7

1384 Words
“เรามาเริ่มกันเลยดีกว่านะ ไม่ทราบว่าจะเริ่มตรงไหนก่อนดี” ชายหนุ่มที่ทำให้หัวใจดวงน้อยสั่นไหวเดินเข้ามาในห้องด้วยชุดเสื้อกล้ามกับกางเกงวอร์ม ใจสาวยิ่งสั่นเมื่อนำพาร่างบึกบึนเข้ามาใกล้เธอ เท้าบางๆ จึงเดินถอยหลังไปสองสามก้าวคล้ายกับว่าจะตั้งหลัก “เอ่อ เริ่มจากเดินบนลู่วิ่งก่อนนะคะ” แอนโตนิโอทำตามอย่างที่หญิงสาวบอกอย่างว่าง่าย เทรนเนอร์สาวให้เขาทำอะไรเขาก็ทำ หากแต่สายตาคมกล้ากลับมองที่ดวงหน้าหวานและริมฝีปากจิ้มลิ้มที่เอื้อนเอ่ยแนะนำวิธีการออกกำลังกายที่เหมาะสมให้กับเขาตลอดเวลา ริมฝีปากสีชมพูอ่อนขยับเขยื้อนพูดอยู่นี้ช่างน่าจุมพิตเหลือเกิน มันดูมีมนต์ขลังแฝงด้วยเสน่ห์จนเขาอยากจะรัดร่างนิ่มไว้ในอ้อมแขน ระดมจูบเธอให้หายฟุ้งซ่าน บัวบุษยาทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดี เปลี่ยนจากลู่วิ่ง ไปที่เครื่องออกกำลังกายอย่างอื่น จนกระทั่งมาถึงเครื่องปั่นจักรยาน “วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะคะ จวนจะหมดเวลาแล้ว” หญิงสาวเอ่ยบอกเมื่อเบนสายตาไปมองนาฬิกาข้อมือ อีกห้านาทีก็จะหมดเวลาทำงานของเธอแล้ว คิดแล้วหญิงสาวรู้สึกโล่งอกโล่งใจยิ่งนัก ใกล้เวลาที่เธอจะเดินออกไปจากห้องนี้เสียที “ใครบอกว่าหมดเวลา ฉันจ้างเธอมาเป็นเทรนเนอร์ส่วนตัววันละสามชั่วโมงนะ ไม่ใช่แค่ชั่วโมงเดียว เพราะฉะนั้นยังเหลือเวลาอีกสองชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาเลิกงาน” แอนโตนิโอพูดขณะที่เขากำลังปั่นจักรยาน สีหน้าดูเรียบเฉยแต่ทว่ามีรอยยิ้มนิดๆ ที่มุมปาก “ฮะ...อะไรนะวันละสามชั่วโมง” เทรนเนอร์สาวอุทานออกมาด้วยความตกใจ วันละสามชั่วโมงโอ้ย...อยากจะบ้าตาย แค่ชั่วโมงเดียวเธอยังควบคุมหัวใจของตัวเองให้เต้นเป็นจังหวะปกติไม่ได้ นี่สามชั่วโมงหัวใจดวงนี้ไม่กระเด็นออกมาหรือ “ใช่ สามชั่วโมง” เขาย้ำให้เธอแน่ใจ “ทำไมคุณไม่บอกดิฉันตั้งแต่ตอนแรกล่ะคะว่าวันละสามชั่วโมง” “บอกตอนนี้ก็ไม่เห็นแปลกนี่ เพราะถึงยังไงเธอก็ต้องเป็นเทรนเนอร์ให้ฉันอยู่ดี” พูดอีกถูกอีกไม่ว่าจะบอกตอนไหนหญิงสาวก็ต้องเป็นเทรนเนอร์ให้เขาอยู่ดี แต่ถ้าบอกก่อนบัวบุษยาจะได้ทำใจเอาไว้ล่วงหน้าว่าจะต้องเผชิญหน้ากับคนอย่างเขานานถึงสามชั่วโมง “คุณนี่เจ้าเล่ห์จริงๆ” น้ำเสียงที่หญิงสาวพูดออกมานั้นติดจะงอนๆ พร้อมกับดวงหน้าหวานสวยส่งค้อนวงใหญ่ให้กับคนที่ว่าจ้าง กิริยาของสาวเจ้านั้นทำให้หัวใจแข็งแกร่งกระตุกไหวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ช่างน่ารักเหลือเกิน น่ารักมาก ดูเป็นธรรมชาติไม่แสแสร้ง “ฉันเหนื่อยแหละ ขอน้ำเย็นๆ ซักแก้วซิ” เขาเอ่ยบอกลุกจากเครื่องออกกำลังกายไปนั่งที่โซฟาหนังตัวใหญ่ “แล้วลูกน้องของคุณไปไหนล่ะคะ” เธอเอ่ยถามชายร่างใหญ่ที่เอนกายนั่งที่โซฟาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ หน้าที่ของเธอคือเป็นเทรนเนอร์ให้คำแนะนำในการออกกำลังกาย ไม่ได้เป็นคนรับใช้คำสั่งที่เขาสั่งไม่ใช่หน้าที่ของเธอที่จะต้องทำมันควรจะเป็นหน้าที่ของลูกน้องของเขามากกว่า “ไปพักผ่อนที่ห้องของพวกเขานะสิ ก็ตอนนี้มันเป็นเวลาออกกำลังกายของฉันนี่ ลูกน้องฉันจะอยู่ให้เกะกะตาทำไม อีกอย่างเธอเป็นเทรนเนอร์ต้องดูแลเอาใจใส่ฉันขณะที่ออกกำลังกาย และตอนนี้ฉันเหนื่อยและอยากดื่มน้ำเย็นสักแก้ว เธอก็ต้องไปเอาน้ำมาให้ฉันสิถึงจะถูก เพราะมันยังอยู่ในเวลาทำงานของเธอ” แอนโตนิโอห้าข้ออ้างไปเรื่อย นั่งไขว่ห้างกระดิกปลายเท้าอย่างสบายใจ ไม่สนใจใบหน้าสวยที่กลายเป็นจวักเมื่อได้ยินคำพูดของเขา เท้าเล็กกระแทกเดินออกไปจากห้องออกกำลังกายอย่างไม่พอใจตัวเองที่หาข้อเถียงกลับไม่ได้ หญิงสาวกลับมาอีกครั้งพร้อมกับน้ำเย็นหนึ่งแก้ว “ขอบใจ” เขาเอ่ยขอบคุณหลังจากที่ได้ดื่มน้ำเย็นชื่นใจ “ฉันเมื่อยขาเมื่อยแขนจังเลย เธอมานวดให้ฉันหน่อยสิ อ้อ แล้วอย่าเถียงอีกล่ะว่ามันไม่ใช่หน้าที่ของเธอ เพราะฉันจะเถียงกลับไปว่ามันใช่เลยแหละ เธอคิดดูถ้าเกิดฉันปวดเมื่อแขนขาจนกล้ามเนื้อฉีกขาด อะไรจะเกิดขึ้นฉันออกกำลังกายไม่ได้ ความผิดมันก็ต้องตกอยู่ที่เธอ เพราะเธอไม่ดูแลฉันทำงานไม่สมกับเป็นมืออาชีพ” บัวบุษยาอยากจะกรีดร้องระบายความอัดอั้นที่มีอยู่เต็มอก หญิงสาวมีความรู้สึกว่าเธอแพ้ทางเขาทุกทาง ไม่ว่าจะเป็นคำพูดที่ดักหน้าดักหลังไม่มีช่องว่างให้เธอได้โต้เถียงเลย บัวบุษยาเดินปั้นปึ่งไปทรุดนั่งที่เก้าอี้มือเล็กที่มีความนุ่มวางลงบนลำแขนชื้นเหงื่อ ค่อยๆ บีบนวดให้เขารู้สึกผ่อนคลายกล้ามเนื้อ การนวดของเทรนเนอร์สาวสร้างความเคลิบเคลิ้มให้กับเขายิ่งนัก แอนโตนิโอรู้สึกว่ากล้ามเนื้อบริเวณแขนมีความผ่อนคลาย ยิ่งได้มองเสี้ยวหน้างามของหมอนวดจำเป็นด้วยแล้ว ยิ่งเคลิ้มเป็นสองเท่า “แขนข้างนี้พอแล้ว เอาข้างนี้บ้าง” บัวบุษยาลุกขึ้นไปนั่งอีกฝั่งหนึ่งทิ้งระยะห่างพอประมาณ ก่อนจะบีบนวดลำแขนแข็งแรงอีกข้าง เธออยากให้ช่วงเวลานี้ผ่านไปเร็วๆ ดวงตาสีเขียวมรกตที่มองมาที่เธอนั้น สร้างความปั่นป่วนในจิตใจของเธอยิ่งนัก ดวงตาหวานไม่กล้าที่จะช้อนตามองไปที่เขาเลย เธอกลัวว่าตัวเองจะละลายไปกับสายตาที่ร้อนแรงคู่นั้น หญิงสาวจึงเลือกที่จะก้มหน้าก้มตามากกว่า เลยไม่ได้เห็นใบหน้าหล่อเหลาฉายแววเจ้าเล่ห์เพราะเขากำลังจะเริ่มแผนต่อไป “พอแล้ว ฉันว่าน่าจะหาผ้าก็อตมาพันที่แขนนะฉันจะได้ไม่รู้สึกปวดเมื่อยเวลาออกกำลังกาย เอ จำได้ว่าวางอยู่แถวๆ นี้นะ อยู่ไหนนะ อยู่ไหนเนี่ย” เขาทำทีเป็นพูดกับตัวเอง หันซ้ายหันขวาเหมือนจะมองหาผ้าก็อต “อ้อ อยู่นั่นเอง” ในที่สุดเขาก็หามันเจอ มือใหญ่เอื้อมไปหยิบผ้าก็อตที่อยู่ริมโซฟาด้านข้างที่ร่างสาวนั่งอยู่ ทำให้ร่างหนาต้องเอนกายไปตามมือ ร่างของเขาจึงพาดทับร่างอรชรที่ตกใจกระเถิบร่างผิงพนักโซฟา ดวงตาตื่นตระหนก กลีบปากบางเผยอออกเล็กน้อย ดวงหน้าหวานแดงก่ำดั่งสีเลือด เพราะตอนนี้ร่างกายของเขาและเธอใกล้ชิดกันมาก ดวงหน้าหวานอยู่เสมอกับใบหน้าคมสัน ลมหายใจของทั้งสองเป่ารดกระทบกับใบหน้าของแต่ละฝ่าย ดวงตาประสานกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ “ยะ อย่า...” คำร้องห้ามของเธอนั้นดูเหมือนจะเบาและช้าเกินไป เนื่องจากเรียวปากหนาสวยได้รูปจู่โจมเรียวปากอิ่มช่างยั่วทันควัน กลบเสียงห้ามปรามที่ดังออกมาจนสิ้น แทรกปลายลิ้นเข้าในโพรงปากบางที่เผยอออกอย่างเชื้อเชิญ ควานหาความหวานอย่างถือสิทธิ์ กระหวัดพันลิ้นนุ่มที่แข็งทื่อตกอยู่ในสภาวะตกใจ มันคงเหมือนกับร่างกายของเธอ ตอนนี้ที่แข็งดุจหินอายุพันปี ไม่ขยับเขยื้อนไปไหน หัวใจเต้นแรงเร็ว ความถี่ของอัตราการเต้นนับจังหวะไม่ได้เลย ตกอยู่ในอาการทำอะไรไม่ถูก คิดอะไรไม่ออก สมองมึนงงและหยุดนิ่งในบัดดล ยิ่งปลายลิ้นหนาเซาะซอนไปทั่วโพรงปากไล้ไปตามกระพุ้งแก้ม กวาดชิมบางอย่าง...บางอย่างที่เต็มไปด้วยความหวานที่บ่มเพาะมานานนม ความหวานจึงจรุงจิตจรุงใจซาบซ่านไปทั่งกายของคนที่ได้ลิ้มรส จมดิ่งอยู่กับรสหวานของเรียวปากคู่หวานอย่างหิวกระหาย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD