานสิบปีก็ไม่กล้าซื้อชุดแพง ๆ ขนาดนี้ใช้
เขาดูเท่สุด ๆ
“ขอบคุณมากค่ะ” คำพูดของเธอดูนอบน้อมก่อนจะแจ้งว่าเธอต้องการไปโรงแรมในเมืองหลวง เพราะเป็นสถานที่แต่งงานของคู่บ่าวสาวที่เธอนึกอิจฉา พลันเมื่อเปิดประตูห้องออกมา ก็พบว่ามีสตรีคนหนึ่งยืนอยู่และยื่นกระเป๋าเงินให้เธอ
“ของคุณลู่ค่ะ ทำตกไว้เมื่อคืน” ผู้หญิงคนนี้รีบยื่นกระเป๋าเงินให้ และสำรวจมองผิวพรรณคร่าว ๆ ผ่านทางสายตา มาสะดุดบริเวณซอกคอขาวระหงนั่นมีรอยจ้ำ ๆ สีแดงสามสี่แห่ง เนินหน้าอกมีบ้างเล็กน้อย เธอยกยิ้มขึ้นมาก่อนจะกล่าวกับชายหนุ่มเบื้องหน้าของหล่อน
เจียวอิงอับอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ดีที่ไม่มีคนเดินแถว ๆ นี้ มิเช่นนั้นเธอได้ข่าวเพิ่มขึ้นมาอีกแน่ ๆ นางร้ายอย่างเธอจะสู้นางเอกเจ้าน้ำตาได้ยังไงกัน มีแต่คนตราหน้าเธอทั้งนั้นเป็นผู้หญิงไร้ยางอายคิดยั่วว่าที่สามีพี่สาว เธออยากจะตะโกนออกไปจริงว่า ฉันกับเขาเรารักกันต่างหาก สุดท้ายแล้วผู้ชายคนนั้นก็ไม่เลือกเธอเพียงแค่เพราะเธอเป็นลูกคนรับใช้ ลูกนอกทะเบียนสมรส
“คุณชายใหญ่คุณผู้หญิงให้รีบกลับบ้านหลังจากเสร็จธุระแล้วค่ะ” ผู้หญิงคนนี้เป็นมือขวาและเป็นผู้ช่วยเบอร์หนึ่งของมารดาจ้าวหยางเฉิน นักธุระชื่อดัง และไม่เคยมีข่าวพาดหัวใด ๆ ทั้งสิ้น
“รู้แล้ว” เขาพยักหน้าแล้วยังออกคำสั่งอีกครั้ง “จะต้องพาเธอไปงานแต่งที่โรงแรมเฉินตู” นั่นเป็นโรงแรมของเครือตระกูลจ้าว
“งั้นฉันจะบอกคนขับรถให้ค่ะ” เธอกล่าวขึ้นแล้วจึงได้ยกโทรศัพท์ขึ้นมา กดไปยังชื่อของใครบางคนไม่ถึงอึดใจ พวกเขาทั้งสามเดินมาแล้วลงลิฟต์ ด้านหน้าพบรถยนต์คันหรูหราราคาหลายสิบล้านก็ว่าได้ หญิงสาวตาลุกวาว
“เกิดมายังไม่เคยนั่งรถแบบนี้สักครั้ง นับว่าวันนี้ก้นของฉันมีโชคหล่นทับแล้ว” เธอกล่าวขึ้นมาหลงลืมไปสิ้นว่าเธอยังเศร้าใจเรื่องของชายคนหนึ่ง
จ้าวหยางเฉินไม่บอกว่าตนเองเป็นใคร ผู้หญิงคนนี้ก็ไม่บอกด้วยเหมือนกัน พวกเขาทั้งสามขึ้นรถมามุ่งหน้าไปยังโรงแรมเฉินตูเพียงแค่ห้ากิโลก็ถึงจุดหมาย รถยนต์ของแขกเหรื่อมากมายต่างทยอยเข้ามาจอดเทียบ ส่งผู้ร่วมงานจากนั้นจึงไปจอดเอาไว้ด้านหลัง
หญิงสาวลงจากรถโดยมีคนขับเปิดประตูให้ เพียงแค่เธอก้าวลงมานักข่าวทั้งหลายต่างพากันมารายล้อมเธอเต็มไปหมด จ้าวหยางเฉินขมวดคิ้วมุ่น กล่าวถามขึ้นมากับผู้ช่วยของมารดา “ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร”
“คุณชายใหญ่เธอคือนักแสดงของบริษัทที่เราร่วมลงทุนค่ะ อีกอย่างรับบทเป็นนางร้าย มักจะมีข่าวฉาวบ่อย ๆ” เธอกล่าวขึ้นแค่นั้น พื้นเพเบื้องหลังเพิ่งได้ข้อมูลมาก่อนหน้านั้นไม่ถึงสิบนาที มารดาของเธอเป็นสาวใช้ เป็นลูกนอกทะเบียนของตระกูลลู่
“ข่าวฉาวเหรอ” เขากล่าวขึ้น
“ส่วนมากจะเป็นเรื่องผู้ชายค่ะ”
หญิงสาวยืนตัวเกร็ง แม้ว่าจะแสดงละครมาแล้วสองสามเรื่องก็ตาม ชื่อเสียงของเธอไม่โด่งดังเหมือนนักแสดงอื่น ๆ “คุณลู่เป็นน้องสาวจริง ๆ หรือคะ มีข่าวว่าคุณแอบยั่วพี่เขยจริงหรือเปล่า” นักข่าวสาวคนหนึ่งถามขึ้นมา แสงไฟสอดส่องมาที่เธอ
ลู่เจียวอิงทำได้เพียงแค่อึกอักอ้ำอึ้ง เธอจะต้องพูดอะไรดี เธอไม่มีผู้จัดการส่วนตัวเหมือนคนอื่น ไร้สังกัดอีกด้วย ใครจะคอยมากีดกันนักข่าวพวกนี้ออกไป จนกระทั่งมีสตรีคนหนึ่งเดินมา จับข้อมือของเธอเดินเข้าไปในงาน เธอเงยหน้าขึ้น ดวงตารื้นแดงเรื่อ มีน้ำตาคลออยู่เล็กน้อย
“คุณนั่นเอง ขอบคุณที่ช่วยหนูนะคะ” เจียวอิงเหมือนได้เห็นนางฟ้ามาโปรดเมื่อผู้หญิงสูงวัยคนนี้เป็นคนพาเธอออกมาจากแสงไฟนั่น คนพวกนั้นไม่รู้เรื่องจริงก็ใส่สีตีไข่มากมาย ชื่อเสียงเธอเสียหายเพราะคนพวกนี้เป็นคนนั่งเทียนเขียนโดยไร้ข้อเท็จจริง