“คิดว่าไม่”
ผู้พันฟาเรลล์ตอบสั้นๆ จากนั้นก็ลงมือสำรวจ ลูบคลำไม่ต่างจากคนตาบอด ไปตามลำตัวของชายิกา เพื่อสำรวจว่าหญิงสาวถูกยิงหรือเปล่า แต่มั่นใจว่าหญิงสาวปลอดภัยอย่างแน่นอน เพราะเขาอุ้มหญิงสาวมาด้านหน้า ขณะวิ่งหนีลูกกระสุน ซึ่งหากโดนยิงมาจากทางด้านหลัง เขาจะเป็นด่านแรกที่ถูกยิงก่อนหญิงสาว
เมื่อสำรวจจนมั่นใจว่าชายิกาปลอดภัยดีแล้ว ผู้พันหนุ่มก็เอื้อมมือไปเปิดไฟภายในรถ พร้อมกับพึมพำว่า
“ได้ยินว่าสวยไม่แพ้นางงาม ขอดูหน้าชัดๆ หน่อยว่าสวยสมคำเล่าลือจริงหรือเปล่า”
แสงสีนวลภายในรถยนต์สว่างขึ้นพร้อมๆ กับอาการตะลึงงันราวกับถูกน็อกด้วยหมัดฮุคหนักๆ ตรงปลายคาง กระแสไฟบางอย่างแล่นพล่านไปทั่วทั้งตัว
ในทันทีที่ดวงตาสีนิลคบกริบได้มองปะทะกับใบหน้างาม ใช่ว่าเขาจะไม่เคยมีผู้หญิงที่สวยระดับนางแบบตกอยู่ในอ้อมแขน แต่...กับผู้หญิงคนนี้ มีความรู้สึกบางอย่างที่เกิดขึ้นกับตัวเขา ส่งให้หัวใจที่ร้างรักของเขากระตุกซ่านอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“ผู้พันครับ ผู้หญิงคนนี้สวยเหมือนที่อาดีลบอกไหมครับ”
ผู้หมวดซารุสเต็มไปด้วยความอยากรู้ อีกทั้งอยากเห็นว่าผู้หญิงคนนี้จะสวยจริงดั่งที่ผู้หมวดอาดีลบอกไว้หรือเปล่า
“สวย...สวยมาก...” ผู้พันฟาเรลล์ตอบไม่ต่างจากคนละเมอ
“ผู้พันครับ อีกสิบนาทีก็จะถึงตำหนักของท่านชีคอัลซาแล้ว ผู้พันพร้อมส่งสินค้าหรือยังครับ”
คำถามของผู้หมวดอาดีล ส่งให้ผู้พันฟาเรลล์ต้องหลุบสายตามองใบหน้างามลออของชายิกาอีกครั้ง ความลังเลก่อตัวขึ้นในหัวสมอง และในที่สุดก็ตัดสินใจตอบตามที่หัวใจเป็นตัวสั่งการ...
“กลับบ้าน พาเธอกลับแคว้นมารีนด้วย”
“อ...อะไรนะครับ”
“ผู้พันพูดใหม่สิครับ”
ทั้งผู้หมวดซารุสและผู้หมวดอาดีลเอ่ยถามแทบจะพร้อมๆ กัน
“ได้ยินที่เราสั่งแล้วไม่ใช่หรือ กลับบ้านเดี๋ยวนี้!”
คราวนี้ผู้พันฟาเรลล์ออกคำสั่งเสียงเข้มติดห้วนแข็ง ทำเอาผู้หมวดซารุส ไม่กล้าขัดคำสั่ง
“ได้ครับผู้พัน เราจะกลับบ้านเดี๋ยวนี้ครับ”
เอ่ยตอบไปแล้ว ผู้หมวดซารุสก็หันไปมองหน้าผู้หมวดอาดีล ราวกับต้องการถามว่าเกิด
อะไรขึ้น ผู้พันฟาเรลล์จึงได้เปลี่ยนใจอย่างกะทันหัน ทางด้านผู้หมวดอาดีลได้แต่ส่ายหน้าปฏิเสธ เพราะเขาเองก็กำลังงงเป็นไก่ตาแตกไม่แพ้กัน
ผู้พันฟาเรลล์ทอดสายตาจ้องมองคนที่กำลังสลบไสลอยู่บนเบาะรถ จากนั้นก็ก้มตัวลงแล้วอุ้มร่างบางประคองศีรษะเล็กให้เกยอยู่บนต้นขาของตนเอง
ผู้พันหนุ่มถอนหายใจยาว ขณะมองใบหน้างามของชายิกาอีกครั้ง เขาไม่ได้ตัดสินใจพาหญิงสาวกลับแคว้นมารีน แทนการส่งมอบให้กับเชษฐา เพราะความงดงามของเธอ ทว่า...มีบางสิ่งบางอย่าง ที่ตะโกนบอกอยู่ในใจของเขา ให้พาหญิงสาวกลับบ้าน...บ้านที่เป็นของเขา และอาจจะเป็นบ้านของชายิกาในอนาคตอันใกล้นี้...
หลังจากสร้างความงุนงงให้กับลูกน้องใต้อาณัติทั้งสองคนแล้ว ผู้พันฟาเรลล์ก็ออกคำสั่งต่อในทันทีที่ผู้หมวดซารุสขับรถเข้ามาภายในบริเวณบ้านหลังใหญ่ของเขา ซึ่งมีรั้วกำแพงมิดชิดแน่นหนา
“เดี๋ยวเราจะออกมาคุยกับพวกนาย”
ผู้พันฟาเรลล์อุ้มร่างบางของชายิกาออกมาจากรถยนต์ แล้วก้าวเดินตรงไปยังห้องนอนของตนเอง หลังจากเอ่ยบอกกับลูกน้องทั้งสองแล้ว ขณะเดินตรงไปยังห้องนอนใหญ่ ดวงตาสีนิลคมกริบจับจ้องมองแน่นิ่งยังใบหน้างามนวล พยายามไม่มองต่ำลงไปมากกว่านี้ ด้วยไม่อยากให้ใจสั่นรัวไปกับผิวพรรณยองใย ซึ่งโผล่พ้นจากขอบชุดราตรีสีแดง
เมื่อเข้ามาในห้องนอนได้แล้ว ผู้พันหนุ่มค่อยๆ วางร่างบางลงบนเตียงด้วยกริยาทะนุถนอมอ่อนโยน จนเขานึกแปลกใจตัวเอง เพราะไม่เคยทำกับหญิงใดเช่นนี้
“ผมอยากเห็นดวงตาของคุณชะมัด ผมอยากรู้ว่าดวงตาของคุณดุเหมือนนางเสือ ตามที่อาดีลมันพูดจริงหรือเปล่า”
มือใหญ่ลูบบางเบาไปยังดวงตาที่ยังคงปิดสนิทอยู่ อยากเห็นว่าดวงตาคู่นี้สวยเป็นประกายหรือดุวาววับเหมือนดั่งลูกน้องของเขาพูดไว้
“รู้ไหม ชายิกา คุณกำลังทำให้ผมตัดสินใจทำในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยคิดมาก่อน”
ทั้งๆ ที่สั่งห้ามตัวเองไม่ให้แตะต้องชายิกาไปกว่านี้ แต่มือเจ้ากรรมกลับไม่เชื่อฟังคำสั่งของผู้เป็นเจ้าของ ปลายนิ้วแข็งแกร่งค่อยๆ ไต่ลงมาตามจมูกเล็กโด่งเป็นสัน ระเรื่อยมาถึงเรียวปากบางสีกุหลาบ ที่สร้างความสงสัยให้กับเขาว่ามีรสชาติหวานฉ่ำและสร้างความรัญจวนให้กับเขามากเพียงใด หากได้กดจุมพิตลงไปบนเรียวปากคู่นี้
ผู้พันฟาเรลล์เกิดอาการมือสั่น ขณะลากปลายนิ้วลงมาตามลำคอระหงผ่านลงมายังปทุมถันงามสล้างที่โผล่พ้นจากขอบชุดราตรี ยิ่งได้สัมผัสความนุ่มเนียนของกายสาว มือใหญ่ก็ยิ่งสั่นเทา ราวกับเด็กหนุ่มริรัก ที่ไม่เคยแตะต้องอิสตรีมาก่อน
“บ้าชะมัด! ทำยังกับเพิ่งเคยแตะต้องผู้หญิงเป็นครั้งแรก”
ผู้พันฟาเรลล์ก่นด่าตัวเอง กระชากมือใหญ่ออก ก่อนจะผุดลุกขึ้นยืน ยกมือเสยผมให้ยุ่งไปหมด หงุดหงิดตัวเองที่ปล่อยให้คลื่นความต้องการเล่นงานแค่เพียงได้ลูบสัมผัสผิวพรรณยองใยของชายิกา จนกระทั่งเลือดในกายไหลพล่านไปทั่วทั้งตัว
และเพื่อไม่ให้เลือดในกายต้องร้อนฉ่าไปมากกว่านี้ เจ้าของนัยน์ตาสีนิลจึงตัดใจก้าวถอยห่างจากเตียง รีบเดินออกจากห้องนอน ก่อนเรือนกายแข็งขึงของเขาจะไม่เชื่อฟังคำสั่งของผู้เป็นเจ้าของ!
ภายในห้องทำงานของผู้พันฟาเรลล์ ผู้หมวดทั้งสองคนต่างก็เดินสวนกันไปมาไม่ต่างจากเสือติดจั่น ขณะรอคอยให้ผู้บังคับบัญชาเข้ามาในห้อง และอธิบายถึงการเปลี่ยนแผนอย่างกะทันหันพลันด่วนเช่นนี้
“อาดีล เกิดอะไรขึ้น ทำไมผู้พันถึงเปลี่ยนใจพาผู้หญิงคนนั้นกลับมาบ้าน แทนการส่งให้กับชีคอัลซา”
ผู้หมวดซารุสเอ่ยถาม ขณะเดินสวนกับเพื่อน ซึ่งตีสีหน้ายุ่ง ขมวดคิ้วเข้าหากันกับคำตอบของเขา
“ไม่รู้โว้ย! คนที่จะตอบคำถามของนายได้ดีที่สุดก็คือผู้พัน”
เป็นคำถามที่ผู้หมวดอาดีลไม่สามารถตอบได้ และอยากได้ยินคำตอบเช่นเดียวกัน