“พี่ขอสั่งให้เรา...หยุดทุกความรู้สึกที่มีกับพี่ซะ”
“...” นี่มันอะไรกัน?
???
ฉันทำได้แค่ยิ้ม ยิ้มค้างเพราะไม่รู้จะทำอะไรได้มากกว่านี้แล้วและคนที่เพิ่งพูดให้ช็อคก็เอามือออกจากหัว พอมือขยับออกพร้อมกับสีหน้าที่เปลี่ยนไป จากใบหน้ายิ้มเหมือนใจดีกลายเป็นใบหน้าที่นิ่งขรึมจนดูไม่ใช่คนเดิมแม้แต่นิดเดียว
“เข้าใจที่พี่พูดใช่ไหมปิ๊งรัก”
“...ถ้าหนูทำไม่ได้ล่ะ” ฉันเลือกที่จะถามถึงลำคอจะแห้งผากมากก็ตาม ลองพูดมาขนาดนี้คิดว่าปฏิเสธว่าไม่ชอบแล้วเขาจะเชื่อเหรอ? ไม่มีทางหรอก
“ถ้างั้นก็อยู่ด้วยกันไม่ได้”
“...” อยากร้องไห้ว่ะ น้ำตาจะไหลแล้วจริง ๆ ส่วนเขาน่ะเหรอ...หน้าโคตรนิ่ง นิ่งเหมือนไม่รู้สึกอะไรมากไปกว่าการต้องการให้เหลือบไรที่เกาะตัวหลุดออกจากร่างกายยังไงยังงั้น
“พี่เอ็นดูเรานะถึงได้บอกก่อน” นี่เรียกว่าเอ็นดูเหรอคะ? เหมือนที่ผ่านมาได้เห็นเขาแค่ในมุมเดียวยังไงยังงั้น ความจริงเขาไม่น่าจะแค่อบอุ่นใจดีแต่คงแอบเย็นชามากเหมือนกันถ้าอยู่ในอารมณ์ที่เขาไม่ต้องการจริง ๆ ไม่งั้นไม่พูดไม่ทำแบบนี้หรอก
ชวนดูบอล ชวนพนันบอลพอชนะก็สั่งฉันแบบนี้ ไม่ได้บังเอิญแน่นอนแต่เขาตั้งใจไว้แล้วชัด ๆ ว่าจะสั่งให้ฉันหยุดความรู้สึกของตัวเอง คนบ้าอะไรมันจะไปหยุดความรู้สึกของตัวเองได้ง่ายขนาดนั้นวะ ถ้าทำได้ทำไปตั้งแต่วันที่เมาแล้วโดนลวนลามแต่ดันรู้ว่าเขาเห็นเราเป็นคนอื่นไปแล้ว!
ใจร้ายสุด ๆ ไปเลย แกล้งเล่นกับฉัน แกล้งโมโหที่ฉันไม่ชอบทีมของเขา แกล้งเชียร์บอลกับฉันด้วยความสนุกสนานจนฉันมีความสุขมากจริง ๆ มากจนถึงขั้นบอกได้เลยว่านี่เป็นการดูบอลที่สนุกและมีความสุขที่สุดในชีวิตแล้วสุดท้ายเขาก็เชือดฉันได้อย่างเลือดเย็น
“มันคงไม่ง่ายขนาดนั้นมั้งคะ แต่ไม่ต้องห่วงหรอก หนูก็ไม่ได้แสดงออกให้พี่อึดอัดไม่ใช่รึไง”
“เป็นพี่เหรอถึงรู้ว่าอึดอัดหรือไม่อึดอัด” พูดจบปุ๊บเขาก็ถามสวนกลับมาปั๊บ สวนเหมือนเอาหมัดขวามาเสยเข้าที่คางหลังจากที่ฉันเพิ่งปล่อยหมัดซ้ายออกไปเบา ๆ
“...” แค่คนที่อยู่ใกล้ ๆ เขาทุกวันแอบรู้สึกดีกับเขาแต่ก็ไม่ได้แสดงออกหรือเรียกร้องให้เขามาสนใจ แค่นี้เองนะมันทำให้เขาอึดอัดมากเลยรึไง? แต่ก็คงอึดอัดจริง ๆ นั่นล่ะถ้าไม่ก็คงไม่พูดหรอก
จุกแล้วก็เจ็บเป็นบ้าเลย มันยิ่งกว่าตอนที่เขาดูดนมแล้วคิดว่าฉันเป็นคนที่อยู่ในใจเขาซะอีก
“กฎคืออะไรจำได้ไหมปิ๊งรัก”
“...ห้ามแอบชอบพี่ค่ะ”
“แล้วนี่คือ?” น้ำเสียงเขาตอนนี้ไม่เหมือนคนที่อยู่บ้านด้วยกันมาสองเดือนเลย มัน...
“ขอโทษค่ะ” มันรู้สึกแย่มากนะที่เราต้องขอโทษใครสักคนเหตุผลแค่เพราะเราชอบเขา แต่มันทำอะไรมากไปกว่านี้ไม่ได้ มันทำไม่ได้จริง ๆ
“ไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอกแค่หยุดความรู้สึกของเราซะตั้งแต่ตอนนี้ก็พอ” สายตาตอนสั่งเหมือนไม่ใช่คนใจดีคนเดิมเลย ดูเย็นชาไปหมดส่วนฉันก็ต้องเม้มปากแน่นเพื่อข่มกลั้นความรู้สึกตัวเองและรวบรวมสติให้ได้
“ถ้ามันทำได้ง่ายและเร็วขนาดนั้นปิ๊งทำไปนานแล้วพี่พฤกษ์” ฉันบอกดี ๆ พูดจบเขาก็มองหน้าฉันนิ่ง
“...ไปซะ”
“คะ?” ฉันได้ยินแล้วก็เข้าใจชัดเจนเลยล่ะ แต่ความตกใจทำให้ปากมันเปล่งคำนี้ออกมาเอง
“ไปซะ เราอยู่ด้วยกันไม่ได้แล้วล่ะปิ๊งรัก กลับไปที่ของเรา...พี่ขอเลิกจ้างเราตั้งแต่วันนี้”
“...” ฉันไม่ได้พูดอะไรหลังจากที่เพิ่งโดน ไล่ออกจากงาน แบบไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจ แล้วก็ไม่รู้จะพูดอะไรออกมาได้ยังไงในเมื่อนายจ้างบอกเลิกจ้างเสร็จเขาก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปเลย...
-เวลาต่อมา-
ฉันกลับมาถึงห้องนอนเล็ก ๆ ของตัวเองตอนเกือบตีสอง เก็บจานเก็บแก้วเก็บทุกอย่างในห้องโฮมเธียเตอร์ไปล้างจัดการทำความสะอาดครัวให้เขาเรียบร้อยก็ไปเก็บของบนห้องนอน โชคดีที่มีไม่เยอะเลยใช้เวลาเก็บไม่นานเก็บเสร็จก็ทำความสะอาดห้องคืนเจ้าของบ้านก่อนจะเรียกรถให้มารับที่หน้าบ้านเขา
...คงไม่เจอกันแล้ว
“...ฮึก!” ถ้ารู้ว่าจะต้องเจ็บปวดขนาดนี้ต่อให้จ้างเดือนละล้านหรือโดนเอาปืนจ่อหัวบังคับให้ทำงานนี้ฉันก็จะไม่ทำเลย
ไม่คุ้มเลยปิ๊ง เอาเงินพวกนี้มารักษาใจยังไงดีแกถึงจะดีขึ้นเร็ว ๆ ในเมื่อแกแม่งโคตรชอบเขาเลย ชอบเขามาก ชอบแบบที่ไม่เคยชอบใครขนาดนี้มาก่อน
มาถึงห้องเกือบตีสองแต่ตอนนี้จะตีห้าแล้วฉันก็ยังไม่ได้นอน มันนอนไม่หลับ สมองคิดว้าวุ่น หัวใจก็หน่วงไม่หาย ครั้งนี้ฉันไม่ขอเรียกว่าอกหักเพราะมันเจ็บปวดยิ่งกว่าอกหักซะอีก หนักเป็นบ้า หนักฉิบหาย!
“ฮึก! ฮื่อ ๆๆ” ฉันหยุดร้องไห้ไม่ได้เลยค่ะ ทำไมต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วยปิ๊ง ทำไม...
-หลายวันต่อมา-
ตื๊ดดดด ตื๊ดดด
...พรีม
ติ๊ด!
“อื้อ ว่าไงแก”
(แกเป็นไงบ้าง ไหวไหมเดี๋ยวพาไปหาหมอ) เสียงปลายสายแสดงความห่วงใยฉันก็เม้มปากแน่น อกหักบอกใครไม่ได้ ระบายให้ใครฟังไม่ได้ ทำได้แค่หลบหน้าทุกคนแล้วบอกว่าตัวเองไม่สบาย
“ไหวแก นอนพักเต็มที่แล้ว พรุ่งนี้เจอกัน” ฉันไม่ได้ไปเรียนมาสามวันแล้วค่ะ อกหักวันศุกร์นึกว่าเสาร์อาทิตย์จะสร่างจากอาการเมารักที่ไหนได้จนวันนี้วันพุธแล้วก็ยังไม่ดีขึ้นแต่ถ้าพรุ่งนี้ไม่ไปเรียนเพื่อนรักได้บุกมาลากพาไปโรงพยาบาลแน่ ยังไงก็ต้องแบกใจช้ำ ๆ ไปเรียนแล้วล่ะ
(แน่นะปิ๊ง ไม่ไหวก็บอกตรง ๆ นะอย่าฝืน หาหมอไม่เจ็บเท่าอกหักหรอกเชื่อเรา)
...จี๊ด
...จี๊ดสุด ๆ
...จี๊ดสุด ๆ ไปเลย
เพื่อนแกล้งพูดเล่นได้จังหวะแบบพอดีเป๊ะ เป๊ะมากด้วย เป๊ะมากเกินไปจริง ๆ ฉันบอกเพื่อนรักเลยดีไหมนะว่าอกหักมาเผื่อว่าเพื่อนจะได้ไม่เล่นมุขแบบนี้อีก T^T
“ไหว เดี๋ยวจะกินข้าวกินยาแล้วแหละพรีม เราสั่งของกินมาเต็มเลย” ของกินของฉันอยู่ในถุงที่มีโลโก้ร้านสะดวกซื้อชื่อดัง มีข้าวกล่องโง่ ๆ ที่ไม่รู้สึกอยากหนึ่งกล่องกับยาขวดสีน้ำตาลขวดใหญ่อีกหกขวด
(ให้ไปหาไหม อยากได้เพื่อนกินข้าวไหมล้า~ ทำธุระแป๊บเดียวเดี๋ยวก็เสร็จแล้วเนี่ย) อยากได้เพื่อนกินเหล้ามากกว่า T_T
“ไม่เป็นไรพรีม กินข้าวแล้วจะกินยานอนเลย ขอบคุณน้า~”
(ขอบคุณทำไมเรามีเพื่อนรักอยู่คนเดียวนะ ถ้าไม่ห้ามเราไปนอนเฝ้าไข้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว) ปิ๊งรัก ถึงใครจะไม่รักแกแต่แกยังมีเพื่อนนะ มียัยพรีมคนสวยของแกที่คอยห่วงใยแกเสมอไง
“ไม่ได้หรอกเดี๋ยวพี่เพลิงงอแง อิอิ แค่นี้แหละไม่ต้องห่วงเพื่อนหรอกน่าเพื่อนเก่งจะตาย”
(โอเค แต่ถ้าไม่ดีขึ้นต้องรีบโทรบอกนะ พี่เพลิงก็ห่วงเหมือนกัน)
“จ้า” ฉันรับปากเพื่อนแล้วก็วางสาย นั่งตั้งสติอยู่พักหนึ่งก่อนจะลุกขึ้นแล้วหยิบแก้วตรงหน้าตรงไปที่ห้องน้ำ
ฉอก~
เททิ้งซะ
เทยาสีเหลืองที่มีฟองทิ้งลงชักโครกทั้งแก้ว ยารักษาโรคอกหักที่ยิ่งกินยิ่งเจ็บปวดอาการไม่ทุเลาเลยสักนิด เทจนหมดแก้วแล้วมองตัวเองผ่านกระจกในห้องน้ำ
หน้ามัน หัวฟู เปลือกตาบวมแต่ใต้ตาดำคล้ำอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนต่อให้เมื่อก่อนจะทำงานพิเศษหามรุ่มหามค่ำก็ตามแทบไม่ได้หลับได้นอนก็ยังไม่คล้ำแบบนี้
สภาพแกมันโคตรแย่ อย่าว่าแต่จะให้เขาชายตามองเลย สภาพแบบนี้เดินลงไปข้างล่างไอ้ตุ๊บตั๊บหมาป้าเจ้าของหอยังเห่า
ฉันมองตัวเองแล้วรับไม่ได้สุด ๆ ก่อนจะก้มหน้าลง เปิดน้ำให้แรงที่สุดแล้วล้างหน้าตัวเองแรง ๆ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองตัวเองผ่านกระจกอีกครั้งซึ่งสภาพหลังผ่านน้ำก็ยังแย่อยู่ดี
“...” สภาพโคตรแย่ แต่ไม่มีใครทำให้แกแย่แบบนี้ได้เลยนะนอกจากตัวแกเองเพราะฉะนั้นแกต้องดีขึ้นนะปิ๊ง อย่านั่งเศร้าสิ ใครจะใจร้ายกับแกก็ได้แต่แกอย่าใจร้ายกับตัวเองเลยนะ...ยัยปิ๊งรักคนเก่ง ^^
#PINGRUK END
#PRUEK TALK
“เป็นไงบ้างที่รัก”
“บอกว่าดีขึ้นแล้วค่ะ แต่พรีมว่าไม่ดีอ่ะ เพื่อนพรีมไม่เคยไม่สบายหนักจนขาดเรียนสามวันติดขนาดนี้”
“เสร็จธุระแล้วพี่พาไปหาเอง”
“ไม่ได้หรอกค่ะ ปิ๊งมันบอกว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวจะกินข้าวกินยานอนแล้ว”
“หนูสบายใจรึเปล่าล่ะ”
“ก็ไม่สบายใจเท่าไหร่แต่ไม่ไปกวนเพื่อนดีกว่าค่ะ”
“โอเคครับ ถ้ายังไงบอกพี่นะ”
“ค่ะ” ^^
ผมยืนฟังน้องชายกับน้องสะใภ้ที่วันนี้แวะมาดูห้องใหม่ที่เพิ่งซื้อจากโครงการใหม่ของผมไปสด ๆ ร้อน ๆ คุยกันเรื่องเพื่อนสนิทของพรีรตา พอสองคนนี้คุยกันเรื่องนั้นเสร็จก็หันกลับมาคุยธุระกับผมต่อ
ไม่สบายเหรอ?
ขาดเรียนมาสามวันติดแล้วงั้นเหรอ?
อ่าส์~
...ไร้สาระ
ผมไล่เรื่องไร้สาระที่เพิ่งรับรู้มาเมื่อกี้ออกไปจากสมองแล้วคุยธุระกันต่อคุยไม่นานก็จบเพราะไอ้เพลิงน้องรักของผมมันไม่อยากให้เมียมันอยู่ใกล้ผมนาน ทั้งที่ผมก็โกหกมันไปแล้วว่าผมมีเมียและวันนี้ผมก็ไม่ได้มองพรีรตาด้วยสายตาที่แฝงความรู้สึกชู้สาวเลยสักนิด
ช่างมันเถอะครับ ผมขี้เกียจสนใจมันแล้ว ทำยังไงมันก็ระแวงอยู่ดีอีกอย่างตอนนี้ผมกำลังหงุดหงิด
“นายคะ เย็นนี้คุณไมเคิลจะขอ... / ปฏิเสธไป” ผมรู้ว่าเลขาจะพูดอะไร คนที่พูดถึงคือคู่ค้ารายใหญ่ มาถึงไทยเมื่อคืนและคงจะขอนัดกินข้าวกับผมนั่นล่ะ นัดกันแต่ละครั้งปฏิเสธไม่ได้เลยว่าบริษัทของผมจะมีรายได้เข้ามามหาศาลแค่ไหนแต่วันนี้ผมไม่มีอารมณ์เจอใครนอกจากกลับไปพัก
“แต่... / ผมบอกให้ปฏิเสธ” ผมหันกลับไปบอกเสียงแข็งคนรับคำสั่งเลยรีบก้มหัวจากนั้นผมก็เดินออกมาจากคอนโดโครงการใหญ่ของตัวเองเพื่อกลับไปพักผ่อนที่คอนโดให้เร็วที่สุด
ใช่ครับผมกำลังจะกลับไปพักผ่อนที่คอนโด ไม่ได้กลับบ้านมาสี่วันแล้ว ไม่รู้เป็นห่าอะไรแค่เห็นโต๊ะกินข้าวก็หงุดหงิดจนไม่อยากอยู่ แค่นึกถึงบ้านก็หงุดหงิด ยิ่งวันนี้ได้ยินเรื่องของเด็กคนนั้นโดยบังเอิญผมก็ยิ่งอารมณ์เสีย
...อกหักแค่นี้แล้วไปเรียนไม่ได้ โคตรไร้สาระ ไม่รู้ว่าทำไมต้องซวยได้ยินผัวเมียคู่นั้นคุยเรื่องนี้ด้วย รกสมองแล้วก็ทำให้หงุดหงิดฉิบหาย