10

1535 Words
วรเดชวาดรูปสวย เขาค่อนข้างมีโลกส่วนตัวสูง ไม่ชอบความวุ่นวาน หรือไปในสถานที่... ที่อึกทึกครึกโครม เธอเคยถามเขาว่าทำไมถึงมาเป็นอาจารย์ ทั้งๆ ที่ทำอาชีพอื่นร่ำรวยกว่าตั้งเยอะ เธอไม่รู้เรื่องครอบครัวของเขาและไม่เคยถาม เซ้าซี้ให้เขาต้องรำคาญ วรเดชตอบว่าชีวิตเราจะมีความสุข ถ้าได้ทำในสิ่งที่รัก บางทีเราก็ทำตามสังคมหรือความต้องการของคนอื่นมากเกินไป จนลืมนึกถึงความสุขของตัวเอง เขาเป็นคนที่ทำอะไรเพราะตัวเองอยากทำเขาจึงมีความสุขกับสิ่งที่เป็นอยู่ “เจ้าค่ะท่านอาจารย์จอมดุ” เธอวางมือกับไหล่กว้างและวางคางไปกับหลังมือของตัวเอง มองใบหน้าหล่อเหลาของคุณอาหนุ่มนิ่ง “เงินพอใช้ไหม” เขาเอ่ยถาม เพราะรับรู้ว่าครอบครัวของเธอประสบปัญหาด้านการเงิน มารดาของเธอก็ไม่ใคร่จะใส่ใจนัก “มีค่ะ” แม้จะก๋ากั๋นเพียงใด แต่ธัญสิตาก็ไม่เคยทำตัวเกาะเขา หวังเงินหรืออะไร เธอรู้สึกว่าเขาเป็นที่พึ่งทางใจมากกว่า เพราะขาดพ่อแต่เด็ก แม่ก็ยุ่งวุ่นวายกับเรื่องของตัวเอง เธอเลยรู้สึกเหงาอย่างบอกไม่ถูก “อาโอนเงินเข้าบัญชีให้แล้วนะ เผื่อฉุกเฉินจะได้ถอนมาใช้” “ตาไม่ได้ขายตัวเสียหน่อย” เธอทำหน้ากระเง่ากระงอด วรเดชปัดปอยผมที่ระใบหน้าของเธอออก มองสบตาเธอด้วยสายตาที่ลุ่มลึก “แล้วใครบอกว่าขายตัวล่ะ” “ก็คุณอาโอนเงินมาให้ตาทำไมละคะ” “ไม่มีเงินไม่ใช่เหรอ” “ตาบอกว่ามี” เธอเถียงคอเป็นเอ็น “ศักดิ์ศรีกินไม่ได้หรอกนะ ที่ให้ไม่ใช่เพราะเป็นค่าขายตัว แต่ให้เพราะอาต้องดูแลตา” “ขนาดแม่ของตายังไม่สนใจเลย” “นี่ถ้าไปขายตัวจริงๆ แถมข้าวสารให้อีกกระสอบก็ไม่มีใครเอา” เขาแหย่ และได้ผล เธอทำหน้าพองเหมือนซาลาเปา “คุณอาน่ะ!” “อารมณ์บูดแบบนี้ เดี่ยวหน้าแก่เร็ว” วรเดชก็เป็นเสียอย่างนี้ แม้จะทำเสียงดุ หน้าดุเวลาเธอทำผิด แต่ก็ห่วงใยเธอเสมอ เขามีวิธีการทำให้เธอรู้สึกดีทุกครั้งที่คิดถึงความไม่โอเคของชีวิต “หันหลังมาสิ จะถูหลังให้” น้ำเสียงเรียบเรื่อยของเขาคือการง้อ สีหน้าของเธอดีขึ้นในทันที ก่อนจะหมุนร่างให้เขาถูหลังให้ เขาถูฟองน้ำไปตามเนื้อตัวส่วนอื่นด้วย วรเดชชอบอาบน้ำให้เธอ ทำเหมือนเธอเป็นเด็กๆ แต่เธอก็ชอบให้เขาทำแบบนั้นเช่นกัน “เรียนใกล้จบแล้ว อย่าเกเรล่ะ” “รู้แล้วค่ะ” จริงๆ ต้องขอบคุณเขาด้วยเหมือนกัน เพราะถ้าไม่ได้เขาเธอคงเรียนไม่จบ มีช่วงหนึ่งที่คิดจะล้มเลิกการเรียน และไปหางานทำ แต่วรเดชพูดให้เธอกลับไปเรียนต่อ ในขณะที่มารดาไม่ได้สนใจว่าเธอจะเรียนต่อหรือไม่เรียนต่อ ท่านสนใจเด็กหนุ่มรุ่นลูกว่าคนไหนงานดี แล้วท่านก็พร้อมเปย์เสียมากกว่า คิดถึงเรื่องมารดาแล้วต้องถอนใจเฮือกใหญ่ วรเดชอยากให้เธอเรียนให้จบจะได้มีวุฒิการศึกษา ส่วนมารดาหาว่าเธอเป็นภาระ ทั้งสองแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว “เรียนให้จบจะได้ออกมาทำงานของตัวเอง” เขารู้ว่าเธอมีฝีมือในการวาดภาพ คนเราทำอาชีพอะไรก็ไม่อดตาย ขอแค่ขยัน คนที่อดตายคือคนที่ขี้เกียจ “ขอบคุณนะคะ” เธอหมุนร่างมากราบที่อกเขา ทำบ่อยๆ เวลาเขาสั่งสอนให้ตั้งใจเรียน เธอไม่ได้ประชดแต่เธอซาบซึ้งในบุญคุณของเขาจริงๆ “ขอบคุณอาบ่อยแล้วนะ” “จำได้ด้วยเหรอคะ” “เด็กไม่รู้จักโต” เขาบีบจมูกเล็กๆ ของเธอ “อ้าว... อยู่ดีๆ มาว่าตาทำไมกันละคะ” “คนอื่นทำตัวไม่ดี ก็ใช่ว่าเราจะต้องทำตัวไม่ดีเหมือนเขา” นั่นเป็นคำสอนที่วรเดชมักสอนเธอ ในอดีตนอกจากไม่คิดจะเรียนหนังสือแล้ว เธอยังเที่ยวเตร่ กินเหล้าเมายาอีกด้วย แต่ไม่รู้ทำไม เธอไปเที่ยวเมาหัวราน้ำที่ไหน วรเดชก็จะตามไปเจอเธอ ลากตัวกลับมาทุกที จะว่าบังเอิญก็ไม่เชิง ว่าจะจงใจก็ไม่น่าจะใช่อีก เพราะเขาค่อนข้างเงียบขรึม ไม่ค่อยแสดงออกอะไรให้เธอรับรู้ เธอเองเสียอีกเป็นฝ่ายรุกเร้าเขา เข้าหาเขาก่อน ในขณะที่เขาทำตัวเป็นผู้ใหญ่จอมดุและก็ขี้บ่นกับเธอ คนพูดน้อยแบบวรเดช พอยามที่เธอทำผิดเขาก็บ่นยิ่งกว่ามารดาของเธอเสียอีก ตอนเธอเรียนมหาวิทยาลัย เขายังไม่ได้ไปเป็นอาจารย์ในสาขาวิชาของเธอ แต่พอเธอเริ่มอยู่เทอมสองและทำตัวเหลวไหล ตอนนั้นแหละที่เธอพบว่าเขาไปเป็นอาจารย์ในสาขาวิชาของเธอ เจอเขาวันแรกเธอก็ตกใจอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าคุณอาข้างบ้านที่ชอบเก็บเนื้อเก็บตัวและเอาแต่วาดภาพ ไม่ก็ใช้เวลาว่างเที่ยวไปในที่ต่างๆ เพื่อหาไอเดียร์วาดภาพจะกลายมาเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยที่ต้องตื่นแต่เช้า ต้องไปทำงานทั้งวันยันเย็น อยู่ในระบบของที่ทำงาน ไม่ได้ใช้ชีวิตอิสระเหมือนก่อน เธอเองเคยคิดเสมอว่าหากต้องทำงานจริงๆ คงไม่ทำงานประจำที่ต้องตื่นแต่เช้า ขับรถไปทำงาน เวลาจะไปไหนก็ต้องลา อยู่ใต้บังคับบัญชาของคนอื่น เธอคงอึดอัดใจที่ต้องอยู่กับกฎระเบียบ และทำตามคำสั่งของคนอื่น ดีไม่ดีคงวีนแตกโดนไล่ออกเป็นแน่ เธอเริ่มถูหลังให้เขาบ้าง ในขณะที่วรเดชใช้แขนวางที่ขอบอ่างด้านหน้าและฟุบนอนอย่างสบายตัว “คุณอาเมื่อยเหรอคะ” เธอค่อยๆ นวดไหล่ให้เขา วรเดชครางเบาๆ รู้สึกสบายตัวอยู่มาก “นวดเก่งขึ้นนะ” เขาเอ่ยชม เธอเลยอมยิ้มในทันที ไม่ให้เก่งได้ยังไงกัน เธอเพิ่งไปเข้าคอร์ดเรียนนวดมาหยกๆ แต่แอบไปซุ่มเรียนมาไม่ให้เขารู้ “ขอบคุณค่ะ” “อยากกินอะไร” เขาเอ่ยถามอย่างผ่อนคลาย รู้ดีว่าเด็กสาวไม่ชอบทำอาหารนัก เธอทำอาหารไม่ค่อยเป็น แต่อาหารง่ายๆ ก็พอทำได้ เขาเป็นคนชอบทำอาหาร เลยจัดการทำอาหารในแต่ละมื้อเสียเอง “วันนี้ทำสุกี้ร้อนๆ กินกันไหมคะ แล้วก็ดูหนังสยองขวัญกัน พรุ่งนี้วันหยุดนี่นา” “เอาสิ” คนที่กินอะไรง่ายๆ ตอบรับในทันที เขาหลับตาให้เธอนวดจนรู้สึกผ่อนคลาย ก่อนที่มือนิ่มจะลากฟองน้ำไปตามเนื้อตัวของเขาจนถ้วนทั่ว ทั้งสองล้างตัวจนสะอาด ก่อนที่เขาจะอุ้มเธอออกมาจากห้องน้ำ ธัญสิตาคล้องคอหนาเอาไว้ ซบที่อกกว้างอย่างออดอ้อน “คุณอาขา ตาหิว” “รีบแต่งตัวสิจะได้ไปทำกับข้าวกันด้านล่าง” เขาวางเธอหน้าเตียง ทำท่าจะเดินไปยังตู้เสื้อผ้า เธอก็ดึงมือของเขาเอาไว้ ก่อนจะกระตุกให้มาหา ร่างสูงเสียหลักทาบทับลงมาบนร่างอรชรในทันที “หิวอะไร” เขาเอ่ยถาม “คุณอาก็รู้นี่คะ” ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลง เมื่อเธอแนบริมฝีปากมาหา เขาก็จัดการบดจูบริมฝีปากอวบอิ่มอย่างดูดดื่ม “ไหนดูร่องหน่อยสิ” เขาแหวกขาเธอออกจากกันเมื่อละริมฝีปากจากเธอเรียบร้อยแล้ว “เยิ้มขนาดนี้ อยากเหรอตา” เธอพยักหน้าให้เขา ไม่ได้พูดอะไร “อื้ม...” ธัญสิตาร้องครางเมื่อเขาเกลี่ยนิ้วกับกลีบกายสาวของเธอ “เสียวค่ะคุณอา” “แยกขาให้อาหน่อย อาจะเลียให้” เธอทำตามอย่างว่าง่าย แยกขาให้เขาในทันที “กว้างหน่อย แหวกกลีบแคมให้อาด้วย” เขาบอกเสียงแหบพร่า ในขณะที่คุกเข่าแทรกกายลงกลางร่างของเธอ ธัญสิตาแหวกกลีบสาวแดงฉ่ำให้เขาในทันที วรเดชขยับใบหน้าลงมาหา เขาสูดดมกลิ่นสาบสาวเข้าเต็มปอด ก่อนจะแตะลิ้นเลียติ่งเสียวของเธอขึ้นลง “อ๊ายย... เสียวค่ะคุณอา รู้สึกดีจังเลย” เธอแยกขาให้เขาจนกว้าง แหวกกลีบแดงฉ่ำให้เขาปาดเลียถนัดถนี่ ลิ้นสากร้อนของเขาเสียดสีกับติ่งสวาทเน้นๆ ทำเธอเสียวซ่านดิ้นพล่านแทบขาดใจ “อ๊า... ชอบจังเลยค่ะ” “อืม... ชอบลิ้นของคุณอาจังเลยค่ะ” เขายิ่งระรัวลิ้นสัมผัสกับกลีบเนื้อฉ่ำเยิ้มของเธอ ธัญสิตาครางอืออา แบะแยกขาให้เขาเข้ามาแนบชิดสนิทเนื้อ “ชอบจัง รู้สึกดีจัง มันอุ่นๆ ร้อนๆ ลิ้นของคุณอาสากเหลือเกินค่ะ” เธอบิดกายไปมา หลับตาพริ้มครวญคราง เผยอปากหอบสะท้าน ตัวสั่นระริก กัดปากเป็นบางครั้งเมื่อลิ้นร้อนจ้วงเข้ามาภายใน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD