คนไม่มีสิทธิ์มีเสียงอะไรมากในบ้าน เดินไปซักผ้าทางด้านหลังบ้านด้วยความเหนื่อยล้า เธอปาดเหงื่อที่หยดไปตามใบหน้า ดีใจที่ซักเสื้อผ้าเสร็จเสียที
“แกคงหิวแล้ว กับข้าวฉันครอบฝาชีเอาไว้ แกไปกินสิ” ประโยคของวิภาสร้างความแปลกใจให้แก่เตยหอมไม่น้อย แต่เธอก็แค่รับคำเบา ๆ เท่านั้น
“ค่ะป้าวิ” เตยหอมเดินไปเปิดฝาชีดู พบว่ากับข้าวยังเหลืออีกจำนวนหนึ่ง ไม่ใช่แค่ต้มยำที่มีแต่น้ำ ไก่ทอดที่มีแต่กระดูก และผัดผักที่มีแต่ก้านผัก แม้จะแปลกใจไม่น้อยที่วันนี้วิภาดูใจดีนัก แต่เตยหอมก็ทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ กินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย ในขณะที่วิภามองเรือนร่างสมส่วนของเด็กสาวไม่วางตา
คืนนี้แหละ! ฉันจะได้เงินก้อนใหญ่ใช้หนี้จากแก นังเตยหอม ถือว่าตอบแทนบุญคุณฉันก็แล้วกันที่เลี้ยงดูแกมาหลายปี!!!
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จสิ้น เตยหอมก็เก็บจานชามไปล้าง วิภาจึงเรียกเข้าไปหา บอกว่าจะฝากงานให้เธอในเย็นวันนี้เลย
“จริงเหรอคะป้าวิ”
“จริงสิ เพื่อนฉันเปิดร้านอาหาร แกทำอาหารอร่อย เขากำลังขาดแม่ครัวอยู่พอดี แกไปทำอาหารให้เขากินดูก่อน ถ้าผ่าน แกก็เข้าทำงานได้เลย”
“หนูทำอาหารได้ทุกอย่างค่ะ จะทำให้สุดความสามารถเลยค่ะ” ที่เธอทำอาหารเก่งเพราะชอบศึกษาวิธีการทำอาหารจากตำราและคลิปต่าง ๆ จากยูทูบ นั่นทำให้เธอได้ฝึกฝีมือการทำอาหารมานานหลายปี เพราะวิภาเริ่มให้เธอทำอาหารตั้งแต่มาอยู่ที่นี่สามเดือนแรก โดยอ้างว่าต่อไปจะได้พึ่งพิงตัวเองได้ งานบ้านงานเรือนก็เหมือนกัน วิภาเริ่มให้เธอทำทุกอย่าง บอกว่าเธอจะได้ไม่ลำบากในภายภาคหน้า จะได้รับผิดชอบและพึ่งตัวเองได้ จริง ๆ นั่นคือเหตุของคนเห็นแก่ตัวที่ไม่อยากรับภาระในบ้าน และมีคนใช้ที่ไม่ต้องจ่ายเงินเดือนอย่างเธอ แต่สำหรับเตยหอม เธอมองให้มันเป็นมุมบวกว่าอย่างน้อยเธอก็ทำอะไรเป็นเกือบทุกอย่าง พึ่งพิงตัวเองได้แน่นอน หากวันหนึ่งปีกกล้าขาแข็ง สามารถโบยบินออกไปจากบ้านหลังนี้ได้
“ฉันเชื่อว่าแกทำได้ แกเก่งออกจะตายไป ทำอาหารอร่อย อาหารง่าย ๆ พวกไก่ทอด ต้มยำ ปลาต้ม ปลาทอด ผัดผักอะไรฉันก็เคยชิมฝีมือแกมาแล้ว” วิภาแกล้งยอ แต่นางก็ยอมรับว่าจริง ๆ นั่นแหละ ว่าหลานสาวของสามีคนนี้ทำอาหารอร่อยไม่เป็นสองรองใคร อาหารของเตยหอมที่ทำออกไปขายจึงขายหมดทุกวัน หลัง ๆ นางเลยให้เตยหอมเพิ่มปริมาณจำนวนข้าวกล่องให้มากขึ้นกว่าเดิม นั่นทำให้เตยหอมต้องตื่นตั้งแต่ตีหนึ่งตีสอง ไม่อย่างนั้นจะทำไม่ทันไปขายในตอนเช้า ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนวัยทำงานและเด็กนักเรียนนักศึกษาที่เร่งรีบ ไม่มีเวลาทำอาหารกินเอง
ในเย็นวันนั้นวิภาก็พาเตยหอมไปที่ร้านอาหารของเพื่อน ตามแผนที่ได้ตกลงกันเอาไว้ก่อนหน้านี้
กานดาได้เห็นเตยหอมเข้าก็ยิ้มกับวิภาอย่างพึงพอใจไม่น้อย
“สรุปว่าฉันรับเธอเข้าทำงานเลยนะ” ประโยคนั้นทำให้เตยหอมนึกแปลกใจไม่น้อย
“จะไม่ให้หนูลองทำอาหารให้ชิมดูก่อนเหรอคะ” เตยหอมเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ทำสิ แต่ที่บอกว่าจะรับเข้าทำงานก็เพราะว่าป้าของเธอการันตีว่าเธอทำอาหารอร่อย ฉันกับป้าของเธอก็เป็นเพื่อนกันมานาน อีกอย่างเธอก็ทำอาหารเก่งจริง ๆ ฉันเคยกินอาหารฝีมือของเธอแล้วนี่ จำไม่ได้เหรอ”
ด้วยว่ากานดาไปบ้านของวิภาออกบ่อย ไปทุกครั้งวิภาก็ใช้ให้หลานสาวเข้ามารับใช้ ทำกับข้าวคาวหวานต้อนรับ นางจึงเคยชิมรสมือของเด็กสาวบ่อย ๆ ที่นางไปที่บ้านของวิภาแทบทุกวัน ไม่ใช่อะไรหรอก เพราะวิภาเป็นลูกหนี้รายใหญ่ ทั้งไปให้ยืมเงิน ทั้งไปทวงเงิน วิภาไม่มีเงินใช้ เธอเลยยื่นข้อเสนอที่จะขอตัวเตยหอมเอามาใช้หนี้ เพราะนางรู้ว่าเตยหอมต้องขายได้ราคาดี พอลูกค้าได้เห็นก็ชื่นชอบเตยหอมอยากได้เด็กสาวในทันที แม้ราคาค่าตัวจะแพงลิ่วก็ยอมทุ่ม
“นั่นห้องครัว เธอไปจัดการทำอาหารแล้วก็เอามาให้ฉันลองชิมเลยก็ได้ก่อนเปิดร้าน ซึ่งอีกไม่กี่โมงเธอก็จะได้เป็นแม่ครัวของที่นี่ ดีไหม” ประโยคนั้นทำให้เตยหอมกระตือรือร้นเป็นอันมาก
“ได้ค่ะ จะให้หนูทำเมนูอะไรสั่งมาได้เลยค่ะ”
“เมนูของร้านวางเอาไว้ให้เธอแล้ว วัตถุดิบเครื่องปรุงก็อยู่ในห้องครัวนั่นแหละ ทุกอย่างต้องชั่ง ตวง วัด เปะๆ ไม่งั้นจะขาดทุนเอาได้”
“ค่ะ” เตยหอมรับคำ เมนูอาหารต่าง ๆ ที่ทางร้านให้มามีสูตรจำเพาะอยู่แล้ว เธอสามารถทำตามสูตรและมีพลิกแพลงเพิ่มเติมเข้าไปให้อร่อยยิ่งขึ้นตามความเหมาะสม
กานดาเห็นอาหารก็ยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจไม่น้อย เตยหอมมีความสุขเป็นอันมากที่เธอจะได้ทำงานที่ตัวเองรัก เธอมีความถนัดและสนใจกับการทำอาหารค่อนข้างมาก เวลาโดนป้าสะใภ้ใช้ให้ไปทำอาหาร เธอจึงไม่เคยเกี่ยงงอนหรือบ่นเลยสักครั้ง เพราะมันคือชีวิต คือจิตใจ เธอชอบทำโน่นทำนี่อร่อย ๆ ให้คนอื่นรับประทาน
ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เตยหอมรู้สึกขอบคุณป้าสะใภ้ของตัวเอง ไม่คิดว่าท่านจะทำสิ่งดี ๆ แบบนี้ได้ด้วย
“มาเถอะวิ มารับประทานอาหารด้วยกัน เธอก็ด้วยนะเตยหอม มาชิมอาหารฝีมือตัวเองสิ” กานดาเอ่ยชวนอย่างใจดี
“ไม่เป็นไรค่ะหนูเกรงใจ”
“เกรงใจอะไรกัน เรานี่เสียมารยาทจริง ๆ เลย ป้าเขาจะได้ติชม เราจะได้นำไปพัฒนาไง ไม่ดีหรือไงหึ!” วิภาเอ่ยตำหนิหลานสาว นั่นทำให้เตยหอมต้องทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ใกล้ ๆ กับป้าสะใภ้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เด็กสาวไม่กล้าปฏิเสธอีก
ทั้งสามรับประทานพร้อมกันในขณะที่เตยหอมรู้สึกง่วงนอนเป็นอันมาก แข้งขาของเธออ่อนแรงไปหมดก่อนจะหาวออกมาไม่หยุดปาก
“ทำไมเตยรู้สึกง่วงนอนและอ่อนเพลียขนาดนี้ก็ไม่รู้ค่ะ” เตยหอมพูดออกมาตามตรง
“ไปนอนพักก่อนไหม สงสัยเราจะไม่สบายแน่ ๆ เลย” เธอหาวอีกไม่กี่ครั้ง วิภาก็บอกว่าจะพาไปพักผ่อน
เตยหอมรู้สึกเหมือนกับว่าเธอจะไม่สบาย แต่ก็พยายามฝืน
“ไม่เป็นไรค่ะป้าวิ” เตยหอมบอกว่าไม่เป็นอะไร ก่อนที่จะพยายามฝืนตัวเองเอาไว้อย่างเต็มที่
“เด็กคนนี้ดื้อจริง ๆ เลย”
“หนูไม่ได้เป็นอะไรจริง ๆ ค่ะ หนูสามารถเริ่มงานได้เลย” เธอกลัวจะไม่ได้งานทำ อย่างน้อยก็พอมีเงินเดือนไว้ใช้จ่าย
เธออยากได้เงิน นำมาแก้ปัญหาชีวิตของตนเอง หากมีเงินเธออาจจะคิดทำโน่นทำนี่ได้บ้าง ไม่จมปลักอยู่แบบนี้
“ดื้อจริง ป้าบอกว่าให้พักก่อน ก็พักก่อนสิ” แม้เตยหอมจะปฏิเสธเช่นไร แต่วิภาก็สามารถพาหลานสาวนอกไส้เข้าไปยังห้องพักที่เตรียมเอาไว้ได้
“นอนพักอยู่ที่นี่ก่อนนะ อาการดีขึ้นเมื่อไหร่ค่อยไปทำงาน” วิภาพูดขึ้น ในขณะที่กานดาเดินตามมาเงียบ ๆ มองเรือนร่างของเด็กสาวอย่างพึงพอใจไม่น้อย หุ่นแบบนี้ ผิวแบบนี้ แถมยังบริสุทธิ์ผุดผ่องอีก รับรองว่าลูกค้ารายใหญ่สุดแสนกระเป๋าหนักของเธอจะต้องชอบใจแน่ ๆ
“พักซะนะ” ประโยคเบาแสนเบานั้นดังอยู่ตรงริมหู ในขณะที่เตยหอมอ่อนล้าเหลือเกินที่จะปฏิเสธออกไป
“ค่ะ” เธอจึงรับคำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“แค่นี้ก็เรียบร้อย เราออกไปจากห้องนี้เถอะ เดี๋ยวลูกค้ากระเป๋าหนักของฉันจะเข้ามาจัดการทุกอย่างในห้องเอง” กานดาพูดขึ้น ไม่จำเป็นจะต้องพูดอะไรมาก เสือร้ายหรืออีกนัยหนึ่งก็คือผู้ชายเมื่อเห็นผู้หญิงแสนสวย บริสุทธิ์ผุดผ่อง เขามีวิธีจัดการเหยื่ออันโอชะอยู่แล้ว
“ทุกอย่างจะไม่มีปัญหาแน่นะ” วิภาเอ่ยถามเพื่อนเพื่อความมั่นใจ
“ไม่มีปัญหาแน่นอนจ้ะวิ ถือว่าวิน ๆ กันทั้งคู่ ไม่ดีหรือไง แค่เอาเด็กนั่นมาให้ฉัน เธอก็ปลอดหนี้ ไม่ต้องหาเงินมาใช้หนี้ให้เหนื่อย”