โชคดีที่เช้านี้ไม่มีอาการวิงเวียนมากเท่าเมื่อวาน วารีรัตน์จึงสามารถไปทำงานได้ตามปกติ
เธอดูแลการถ่ายทำโฆษณาตัวใหม่ที่เกี่ยวกับแว่นสายตา ดูแลการถ่ายทำทุกขั้นตอนตั้งแต่เริ่มถ่ายทำ
“พี่น้ำเอากาแฟไหมครับ” ทีมงานเดินเข้ามาถามในขณะที่เธอกำลังปรับแผนการถ่ายทำใหม่เพราะเจ้าของผลิตภัณฑ์ที่มานั่งดูด้วยไม่ค่อยพอใจในแผนงานเดิมนักทั้งๆ ที่ตอนแรกก็ตกลงไว้แล้วแต่ก็มาแก้ไขหน้างาน
“เอานมเย็นก็แล้วกัน” เธอบอกโดยที่ยังไม่เงยหน้าขึ้นจากแผ่นสตอรี่บอร์ดที่ร่างงานเอาไว้
“นมเย็นคือ นมเย็นสีชมพู นมสดเย็นครับ” เขาถามเสียงเบาด้วยความลังเลเพราะชื่อเมนูเจ้าปัญหา
“นมสดเย็น ไม่หวาน” เธอเงยหน้าขึ้นมาบอกแต่ไม่ได้เหวี่ยงใส่ทีมงาน แต่สื่อให้รู้ว่าตนกำลังยุ่งอยู่
จากนั้นวารีรัตน์ก็เข้าสู่โหมดการทำงานอย่างจริงจัง เธอต้องรีบเคลียร์งานโฆษณาของปีนี้ให้หมดเพราะต้นปีหน้าเธอก็ต้องลาคลอดอย่างน้อยก็สามเดือนตามสิทธิ์ลาคลอด
ในที่สุดการถ่ายทำโฆษณาแว่นตาชุดนี้ก็สิ้นสุดลงพร้อมกับเสียงปรบมือของทีมงาน
“คืนนี้พวกเราเลยจะไปฉลองปิดกองกันไปด้วยกันนะพี่น้ำ” ทีมงานสาววัยยี่สิบสี่เดินเข้ามาชักชวนโปรดิวเซอร์สาวด้วยน้ำเสียงที่สดใส
“ไปกันเถอะ พี่ต้องทำเรื่องจบโทให้ทันก่อนสิ้นเดือนนี้” หญิงสาวปฏิเสธแล้วควักงบส่วนตัวให้กับทีมงานหนึ่งพันบาทเพื่อช่วยค่าเครื่องดื่ม
“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวไหว้รับแล้วเดินไปสมทบกับกลุ่มทีมงานคนอื่นๆ
วารีรัตน์ดูนาฬิกาข้อมือที่บอกเวลาบ่ายสามโมง เธอเดินไปตรวจดูงานแล้วกำชับให้ทีมงานส่งโฆษณาที่ตัดต่อแล้วให้ตรวจสอบภายในกำหนด
เสร็จจากงานหญิงสาวก็ยังไม่ได้ตรงกลับบ้าน เธอไปที่คลินิกผดุงครรภ์เพื่อปรึกษาเรื่องฝากครรภ์และวิธีการดูแลอย่างถูกต้อง
หน้าที่ในการทำงานเธอก็ทำอย่างเต็มที่ หน้าที่ของแม่เธอก็ต้องทำอย่างสุดความสามารถเช่นกัน
ในขณะเดียวกันวริศที่เพิ่งกลับมาจากกองถ่ายละครก็ทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟา ในหัวเอาแต่ครุ่นคิดเรื่องวารีรัตน์และเด็กในท้อง ไม่ใช่ความรู้สึกผิดแต่อย่างใด
เขากำลังคิดว่าเธอจะสร้างปัญหาให้เขาไหม จะเอาเด็กมาพูดกับนักข่าวเพื่อดิสเครดิตเขาหรือเปล่า ตอนนี้อนาคตของเขากำลังจะเติบโตได้ดีในเส้นทางนี้จึงไม่อยากมีใครเข้ามาขัดขวางความเจริญของตน
ยอมรับว่าเขารักเธอและสบายใจที่อยู่ด้วย แต่ตอนนี้เธอไม่ใช่ความสบายใจของเขาอีกต่อไป วารีรัตน์กับเด็กในท้องของเธอกำลังเป็นเซียนหนามที่ทิ่มแทงจิตใจให้เขาอยู่อย่างไม่เป็นสุข
จากความรักที่มีให้ ในตอนนี้มันกลับกลายเป็นความหวาดระแวงและกังวลว่าอีกฝ่ายจะมาแฉเรื่องที่ตนบอกเลิกและรู้สึกเกลียด
เกลียดที่เธอไม่ทำตามที่เขาต้องการ เกลียดที่เธออยากเก็บเด็กไว้ทั้งๆ ที่ก็รู้อยู่ว่าเขาไม่พร้อม
เหมือนเธอตั้งใจจะเป็นตัวถ่วงของเขา!
เมื่อความเห็นแก่ตัวและความหลงใหลในชื่อเสียงเงินทองเข้ามาครอบงำ ความรักที่เคยมีก็ถูกลืมเลือนออกไปจากหัวใจ ในตอนนี้วริศยังไม่รู้ตัวว่าตนเองกำลังตกอยู่ในภาวะเห็นแก่ตัวโดยสมบูรณ์แล้ว
************************
เช้าวันหยุดศิระลงมือทำอาหารเช้าเพื่อนำไปให้แก่เพื่อนบ้านสาว
ข้าวต้มหมูสับที่แสนธรรมดาถูกปรุงอย่างตั้งใจ หลังจากทำอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้วเขาก็ตักใส่ถ้วยวางบนจานรองถือออกไปหาเธอที่ห้อง
เสียงกดกริ่งหน้าห้องพักทำให้หญิงสาววัยยี่สิบหกงัวเงียตื่นขึ้นมาด้วยอาการเวียนศีรษะเล็กน้อย เธอรู้สึกใจเต้นแรงเมื่อคิดว่าเป็นใครที่มาหาเธอ แม้จะตัดใจจากวริศแล้วแต่ลึกๆ ก็ยังคงหวังให้เขากลับมารับผิดชอบเธอและลูก อย่างน้อยก็คิดในแง่บวกว่าเขาอาจจะเหนื่อยเกินไปแล้วจึงพูดไม่ดีกับตน
แต่อีกใจก็บอกตัวเองว่า ถ้าเขากล้าที่จะบอกให้เธอยุติการตั้งครรภ์เขาก็ไม่เหมาะสมที่จะแฟนที่ดีของใคร และหากเธอให้อภัยเขาอย่างง่ายดายเธอก็ไม่ต่างอะไรจากผู้หญิงหน้าโง่
เธอยืนอยู่หน้าประตูห้อง ส่องผ่านช่องตาแมวที่ติดอยู่ พอเห็นว่าเป็นเพื่อนบ้านวัยสามสิบก็งุนงงเล็กน้อย
มือเรียวเปิดประตูออกแล้วยืนจ้องมองเขาด้วยสายตาที่ตั้งคำถาม ศิระไม่เคยมาวุ่นวายกับเธอที่ห้อง ปกติเจอกันแล้วทักทายกันเสียมากกว่า
“พอดีพี่ทำข้าวต้มเลยแบ่งมาให้น่ะ” เขาบอกจุดประสงค์ในการรบกวนเธอ
หญิงสาวมองข้าวต้มที่ส่งกลิ่นหอมน่ากินตรงหน้าแล้วยิ้มรับน้ำใจนั้นเอาไว้ “ขอบคุณนะคะพี่ศิระ”
“ไม่เป็นไรครับ พี่ต้องขอโทษที่มารบกวนตอนเช้าไม่รู้ว่าน้ำกำลังพักผ่อนอยู่”
“น้ำเพิ่งตื่นพอดีค่ะ กำลังจะหาอะไรกินอยู่พอดีขอบคุณอีกครั้งนะคะ” เธอพูดตัดบทเขาแล้วรับถ้วยข้าวต้มนั้นมาถือไว้
ดวงตาที่ไม่ได้ดูบอบช้ำจากการร้องไห้มาทำให้เขารู้สึกหายห่วงไปได้เปลาะหนึ่ง อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้ร้องไห้เมื่อคืนนี้
“งั้นพี่ขอตัวนะครับ” เขาเป็นฝ่ายขอตัวเดินกลับไปที่ห้องเพราะไม่อยากรบกวนเวลาส่วนตัวเธอ
วารีรัตน์ถือถ้วยข้าวต้มนั้นไปวางที่โต๊ะกินข้าว เธอกำลังจะเอาน้ำพริกกากหมูที่ซื้อมาโรยในข้าวต้ม แต่พอเปิดออกมาได้กลิ่นกระเทียมเจียวที่อยู่ในน้ำพริก เธอก็รู้สึกเหม็นจนทนไม่ไหวแล้วรีบปิดฝาลงอย่างรวดเร็ว
“อย่างน้อยฉันก็รู้แล้วว่าตัวเองแพ้กลิ่นกระเทียมเจียว นี่สินะอาการแพ้ท้องเบื้องต้น” เธอบ่นพึมพำกับตัวเอง โชคดีที่ได้ยาจากคลินิกมาจึงไม่ได้มีอาการแพ้ท้องอะไรมากนัก
หญิงสาวตักกินข้าวต้มที่เพื่อนบ้านใจดีนำมาให้จนหมด จากนั้นก็นำถ้วยจานไปล้างให้สะอาดเตรียมจะนำไปส่งคืนเขาภายหลัง
แต่เธอไม่ต้องรอเอาไปส่งเขา ในตอนสายศิระก็มากดกริ่งห้องเธออีกครั้งเพื่อนำของว่างมาให้
“พี่ปรับสูตรขนมใหม่น่ะ ช่วยชิมและวิจารณ์ที” เขาบอกจุดประสงค์การมาให้เธอฟัง
วารีรัตน์จึงได้โอกาสนำถ้วยและจานมาคืนเขาพร้อมกับกล่าวขอบคุณอีกครั้ง “ขอบคุณนะคะสำหรับข้าวต้มเมื่อเช้าขนม”
“พี่รบกวนน้ำหรือเปล่า”
“ไม่เลยค่ะ ดีเสียอีกน้ำได้กินของฟรี” เธอพูดติดตลกกับเขาอย่างสบายใจ
ก่อนหน้านี้เกรงใจคนรักจึงไม่ค่อยอยากผูกมิตรกับเพศตรงข้ามเสียเท่าไร แต่ตอนนี้เขาทิ้งเธอไปแล้วการผูกมิตรกับเพื่อนบ้านหนุ่มก็คงไม่ใช่เรื่องเลวร้าย
ริมฝีปากหยักยกยิ้มด้วยความดีใจ “ถ้าไม่เป็นการรบกวนจนเกินไป พี่จะขอให้น้ำช่วยชิมบ่อยๆ ได้หรือเปล่า ช่วงนี้พี่ปรับสูตรขนมใหม่นะกลัวว่าลูกค้าจะไม่ชอบ อยากมีคนช่วยวิจารณ์” เขาเอาเรื่องนี้มาอ้างเพื่อที่จะได้ดูแลเธอ อย่างน้อยก็เรื่องอาหารการกิน
“ได้ค่ะน้ำยินดีช่วย พี่ศิระขยันจังเลยนะคะปรับสูตรขนมเองแบบนี้ เอาไว้น้ำว่างจะหาโอกาสไปนั่งกินขนมที่ร้านของพี่นะคะ” เธอบอกด้วยน้ำเสียงที่สดใส
“ขอบคุณล่วงหน้านะที่จะชิมขนมช่วยพี่” เขาพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ยิ้มให้แล้วเดินกลับห้อง ไม่ได้ชวนสนทนาให้ยืดยาวเพราะเกรงว่าเธอจะอึดอัด
วารีรัตน์ปิดประตูห้องแล้วเธอมองขนมน่ากินในมือ อย่างเธอก็ยังมีคนดีๆ เข้ามาในชีวิตแม้จะอยู่ในรูปแบบเพื่อนบ้านก็ยังดีกว่าเธอไม่เหลือใคร
************************