หลังจากถูกหิ้วตัวมาไว้ที่เรือนน้อยของตนเองแล้ว ไป๋อวี่โดนทิ้งให้นอนแน่นอนนิ่งอยู่เพียงลำพัง แต่เดิมมีชิวเหลียนคอยหายาและอาหารมาให้ เวลานี้ไม่มีใครอยู่เคียงข้างสักคน
แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่ไป๋อวี่กังวลใจ
“เย้! ได้อยู่คนเดียวสักที ถ้านับจากตอนนี้ก็เหลือเวลาอีกหนึ่งวันครึ่งใช่ไหมกว่าเจ้าอ๋องนั่นจะกลับมา” เขาถามหลิวเมิ่งเพื่อวางแผนการแสดงฉากต่อไป
“ขอรับ” ระบบช่วยเหลือตอบอย่างอารมณ์ดีเพราะเนื้อเรื่องในนิยายกำลังไปได้สวย
“ฉันขอแลกยี่สิบคะแนนกับข้าวขาหมูอวบ ๆ แล้วก็ชานมไข่มุกเพิ่มวิปครีม” องค์ชายตัวประกันยิ้มกว้างรอของโปรดอย่างใจจดใจจ่อ
“โฮสต์ ข้าน้อยคิดว่าต้องกินให้น้อยลงบ้างนะขอรับ โฮสต์โดนขัง งดข้าวงดน้ำเจ็ดวัน แล้วก็ยังจะไม่มีใครหาอาหารมาให้อีกสองวันต่อจากนี้ ต้องผอมลงบ้างสิขอรับ” หลิวเมิ่งมองร่างกายของไป๋อวี่ที่ไม่เหมือนคนอดอยากแล้วอดเตือนไม่ได้ ถึงตัวละครในนิยายจะดำเนินเรื่องไปตามนั้น แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะฉุกคิดไม่ได้หากเห็นสิ่งใดแปลกไป และนั่นก็อาจทำให้เนื้อเรื่องเปลี่ยนไปเป็นได้
“ทำไงได้เล่าหลิวเมิ่ง ฉันเกิดมาเพื่อกินของอร่อย ๆ ถ้าต้องงดของพวกนั้น ฉันจะมีชีวิตอยู่ไปทำไม แล้วก็ คนที่ร่างกายบาดเจ็บสาหัสขนาดนั้น ไม่ได้รับการรักษา ไม่ได้กินอะไรเลย ถ้าเป็นเรื่องจริง ป่านนี้ไม่ใช่ว่าต้องตายแล้วเหรอ” เหตุผลของไป๋อวี่ผู้นี้ทำให้หลิวเมิ่งเหงื่อตก มองหาอุปกรณ์ประกอบฉากที่จะลบพุงกะทิน้อยยามที่ไป๋อวี่กินอิ่มออก
“ถ้าอย่างนั้นโฮสต์ต้องแลกสามร้อยคะแนนกับซีจีสร้างร่างบอบบางจนเห็นกระดูก” ระบบช่วยเหลือแสดงให้เขาดูอุปกรณ์หน้าแปด
“เอาแบบนั้นก็ได้ ฉันยังมีคะแนนเหลือเฟือ” ไป๋อวี่เช็ดปากแล้วดูดชานมสองอึกใหญ่ พูดต่อ “ฉันขอเม็ดถั่วเขียวโหลใหญ่หนึ่งใบ โหลกลางสองใบ แล้วก็โหลเล็กสามใบ”
“ทั้งหมดที่สั่งได้แล้วขอรับ” หลิวเมิ่งวางขวดโหลทั้งหมดไว้ให้ไป๋อวี่ “สู้ ๆ ขอรับ ขาน้อยขอลาพักผ่อน” จากนั้นก็หายวับไป
ช่วงเวลาว่างระหว่างฉากถัดไป ไป๋อวี่ไม่รอช้าให้เวลาผ่านไปเฉย ๆ รีบนับเม็ดถั่วเขียวสะสมคะแนนไปแลกของจำเป็นเพื่อใช้ในฉากถัดไปอย่างมีสมาธิและสติตั้งมั่น
มิเช่นนั้นแล้ว เขาจะต้องเปลืองเนื้อเปลืองตัวเป็นตัวตายตัวแทนจริง ๆ ของตัวละครนี้แน่ ๆ ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้โดยเด็ดขาด
ถ้าไม่มีระบบมาคอยควบคุม เขานึกอยากจะลองแลกหมัดกับเฉินเฟยหย่าให้รู้แล้วรู้รอด สิ่งที่คนผู้นั้นทำกับไป๋อวี่มันเลวร้ายมากเกินไป
ตอนที่อ่านนิยายเรื่องนี้มาผ่านไปแต่ละบท เขาก็กุมหัวถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่าว่าฉันกำลังอ่านอะไรอยู่หรือนี่ ทำไมทุกอย่างมันดูมืดมนขนาดนี้ พระเอกอย่างเหอเสวี่ยอิงจะโผล่มาตอนไหน ใครก็ได้มาช่วยไป๋อวี่ที
นึกไม่ถึงว่าคนที่ไป๋อวี่ขอให้ช่วยจะเป็นตัวเอง
จะว่าไปแล้ว เข้ามาในนิยายทั้งทีไปที่จุดเริ่มต้นคงจะธรรมดาไปสินะ ถึงได้พามาเริ่มที่จุดหายนะอย่างคืนวันนั้น
ผ่านไปสองวัน ฉากต่อไปจึงได้เริ่มต้นขึ้น
เฉินเฟยหย่าเดินมาหาไป๋อวี่ที่เรือนเล็ก เห็นเจ้าตัวนั่งพิงหมอนอิงอยู่และมีสีหน้าสดใสขึ้นบ้างจึงถามออกไป
“ดีขึ้นแล้วหรือ” น้ำเสียงของเขาเรียบเฉยแต่มีความนัยแฝงอยู่
“อื้ม” ไป๋อวี่พยักหน้าน้อย ๆ ให้สมบทบาทคนที่เพิ่งฟื้นจากอาการบาดเจ็บ กระแอมไอเล็กน้อยราวกับเป็นหวัดนิดหน่อย
ทว่า เฉินเฟยหย่ากลับฉีกยิ้มกว้างเดินมานั่งบนเตียง ปลายจมูกสูดดมกลิ่นหอมที่ซอกคอของไป๋อวี่จนเจ้าตัวสะดุ้งโหยง
หลิวเมิ่ง นี่มันนอกบทหรือเปล่า ทำไมตอนอ่านไม่เห็นมี เขาไม่ได้เตรียมตัวรับมือกับเรื่องพวกนี้ ขณะที่กำลังคิดว่าเกิดอะไรขึ้นก็ไม่ทันได้ระวังว่ามือของอ๋องผู้นี้จะเลื่อนต่ำลงไปจับของส่วนนั้นของตัวเอง
ไป๋อวี่โต้ตอบตามสัญชาตญาณตบใบหน้าของเฉินเฟยหย่าจนเป็นรอยนิ้วทั้งห้าดังเพียะ
“ทำอะไรของเจ้า” เสียงตวาดของเขาทำให้ไป๋อวี่รีบขอโทษขอโพย
“ท่านอ๋อง กระหม่อมไม่ได้ตั้งใจ คือว่า... คือว่าพระพักตร์ของพระองค์มียุงตัวใหญ่เกาะอยู่ กระหม่อมเพียงอยากช่วยเท่านั้น” เขาพูดจบก็แบมือที่มีซากยุงตัวเขื่องกับเลือดอยู่ใจกลางฝ่ามือข้างที่เงื้อมไปตบหน้า
เฉินเฟยหย่าดูจะไม่เชื่อว่าเป็นเรื่องบังเอิญ แต่เมื่อเห็นหลักฐานคาตาจึงคิดจะปล่อยผ่าน
“ตรงนี้ยังมีรอยเลือดเปื้อนอยู่ กระหม่อมเช็ดให้...” ไป๋อวี่จับชายแขนเสื้อค่อย ๆ เช็ดใบหน้าให้เขาอย่างอ่อนโยน ทั้งที่ในใจนึกอยากจะตบอีกสักข้างที่บังอาจมาจับของส่วนนั้นของตัวเอง
นี่มันคุกคามทางเพศชัด ๆ แต่เสียดายโลกนิยายไม่มีตำรวจ แล้วตาอ๋องคนนี้ก็ดันใหญ่ที่สุด อำนาจล้นวังรองจากฮ่องเต้ผู้เป็นพี่ชาย องค์ชายอย่างไป๋อวี่จะไปเรียกร้องอะไรได้ แถมแต่งเข้ามาเป็นสนมจวนอ๋อง มิใช่ว่าอย่างไรก็ต้องฝืนทนหรอกหรือ
โชคดีที่คะแนนสะสมเหลือเฟือ ไป๋อวี่จึงเลือกซากยุงลายกับเลือดปลอมออกมาใช้ได้ทันเวลา เอาคืนให้หายคับแค้นใจได้บ้าง
ครั้นถึงเวลาที่ต้องเข้านอน เฉินเฟยหย่ามือไม้อยู่ไม่สุขจับใบหน้าของไป๋อวี่แล้วเลื่อนไปกดท้ายทอยเข้ามาหาตนเองเพื่อจะจุมพิต ริมฝีปากเผยอเตรียมประกบอีกฝ่ายราวกับจะกลืนกิน
ทันใดนั้น ไป๋อวี่ก็รีบคว้าคอของเฉินเฟยหย่ากดลงที่เตียงนอน ดีดนิ้วหนึ่งครั้งส่งสัญญาณให้หลิวเมิ่ง แสยะยิ้มมีแผน
สามร้อยคะแนน ตัดเข้าฉากโคมไฟ
ไป๋อวี่ยังคงแลกคะแนนอื่น ๆ มาเพิ่มเพื่อจัดฉากค่ำคืนแสนดุเดือดระหว่างคนทั้งคู่
เช้าวันต่อมา
เฉินเฟยหย่าตื่นแต่เช้าตรู่ สีหน้าสดชื่นราวกับผ่านช่วงคืนวันแสนสุขกับไป๋อวี่มาหมาด ๆ สายตาของเขามองร่างบางกำลังนอนหลับตาพริ้มจึงก้มลงคิดจะจุมพิตอีกสักรอบก่อนออกไปข้างนอก
หากแต่คนที่นอนอยู่ตื่นขึ้นนานแล้วจึงหันหน้าหลบไปอีกทางอย่างหวุดหวิด คิดในใจว่า ทำไมหมอนี่ถึงนอกบทอีกแล้ว
อ๋องผู้นี้ขยับตัวเล็กน้อยก็รู้สึกถึงอาการเมื่อยล้าแต่เบาสบายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ตามลำตัวแขนขายังเห็นรอยเล็บของไป๋อวี่กรีดเป็นทางยาวอยู่หลายแห่ง
ไปสักทีได้ไหม ไป๋อวี่หลับตานึกภาวนาให้ฉากนี้จบโดยไว
เฉินเฟยหย่าหันกลับมามองที่ร่างบางอีกครั้งแล้วนึกถึงภาพเมื่อคืนก่อนจะแสยะยิ้มออกมาแล้วกระซิบข้างหูของไป๋อวี่ว่า “ไม่นึกเลยว่า จะได้เห็นเจ้ากระทำตัวเหมือนสตรีในหอโคมแดงเช่นนี้ ช่ำชองเชี่ยวชาญจนคาดไม่ถึง รสชาติและลีลาของเจ้าดียิ่งนัก” เขาลูบเอวของไป๋อวี่เลื่อนลงต่ำจนเจ้าตัวต้องรีบจับมือข้างนั้นไว้ พลันได้ยินเขาพูดทิ้งท้ายว่า “เจ็ดคืนจากนี้ ข้าจะนอนกับเจ้า”
หลังจากประตูเรือนปิดลง ไป๋อวี่เด้งตัวขึ้นจากที่นอนถอนหายใจเฮือกใหญ่ คิดทบทวนว่าใส่ฉากประกอบอะไรผิดเพี้ยนไปหรือเปล่า
ทำไมเรื่องราวถึงกลับตาลปัตรเช่นนี้
“หลิวเมิ่ง เล่าเนื้อเรื่องตอนต่อไปให้ฟังใหม่ได้ไหม” เขาเอ่ยเรียกระบบผู้ช่วย
“ถ้าโฮสต์จะถามเรื่องนั้น หลิวเมิ่งยืนยันว่า เนื้อเรื่องยังคงดำเนินไปเช่นเดิมขอรับ” ระบบผู้ช่วยฉายหน้าจอเนื้อเรื่องตอนต่อไปให้เขาดูเพื่อยืนยัน
“อ้อ ถ้าเป็นงั้นคงไม่ต้องคิดมาก หมอนั่นคงจะพูดไปอย่างนั้นแหละเนอะ” ไป๋อวี่ปลอบใจตัวเอง แต่อีกใจก็คิดว่านั่งนับเม็ดถั่วยามว่างสะสมคะแนนไว้ดีกว่าจึงไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์
ตกเย็น ขณะกำลังจะปิดประตูเรือนเพราะคิดว่าจะได้อยู่อย่างสงบจนกว่าจะถึงห้าวันข้างหน้าตามเนื้อเรื่องเดิม ใบหน้าของเฉินเฟยหย่าก็โผล่มาทักทายถึงที่
“จะรีบนอนไปทำไม คืนนี้เจ้าต้องปรนนิบัติข้า” เขาไม่รอให้ไป๋อวี่พูดอะไร ดันตัวร่างบางเข้ามาด้านในเรือนเล็กแล้วกดใบหน้าของไป๋อวี่แนบโต๊ะ ถลกผ้าคลุมกางเกงท่อนล่างของไป๋อวี่ขึ้นพยายามจะถอดมันออกเพื่อสัมผัสให้หนำใจ
“หลิวเมิ่ง ตัดฉากเข้าผ้าม่านเดี๋ยวนี้” ไป๋อวี่ตะโกนบอกระบบผู้ช่วย สีหน้าเลิ่กลั่ก ไม่คิดว่าเฉินเฟยหย่าจะมาตามที่บอกไว้จริง ๆ