ในตอนเย็นที่โปรดิวเซอร์สาวกลับมาถึงที่พัก เธอก็เห็นว่ามีกล่องอาหารคล้องอยู่ที่ประตูห้อง หญิงสาวไม่ได้ประหลาดใจเลยสักนิดเพราะรู้ว่าเป็นฝีมือของเพื่อนบ้านหนุ่ม
ตลอดระยะเวลาหลายวันที่ผ่านมา ศิระอ้างเรื่องสูตรขนมที่ปรับใหม่แล้วนำขนมมาให้เธอแทบทุกวัน แต่พอเธอชิมจนแทบครบทุกสูตรแล้วก็ยังคงส่งอาหารเมนูต่างๆ มาให้ไม่ขาด
ตอนแรกวารีรัตน์เองก็ไม่ได้เอะใจอะไร แต่การกระทำของเขาที่ดูห่วงใย อาหารส่วนใหญ่ก็เป็นอาหารสุขภาพ เครื่องดื่มที่นำมาให้เป็นเครื่องดื่มสุขภาพ นมเอย น้ำผลไม้เอย ราวกับรู้ว่าเธอดื่มเครื่องดื่มคาเฟอีนไม่ได้
เธอถือถุงอาหารสุขภาพขึ้นมา รู้จักที่จะทิ้งระยะห่างไม่ให้เธออึดอัดจนเกินไป แต่ก็ยังดูแลห่วงใยจนเธอรับรู้ได้
วารีรัตน์ตัดสินใจเดินไปกดกริ่งประตูที่ห้องเพื่อนบ้านหนุ่มเจ้าของคาเฟ่เล็กๆ ที่กำลังจะขยายสาขาที่สอง
ศิระเปิดประตูออกมาพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง “มีอะไรให้พี่ช่วยหรือเปล่าครับ”
“น้ำขอเข้าไปนั่งกินในห้องของพี่ศิระได้ไหมคะ” เธอยกถุงอาหารขึ้นมาแล้วยิ้มบางๆ ให้เขา
เจ้าของห้องหนุ่มรีบผายมือเชิญเธอด้วยความเต็มใจ แล้วถอยออกไปให้เธอเดินเข้ามาได้สะดวกพร้อมทั้งเปิดประตูห้องเอาไว้เพื่อให้เธอสบายใจที่ต้องอยู่ตามลำพังกับเขา
หญิงสาวเห็นดังนั้นก็รู้สึกว่าเขาเป็นสุภาพบุรุษ แต่เธอไม่ถือเรื่องนี้ “ปิดประตูเถอะค่ะ” เธอบอกเขาเสียงนุ่ม
ศิระปิดประตูแล้วเดินไปในครัวเพื่อเตรียมน้ำดื่มและช้อนส้อมให้ จากนั้นก็เดินมานั่งตรงข้ามกับเธอ
หญิงสาวนำกล่องอาหารออกมาเปิดแล้วรับช้อนส้อมจากเขา ก่อนจะตักกินอาหารแล้วยิงคำถามขึ้นมาตามตรง “พี่ศิระรู้อะไรมาเหรอคะถึงทำดีกับน้ำแบบนี้”
เจ้าของห้องวัยสามสิบมองหญิงสาวที่ตนแอบรักด้วยความประหลาดใจที่อีกฝ่ายสงสัยในการกระทำของตน แล้วยอมรับออกมาตามตรงถึงเรื่องที่เขาได้ยิน
“วันนั้นพี่อยู่ตรงระเบียงด้วย แต่พี่ไม่ได้ตั้งใจแอบฟังนะ พี่ยืนอยู่ก่อนแล้ว”
“พี่ศิระก็เลยสงสารน้ำเลยเอาขนมเอาอาหารมาให้น้ำ มาดูแลแทนเขานะเหรอคะ” เธอถามแล้วกินไปด้วยท่าทางสบายๆ ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่ศิระก็อดกังวลใจไม่ได้เพราะท่าทีที่ดูไม่คิดอะไรของเธอ
“พี่แค่อยากดูแลน้ำ แต่...”
เธอเงยหน้ามองเขาแล้ววางช้อนลงแล้วมองเขาให้รู้ว่าเธอรอฟังอยู่
วารีรัตน์เป็นคนฉลาดและเข้มแข็ง เธอถูกคนรักที่คบหากันมาสามปีบอกเลิกแล้วร้องไห้เพียงแค่วันเดียว แต่เขาก็รู้ว่าเธอต้องใช้ความอดทนมากแค่ไหนในการเก็บงำความเศร้าเพื่อลูกในท้อง
และด้วยเหตุนี้หากเขาจะโกหกเธอหญิงสาวก็คงรู้ทันเขาอยู่ดี
“พี่อยากดูแลน้ำและลูก พี่รักน้ำ”
วารีรัตน์ไม่ได้ประหลาดใจกับคำสารภาพของเขาเลยสักนิด เพราะเธอดูออกตั้งแต่แรกแล้ว แต่เมื่อได้ยินก็อดหัวใจกระตุกไหวนิดๆ ไม่ได้
“น้ำท้องนะคะ ไม่มีผู้ชายคนไหนรับลูกในท้องของคนอื่นไว้เป็นลูกตัวเองได้หรอก ตอนแรกอาจจะรับได้แต่พอนานวันไปก็ต้องเอาเรื่องนี้มาทะเลาะกัน” เธอปฏิเสธน้ำใจเขาทางอ้อม
แต่ได้สารภาพไปแล้วศิระจะไม่ปล่อยโอกาสให้สูญเปล่าแน่
“พี่ไม่รู้หรอกนะว่าอนาคตจะเป็นยังไง แต่ว่าพี่รักน้ำและอยากดูแลน้ำให้ดีที่สุด ให้โอกาสพี่ได้ไหม ยังไม่ต้องเปิดใจหรือให้สถานะกับพี่ แต่ให้พี่ได้ดูแลน้ำและลูกนะ” แววตาที่จริงใจและคำพูดที่หนักแน่นนั้นทำให้วารีรัตน์ไม่อยากปิดกั้นตัวเอง
เธอรู้ดีว่าเขารักและหวังดีกับเธออยู่ห่างๆ มาตลอดหลายปี พอรู้ว่าเธอถูกผู้ชายเห็นแก่ตัวอย่างวริศทอดทิ้งจึงอยากเข้ามาดูแลเธอด้วยความจริงใจ
“หรือว่าน้ำยังรอเขาอยู่” ศิระถามตรงๆ ด้วยความใจหาย
วารีรัตน์นิ่งไปสักพัก เธอไม่มั่นใจว่าตัวเองรู้สึกอย่างไรต่ออดีตคนรักที่ทอดทิ้งเธออย่างไม่ไยดี ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ก็ล่วงเลยมาสองสัปดาห์แล้วแต่ไม่มีการติดต่อมาจากเขาเลยแม้แต่สักช่องทาง
เธออาจแค่โกรธเขาแล้วลึกๆ อาจจะยังมีความหวังว่าเขาจะกลับใจได้และเธอก็พร้อมอภัยเพราะอย่างน้อยเขาก็เป็นพ่อของลูก
แต่อีกใจก็บอกว่าคนเดิมอย่างไรก็ยังเป็นคนเดิมถ้าได้ลองเห็นแก่ตัวทอดทิ้งลูกเมียอย่างเลือดเย็นแล้วก็คงไม่มีวันกลับตัวได้ ความคิดสองฝั่งในหัวจึงตีกันวุ่นวายแต่วารีรัตน์เอนเอียงไปอย่างหลังมากกว่า
“ไม่ค่ะ น้ำไม่ได้รอเขา” เธอตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่มั่นใจนัก เพราะจิตใจของคนเรามันเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
เธออาจจะใจอ่อนในภายหลังเพราะว่าเขาคือรักแรก คือพ่อของลูก ไม่อย่างนั้นคงไม่มีคำว่า “ผู้หญิงชอบคนเลว” แม้ผู้ชายทำไม่ดีเท่าไรก็ยังรัก
“ถ้าอย่างนั้นให้โอกาสพี่นะน้ำ พี่รู้ว่าน้ำเข้มแข็งดูแลตัวเองได้ แต่ว่าถ้ามีคนช่วยดูแลปกป้องก็จะดีกว่าดูแลตัวเองไม่ใช่เหรอ” เขาพยายามโน้มน้าวให้เธอยอมรับเขาเข้าไปในชีวิต
วารีรัตน์มองความพยายามของเขาตลอดหลายวันที่ผ่านมา เขาดูแลและใส่ใจเธอดีมาก
‘บางทีของขวัญในวันที่ถูกทิ้งอาจไม่ใช่มีแค่ลูก อาจจะได้คู่ชีวิตดีๆ เข้ามาเป็นของขวัญให้ชีวิตเราด้วยหรือเปล่านะ’
เธออดคิดไม่ได้ว่าเขาอาจเป็นคนที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตเธอ และไม่อยากตัดโอกาสเขารวมถึงโอกาสของตนเอง
“ก็ได้ค่ะ น้ำจะให้พี่ศิระได้ดูแลน้ำกับลูก แต่ในฐานะคนที่หวังดีต่อกันนะคะ น้ำยังไม่พร้อมที่จะรักใครในตอนนี้”
“ครับ พี่เข้าใจ เท่านี้ก็ดีมากแล้วครับ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นยินดี ดวงตาคมกริบฉายแววอ่อนโยนและรักใคร่อย่างไม่ปิดบัง
“วันไหนไปฝากท้องอีกให้พี่พาไปนะ” เขารีบเสนอตัวอาสาเป็นสารถีให้
“ค่ะ” เธอรับปากเขา รู้สึกประหม่าเล็กน้อยกับความสนิทสนมที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
“แล้วมื้อเช้ากับมื้อเย็นพี่จะเป็นคนลงมือปรุงอาหารเองนะ จะได้มั่นใจว่าสารอาหารครบถ้วนและไม่ใส่ผงชูรสเกินปริมาณที่พอดี และคุมน้ำตาลด้วย” เขาศึกษาทุกอย่างเกี่ยวกับคุณแม่ตั้งครรภ์มาเรียบร้อย พร้อมดูแลเธออย่างเต็มที่
วารีรัตน์ยิ้มกว้างจนแก้มแทบฉีก เขาดูตื่นเต้นและตั้งใจกับเรื่องของเธอมาก ต่างกับวริศที่แม้จะรักและคบหากันมาสามปีแต่ก็ต่างคนต่างทำงานไม่ได้มีเวลาดูแลกัน
“ค่ะ ขอบคุณมากเลยนะคะ” เธอไม่ปฏิเสธน้ำใจของเขา เพราะปฏิเสธไปอีกฝ่ายก็หาวิธีโน้มน้าวมาพูดกับเธออยู่ดี
“พี่ต่างหากที่ต้องขอบใจน้ำที่เปิดโอกาสให้”
ศิระเองก็ยิ้มไม่หุบ โชคดีที่เขาไม่เคยถอดใจจากเธอไม่อย่างนั้นคงไม่มีโอกาสได้ดูแลเธอแบบนี้
************************