อี้เวยหนิงทอดสายตามองสองแม่ลูกนั่งคุกเข่าทั้งวันด้วยแววตาเฉยชาถึงจะไม่เข้าใจการกระทำของสองแม่ลูกนักแต่ก็คิดว่าห้ามปรามอะไรไม่ได้นางเอกก็อยากรู้เหมือนกันว่าทั้งสองต้องการสิ่งใดถึงต้องลงทุนทำสิ่งเหล่านี้
“นางอยากนั่งก็ปล่อยไปทั้งสองแม่ลูกนั่นแหละ” นางสั่งสาวใช้ข้างกายเสียงราบเรียบไร้แววขบขันหยอกล้อเช่นทุกครั้ง
“อี้เวยหนิง!!!” เสียงฝีเท้าเป็นกลุ่มตรงเข้าจวนพร้อมกับเสียงเรียกนางดังลั่นทำให้อี้เวยหนิงรีบหันไปมองผู้มาบุกรุก
“ท่านเป็นใครกล้าบุกรุกจวนข้า!”
นางมองบุรุษแต่งกายด้วยอาภรณ์มีราคารู้สึกได้ถึงอำนาจจากตัวของคนตรงหน้าแต่ที่ประหลาดใจมากคือนางไม่เคยรู้จักคนผู้นี้มาก่อน
“บังอาจ!! ทหารจับนางเอาไว้” ท่านอ๋องไป๋เทียนจินสั่งทหารขณะที่สาวตาไม่ได้ละไปจากริมฝีปากสีแดงระเรื่อที่อยู่ภายใต้หน้ากากบนใบหน้านั้น
“ท่านอ๋อง” อี้เหยียนซินเรียกบุรุษที่นางเพียรทอดสะพานเสียงแผ่วเบาพร้อมกับร้องไห้ออกมา
“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
เขามองสตรีบอบบางอย่างสงสารไม่คิดเลยว่าอี้เวยหนิงนั้นจะร้ายกาจได้มากมายเพียงนี้กับพี่แท้ๆ ก็ยังกลั่นแกล้งได้ลงคอนางนิสัยไม่ดีอย่างที่อี้เหยียนซินเคยกล่าวจริงๆ
เขาที่บังเอิญเจอกับอี้เหยียนซินทุกครั้งต้องเห็นนางร้องห่มร้องไห้เพราะถูกกลั่นแกล้งอยู่เสมอโดยที่อดีตแม่ทัพไม่เคยรับรู้เพราะไปปฏิบัติธรรมเสียส่วนใหญ่
“ไม่เป็นไรเพคะ ทุกอย่างเป็นความผิดหม่อมฉันเองขออภัยที่ไม่อาจลุกไปต้อนรับท่านอ๋องได้” นางกล่าวก่อนจะมองไปทางน้องสาวที่ตอนนี้ถูกทหารกุมตัวอยู่
“เจ้าทำเช่นนี้กับนางด้วยเหตุใดกัน” ไป๋เทียนจินหันมาเค้นความกับสตรีร้ายกาจที่ไม่มีทีท่าจะหวั่นเกรงต่อเขาเลยสักนิด
“หม่อมฉันไม่ได้ทำสิ่งใดนางไปนั่งของนางเองตามประสาคนโง่” คนอย่างนางคิดไปกลั่นแกล้งสองแม่ลูกนี้เพื่อสิ่งใดกันช่างคิดได้ราวกับคนไร้ปัญญา
“เจ้าช่างกล้าหาข้ออ้างได้โง่เขลานัก คำล่ำลือถึงความร้ายกาจชั่วช้าของเจ้าเห็นทีว่าคงจะเป็นจริง ท่านอดีตแม่ทัพเป็นคนดีแต่เหตุใดบุตรสาวถึงได้นิสัยเป็นเช่นนี้” ท่านอ๋องชี้หน้าสตรีปากกล้าที่สบตากับเขาอย่างที่ไม่เคยมีผู้กล้าทำมาก่อน
“อำนาจในมือเอามาทำเรื่องเช่นนี้หรือเพคะท่านอ๋อง ชินอ๋องแคว้นฉินบุกจวนผู้อื่นใช้อำนาจโดยมิชอบช่วยสตรีของตนช่างน่าขัน”
ผู้ชายที่ได้ร่ำเรียนมาหลายแขนงแม้สตรีก็ยังดูไม่ออกคนผู้นี้นะหรือที่ใครๆ ต่างก็อยากแต่งไปเป็นพระชายาไม่เห็นว่าจะดูน่าตบแต่งด้วยตรงไหน
“เอานางไปโบยโทษฐานลบหลู่เชื้อพระวงค์เหตุผลเท่านี้คงพอจะลงโทษเจ้าได้”
เดิมทีตั้งใจเพียงช่วยสตรีที่ถูกกลั่นแกล้งยามบิดาไม่อยู่เพราะเขาก็นับถืออดีตแม่ทัพอี้เวยหลงมากไม่อยากมีเรื่ิองเช่นนี้บ่อยนักหากไม่ปรามอี้เหยียนซินคงถูกทำร้ายหนักขึ้นทุกวัน นางเองก็เคยเอ่ยปากว่าหวาดกลัวจนอยากหนีไปอยู่ที่อื่นแต่ทำไม่ได้
“ขออภัยท่านอ๋องคุณหนูของบ่าวไม่เคยพบท่านมาก่อนได้โปรดเมตตาด้วย”
ลู่เจียวสาวใช้คุกเข่าอ้อนวอนสงสารเจ้านายเป็นที่สุดในใจเจ็บแค้นกับเรื่องที่นายไม่ได้เป็นคนก่ออีกทั้งอี้เวยหนิงไม่เคยพบหน้าท่่านอ๋องมาก่อนทำให้แสดงกริยาไม่เหมาะสม
“ข้าจะยอมไม่เอาความหากนางยอมขอโทษ….” สีหน้าแววตาท้าทายอำนาจนั้นทำให้ท่านอ๋องอยากเอาชนะ
“โบยหม่อมฉันเถอะเพคะหากต้องให้ขอโทษนางเห็นทีหม่อมฉันยอมตายเสียดีกว่าเป็นท่านอ๋องแล้วอย่างไรคิดใส่ความผู้ใดก็ได้อย่างนั้นเหรอเพคะ โบยเพราะลบหลู่เชื้อพระวงศ์หม่อมฉันยินดีแต่หากโบยเพราะสองแม่ลูกนั่นเห็นทีหม่อมฉันคงไม่ยอมง่าย”
“เจ้าช่างขี้อิจฉาริษยาทำร้ายได้แม้แต่พี่ตัวเองซ้ำยังไม่ยอมรับผิด” ไป๋เทียนจินมองแววตาท้าทายด้วยความโกรธรู้สึกถูกสตรีลูบคม // อี้เวยหนิงเจ้ามันนางปีศาจข้าจะไม่ยอมปล่อยให้ลอยนวลแน่
“สตรีของพระองค์มีค่าใดให้หม่อมฉันกลั่นแกล้งกันเป็นเพียงลูกอนุการเรียนก็นับว่าโง่เขลาทำตัวอ่อนแอเสแสร้งไร้ค่าไปวันๆ หม่อมฉันต้องอิจฉานางด้วยเรื่องใดเพคะท่านอ๋อง”
นางไม่รู้หรอกว่าใครจะมองนางร้ายกาจอย่างไรแต่การจะเอานางไปโบยได้ก็ต้องมีข้อหาที่ดีกว่านี้เสียหน่อยไม่ใช่ทำไปตามอารมณ์เหมือนพวกไร้สมอง