ตอนที่ 7 เก็บดอกบัว

1759 Words
ผ่านมาเจ็ดวัน เฉินเฟยหย่ามานอนค้างกับไป๋อวี่ทุกคืนไม่เคยขาดอย่างที่เคยว่าไว้จนทำให้บรรดาชายาเอก ชายารองและสนมคนอื่น ๆ รู้สึกอิจฉาไป๋อวี่ขึ้นมากะทันหัน บ้างคิดไปว่าอ๋องผู้นี้คงจะโดนมนต์ดำหรือไม่ก็ถูกเล่ห์เหลี่ยมจากองค์ชายที่เขาเกลียดชังน้ำหน้าเป็นแน่ แต่ไหนแต่ไรมาร่วมหลับนอนด้วยก็เพราะอยากทำลายความสูงศักดิ์ขององค์ชายต่างแคว้น หลายครั้งเข้าเริ่มคิดว่าสนุกที่ได้ย่ำยีร่างกายและความรู้สึกของอีกฝ่ายจนหาเวลาไปค้างคืนด้วยบ่อย ๆ แต่ก็ไม่มีครั้งไหนที่เหมือนครั้งนี้ เฉินเฟยหย่านอนกับไป๋อวี่เจ็ดคืนจนลืมว่าต้องไปหาชายาเอกอย่างลู่เยว่ชิง บุตรของขุนนางฝ่ายซ้ายผู้มีสิทธิ์กุมอำนาจการคลังของราชวงศ์ สร้างความไม่พอใจให้กับนางเป็นอย่างมาก เช้าวันนี้จึงมีคำสั่งให้สนมอย่างไป๋อวี่เข้าเฝ้าชายาเอกตั้งแต่เช้าตรู่ ไป๋อวี่โค้งคำนับต่อหน้าลู่เยว่ชิงอย่างอ่อนน้อมรู้ฐานะของตัวเอง พลางระแวดระวังว่าจะมีสิ่งใดเกิดขึ้นหรือไม่ เพียงแค่เห็นใบหน้าของบุรุษผู้งามล่มเมืองก็ทำให้นางโมโหจนเส้นเลือดปูดขึ้นตรงขมับ เผลอโยนจอกชาใส่ไป๋อวี่ เพล้ง เสียงจอกชาตกกระทบพื้นเพราะไป๋อวี่เอี้ยวตัวหลบ แล้วรีบก้มหน้าลงกับพื้นพูดว่า “กระหม่อมกระทำสิ่งใดให้พระองค์เคืองพระทัยหรือ” “เฮอะ เจ้า ไม่สมควรจะมาเสนอหน้าตรงนี้เสียด้วยซ้ำ เหตุใด ต่อหน้าข้ายังแสแสร้งแกล้งทำเป็นไร้เดียงสา” ลู่เยว่ชิงแสยะยิ้มมองร่างบางที่ตัวสั่นหวาดกลัว “อภัยให้กระหม่อมด้วยเถิด กระหม่อมไม่รู้จริง ๆ ว่ากระทำสิ่งใดผิดไป” ไป๋อวี่ยังคงเล่นละครตามบทที่เขียนเอาไว้ “เจ้าคงจะลืมไปกระมังว่าต้องเข้ามาคำนับข้าทุกเช้า ดื่มชาที่ข้าเตรียมเอาไว้ให้ แล้วก็อย่าหว่านเสน่ห์ใส่ท่านอ๋องให้มากนัก” นางบีบแก้มของไป๋อวี่ แสยะยิ้มเยือกเย็น แล้วสั่งให้คนเตรียมถ้วยโอสถยื่นให้ “เห็นว่าเจ้าไม่สบาย ดื่มให้หมดเถิด คิดเสียว่าข้าเป็นพี่สาวที่คอยดูแลเจ้ายามเจ็บป่วย” เฮ้อ คนในตำหนักอ๋องนี่เป็นอะไรกันไปหมด เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ที่แห่งนี้มีจิตแพทย์หรือไม่ ไป๋อวี่คิดในใจรีบก้มหัวแนบพื้นขอโทษพระชายาอีกครั้งพลางรับถ้วยโอสถสีดำกลิ่นแรงจากนางกำนัล เขามองทุกคนที่กำลังลุ้นให้ดื่มโอสถถ้วยนี้จนคิดว่าแปลกเกินไป จึงพูดว่า “ขอบพระทัยพระชายา กระหม่อมจะดื่มให้หมดเพื่อตอบแทนความมีน้ำใจของพระองค์” ครั้นได้เห็นรอยยิ้มของลู่เยว่ชิง เขายกถ้วยโอสถขึ้นเตรียมจะดื่ม แต่แล้วอาการเจ็บหัวใจก็กำเริบขึ้นมาอีกครั้ง ตึกตัก ตึกตัก มือของไป๋อวี่สั่นจนถ้วยโอสถตกลงพื้น เขากุมหน้าอกของตัวเองแล้วล้มลงนอนด้วยความเจ็บปวด พลางกระซิบว่า “หลิวเมิ่ง ขอเบิกเลือดห้าสิบคะแนนเดี๋ยวนี้” เมื่อได้ของที่ต้องการแล้ว ไป๋อวี่ก็กระอักเลือดต่อหน้าพระชายาในทันทีแล้วแกล้งหมดสติไปเหมือนวันนั้น พลันได้เห็นสีหน้าพึงพอใจของลู่เยว่ชิงที่ปิดไว้ไม่มิด โอสถนี้คงจะเป็นยาที่ทำร้ายร่างกายของไป๋อวี่มาตลอดสินะ น่าสงสารจริง ๆ เขาคิดในใจ หูสองข้างได้ยินเสียงนางกำนัลรีบกุลีกุจอช่วยกันพาร่างของไป๋อวี่กลับมาที่เรือนน้อย โดยไม่สนใจจะเรียกหมอมาตรวจอาการ แต่ช่างมันเถอะ เพราะไป๋อวี่คนนี้ไม่สนใจอะไรเทือกนั้นอยู่แล้ว ดีเสียอีกที่เวลานี้จะมีเวลาว่างได้ทำสิ่งที่ตนเองชอบ ได้แต่หวังว่าคนที่ไม่อยากเห็นหน้ามากที่สุดจะไม่โผล่มาตอนนี้ ผ่านไปสามวัน ระบบผู้ช่วยปรากฏตัวขึ้นอย่างเคย “โฮสต์ เนื้อเรื่องตอนต่อไปจะต้องลงไปเก็บดอกบัวมาถวายให้พระชายาแล้วจมน้ำเพราะไม่มีใครรู้ว่าไป๋อวี่ว่ายน้ำไม่เป็น” หลิวเมิ่งทวนให้เขาฟังพลางเปิดคลังสะสมของประกอบฉากให้ดู เผื่อว่าไป๋อวี่จะแลกคะแนนกับของข้างในนั้น “แค่นั้นเอง ไม่ต้องแลกหรอก” ไป๋อวี่ส่ายหน้าแต่เปิดคลังของกินที่อยู่ทางด้านซ้ายเลือกชุดชาบูหมาล่าพร้อมทานหนึ่งชุดอย่างอารมณ์ดี จนกระทั่งถึงเวลาที่ไป๋อวี่ถูกเรียกให้ไปพบพระชายาเอกที่ศาลาสระบัวอีกครั้ง ในศาลาแห่งนั้น เฉินเฟยหย่ากำลังคลอเคลียบรรดาชายาของตนอย่างไม่สนสายตาของนางกำนัลบ่าวรับใช้คนสนิท อ๊าก อยากได้น้ำยาล้างตา แต่เสียดายไม่มีให้แลกซื้อ ไป๋อวี่ส่ายหน้าถอนหายใจ แล้วก้มหน้าเข้าไปหาทุกคนอย่างเจียมตัว เพราะเป็นคนเดียวที่ไม่มีพรรคพวกข้างกายหรือแม้แต่บ่าวรับใช้ “มาแล้วหรือ” ลู่เยว่ชิงเอ่ยปากทักแล้วหันไปออดอ้อนเอาใจเฉินเฟยหย่าต่อ พยายามนัวเนียเพื่อแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของแล้วถือว่าเป็นสตรีผู้กุมอำนาจใหญ่ที่สุดในตำหนักแห่งนี้ “ชายาของข้าอยากได้ดอกบัวสีขาว เจ้ารีบไปเก็บมาถวายเร็วเข้า” เฉินเฟยหย่าออกปากสั่งไป๋อวี่ ทั้ง ๆ ที่รอบตัวก็มีบ่าวรับใช้หลายคนยืนรอฟังคำสั่ง “ท่านพี่ น้องก็อยากได้ดอกบัวมาประดับไว้ที่ห้องนอนเหมือนกันนะเพคะ” เสียงหวานสดใสจากชายารองดังขึ้น “น้องลี่กันของข้าก็ด้วยหรือ แล้วเจ้าล่ะสวีต้าเหนิงอยากได้หรือไม่” เฉินเฟยหย่าปรายตามองชายารองทั้งสองคนพลางรอฟังคำตอบ การกระทำแสนอ่อนโยนต่อหน้าสตรีทำให้ไป๋อวี่หน้ามุ่ย ไอ้คนเสแสร้ง ดูเหมือนพวกนางจะไม่รู้เลยว่าเฉินเฟยหย่ามีด้านที่โหดเหี้ยมเย็นชาซ่อนอยู่มากกว่าที่เคยเห็น และด้านนั้นก็ถูกเปิดเผยให้ไป๋อวี่ได้สัมผัส เขาถูกส่งไปที่เรือนเล็กที่อยู่ห่างไกลก็เพราะเฉินเฟยหย่าจงใจจะระบายอารมณ์ดิบเถื่อนกับไป๋อวี่แต่เพียงผู้เดียว “ดอกบัวมากมายถึงเพียงนั้น กระหม่อมเกรงว่าเก็บคนเดียวคงจะไม่ไหว ให้บ่าวรับใช้ช่วยสักคนได้หรือไม่” ไป๋อวี่ถามเฉินเฟยหย่า ไม่ได้คาดหวังจะได้รับความช่วยเหลือแต่บทนิยายมาแบบนั้น และคำตอบที่ได้ก็คือ “เจ้าไม่เห็นหรือว่าบ่าวรับใช้ต่างมีงานล้นมือ ไม่มีผู้ใดว่างเช่นเจ้า เหตุใดยังถามไม่รู้ความ ความคิดเลอะเลือนถึงเพียงนี้เชียวหรือ” อ๋องหน้าตายถอนหายใจ “เช่นนั้นรอกระหม่อมสักสามวันคงจะเก็บไปถวายให้พระชายาได้จนครบ อย่าถือสาหาความกับความล่าช้าของกระหม่อมก็แล้วกัน” เขาเอ่ยต่อปากต่อคำเพราะลืมตัว จึงรีบพูดเสริมต่อ “กระหม่อมแค่กลัวว่าจะตกน้ำเพราะว่ายน้ำไม่เป็น ตอนวัยเยาว์เคยจมน้ำมาก่อน ฝ่าบาท กระหม่อมขอบ่าวรับใช้ไปเป็นเพื่อนสักคนได้หรือไม่” เหตุการณ์จมน้ำเกิดขึ้นเมื่อไป๋อวี่มาถึงที่แคว้นแห่งนี้ช่วงแรก ๆ วันนั้นเขากำลังเดินอยู่เพียงลำพัง จู่ ๆ เฉินเฟยหย่าก็เข้ามาแกล้งผลักตกสระบัว โชคดีที่วันนั้นเหอเสวี่ยอิงมาช่วยได้ทันเวลาจึงเอาชีวิตรอดมาได้ ครั้นพูดถึงเรื่องนี้แล้ว เฉินเฟยหย่ากลับนิ่งเฉยเพราะจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตนเองเป็นคนผลักไป๋อวี่ และวันนี้ก็ยังทำตัวใจร้ายเหมือนเดิมด้วยการให้ไป๋อวี่นั่งเรือน้อยไปเก็บดอกบัวกลางสระน้ำเพียงลำพัง เมื่อเรือไม้ลอยออกมาไกลจากฝั่งแล้ว ไป๋อวี่รู้สึกราวกับว่าได้รับอิสระ ดึงดอกบัวหลากหลายสีขึ้นมาไว้บนเรือเพียงพริบตาเดียวก็ได้จำนวนครบตามที่เหล่าชายาต้องการแล้ว รอก็แต่เพียงฉากจมน้ำเท่านั้น “หลิวเมิ่ง อีกนานไหม” ไป๋อวี่ถามระบบช่วยเหลือ หันหลังให้ฝั่งศาลาเพื่อไม่ให้ใครเห็นว่ากำลังนั่งกินน้ำแข็งใสอย่างเอร็ดอร่อยพลางดูปลาในน้ำแหวกว่ายไปมา “อีกหนึ่งก้านธูปขอรับ” หลิ่วเมิ่งดูเวลาแล้วยื่นไอติมโมจิไส้ถั่วแดงให้ไป๋อวี่สองก้อน ขณะกำลังพูดคุยกับหลิวเมิ่งเพลิน ๆ ระบบช่วยเหลือก็ร้องเตือนขึ้นมาว่าได้เวลาเข้าฉากสำคัญแล้ว ด้านหลังเรือลำน้อยมีมือของคนสองคนเกาะที่ขอบเรือแล้วเขย่าอย่างแรงหวังจะให้ไป๋อวี่ตกน้ำ คนที่อยู่ในศาลาไม่มีใครสนใจไป๋อวี่เลยสักคนเพราะมัวแต่นัวเนียอย่างออกรสใต้แสงตะวันร้อนแรง บ่าวรับใช้หันหน้าหนีไปอีกฝั่งหนึ่งเพราะรู้สึกเอียงอายแทนที่ได้เห็นภาพเช่นนั้นของเจ้านาย ตัวของไป๋อวี่ไม่ทันได้ส่งเสียงร้องใด ๆ ก็ตกลงไปในน้ำตามแผนของใครบางคนในศาลา เมื่อลงไปใต้น้ำแล้ว ไป๋อวี่มองหน้าบ่าวรับใช้สองคนที่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลัง แล้วสั่งให้หลิวเมิ่งจำให้ไว้ให้ชัด ๆ เพื่อจะได้ไปสืบว่าเป็นคนของใครในวันหลัง แล้วเริ่มไป๋อวี่การละครฉากจมน้ำต่อ มือสองข้างและเสียงร้องขอความช่วยเหลือของไป๋อวี่ทำให้คนที่อยู่ในศาลาหยุดพักกิจกรรมชั่วคราวมองมาทางต้นเสียง “ช่วยด้วย” ไป๋อวี่ร้องเพียงครั้งเดียวเพื่อเก็บลมหายใจไว้อยู่ใต้น้ำเพราะเขาต้องรอจนกว่าใครสักคนจะมาช่วยเหลือ เวลานี้ร่างของไป๋อวี่จมหายไปใต้น้ำเรียบร้อย แต่ด้านบนศาลายังคงนิ่งเฉย เหล่าชายากังวลใจเล็กน้อย ไม่อยากจะเชื่อว่าคนอย่างไป๋อวี่จะว่ายน้ำไม่เป็น และคนที่นิ่งที่สุดกลับเป็นเฉินเฟยหย่าที่คิดว่าองค์ชายจากโพ้นทะเลกำลังกลั่นแกล้งเพื่อเรียกร้องความสนใจจึงคิดจะปล่อยเอาไว้อย่างนั้นครู่หนึ่ง หากแต่ว่า ใครบางคนที่เดินมาทางนี้พอดีเห็นผิดสังเกตุจึงกระโดดลงไปในน้ำเพื่อช่วยเหลือไป๋อวี่โดยไม่สนใจสายตาของทุกคน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD