ตอนที่ 10 คนตายกลับกลายเป็นคนเป็น 1

2938 Words
ขบวนเรือฝังศพ  ภายในเรือขนาดใหญ่จำนวนสองลำ ปรากฏโลงศพของ หยางเฉียนเฉียน ตั้งวางไว้อยู่บนเรือคลุมด้วยผ้าขาวปิดฝาโลงเอาไว้อย่างมิดชิด เตรียมพร้อมบ่ายหน้านำไปฝังบนเกาะเฉิงไห่ ซึ่งเป็นเกาะที่ตระกูลหยางครอบครองมาอย่างช้านาน กำลังลอยลำมุ่งหน้าไปยังสุสานประจำตระกูล โดยมีเรืออีกหนึ่งลำตามหลังไปซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นพ่อแม่ พี่น้องและญาติสนิทของผู้ตายตามไปทำพิธีฝังศพให้ถูกต้องตามประเพณี ในขณะที่ที่เรือขนศพล้วนแล้วแต่มีชายฉกรรจ์คอยดูแลทั้งสิ้น เครื่องใช้ที่จำเป็นต่างๆ ถูกนำไปที่สุสานก่อนหน้านี้แล้วเพื่อรอบรรจุลงไปพร้อมกับโลงในวันทำพิธีฝัง ท่ามกลางสายตาของคนเป็นพ่อและแม่ยังคงมองตามโลงที่บรรจุร่างอันไร้วิญญาณของบุตรสาว ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหม่นหมองและเสียใจต่อการจากไปของหยางเฉียนเฉียนไม่คลาดครา หากแต่กลับมีดวงตาอีกหนึ่งคู่ที่จ้องเรือขนศพลำดังกล่าวที่ลอยลำอยู่เบื้องหน้าตาไม่กะพริบ ด้วยเพราะความแค้นฝังรากหยั่งลึกมานานนับตั้งแต่จำความได้ “แม้เจ้าจะตายไปแล้วก็ตาม แต่ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าถูกฝังร่างลงดินอยู่ร่วมกับบรรพบุรุษในสุสานเดียวกันเป็นอันขาด คนเช่นเจ้าสมควรที่จะต้องให้ร่างถูกแร้งทึ้งจิกกิน ไร้สิ้นการเหลียวแล และไม่ได้รับการเซ่นไหว้จากญาติพี่น้องอีกต่อไป ข้าจะทำให้วิญญาณของเจ้ามิอาจเดินทางไปปรโลกได้ ให้ดวงวิญญาณเร่ร่อนไปตลอดกาล!!!”เสวี่ยเหยาก่นด่าน้องสาวอยู่ภายในใจ ใบหน้างามเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าเบื้องบน พร้อมส่งสัญญาณโดยการดึงผ้าผืนน้อยสีขาวบางเบา โบกสะบัดไปมาก่อนจะยกขึ้นแสร้งเช็ดน้ำตาที่กำลังไหลรินด้วยความเสียใจ เพื่อส่งสัญญาณให้คนเรือล่วงรู้ และเริ่มลงมือใช้แผนต่อไป ทันทีที่คนเรือเห็นผ้าเช็ดหน้าผืนน้อยโบกสะบัดส่งสัญญาณออกมาเช่นนั้น แผนการต่อไปของหยางเสวี่ยเหยาเริ่มต้นขึ้นทันที เมื่อคนเรือเห็นเรือลำที่ขนโลงศพเคลื่อนไปไกลกว่าสามสี่ลี้ จึงแสร้งทำหน้าตื่นตระหนก ส่งเสียงตะโกนเอะอะโวยวายขึ้นมาทันทีพร้อมชี้มือลงไปในใต้ทะเล “ตรงหน้ามีน้ำวนคัดหางเสือถอยเร็วเข้า ถอยเร็วๆ”หัวหน้าที่คอยควบคุมอยู่หัวเรือตะโกนสั่งลูกน้องที่ท้ายเรือดังเอ็ดอึง ท่ามกลางสมาชิกของคนในตระกูลหยางซึ่งมีอยู่ด้วยกันสิบกว่าชีวิตนั่งอยู่ในห้องแยกเป็นสัดส่วน พร้อมเสียงของเสวี่ยเหยาดังแทรกขึ้น “ตรงหน้ามีน้ำวนแบบนี้ จะออกไปให้พ้นบริเวณนี้ได้อย่างไรคนเรือ อีกนานหรือไม่กว่าน้ำวนจะหายไป”เสวี่ยเหยาแกล้งถามคนเรือกลับไปตามแผนของนาง “ไม่แน่นอนขอรับท่านหญิง น้ำวนอาจะเกิดขึ้นประมาณหนึ่งถึงสองชั่วยามหรืออาจจะนานกว่านั้นหรือน้อยกว่านั้นเอาแน่เอานอนไม่ได้ แต่จากที่สังเกตแลดูท่าคงจะไม่ต่ำกว่าหนึ่งชั่วยามเลยทีเดียว”คนเรือรับช่วงต่อจากเสวี่ยเหยาตอบกลับมาได้อย่างแนบเนียน และนั่นเป็นเหตุให้หวังฮูหยินมีสีหน้าเป็นกังวลขึ้นมาทันทีครั้นได้ยินเช่นนั้น “แย่แล้ว! เกิดมากกว่าหนึ่งชั่วยามจะเลยพิธีฝังศพของเฉียนเฉียนไปจะทำอย่างไรเล่า ดวงวิญญาณของนางจะจากไปอย่างไม่สงบ ทำอย่างไรจึงจะนำเรือเดินทางไปให้เร็วกว่านี้ไม่ได้รึ”หวังฮูหยิน ถามกลับไปด้วยความร้อนใจ “ไปไม่ได้ขอรับ หากฝืนไปเรือจะต้องล่มจมลงก้นทะเล จะเป็นอันตรายยิ่งนักเพราะกระแสน้ำวนจะดูดลงไปอย่างรวดเร็วและมิรู้ว่าจะทำให้ร่างผลัดไปอยู่แห่งหนใด อดทนรออีกสักหน่อยเถอะขอรับพอกระแสน้ำวนหายไปแล้วก็จะแล่นเรือผ่านไปได้ ต้องถือว่ายังโชคดีที่ไม่เกิดกระแสน้ำวนตอนที่เรือขนโลงศพกำลังแล่นผ่านไป หากเป็นเช่นนั้นยิ่งเกิดอาเพศต่อศพคนตายอย่างแน่นอนขอรับ”คนเรืออธิบายกลับไปพลางก้มหน้าลงหลบดวงตาทุกคู่ที่จ้องมาที่ตนเป็นตาเดียวกัน “ฮูหยินเฝ้ารอเวลาเถิด อย่างไรเสียเฉียนเฉียนก็ล่วงหน้าไปก่อนแล้ว รอแค่พ่อแม่และพี่น้องพร้อมญาติไปส่งนางทำพิธีฝัง ข้าเชื่อว่าเรือของเราจะตามไปทัน นั่งให้จิตใจสงบเดี๋ยวก็จะผ่านไป”ท่านเจ้าเมืองพูดเตือนฮูหยินของตน ในขณะที่รอยแสยะยิ้มเหยียดปรากฏอยู่บนใบหน้าของเสวี่ยเหยาเมื่อแผนการของนางสำเร็จลงไปอีกขั้น “สวรรค์ช่างเข้าข้างเสียนี่กระไร ในที่สุดคนดีเช่นข้าก็บรรลุตามแผนทุกอย่าง กำจัดคนชั่วได้สมดั่งใจหมายทุกประการ ป่านนี้นางเฉียนเฉียน ลอยคออยู่กลางทะเลไปถึงไหนแล้ว”เสวี่ยนเหยารำพึงอยู่ภายในใจพร้อมหัวเราะเบาๆ อยู่ในลำคอ ทางด้านเรือบรรทุกโลงศพ หลังเกาะเฉิงไห่ เรือบรรทุกโลงศพบัดนี้แล่นเรืออ้อมเกาะมาจอดอยู่บริเวณด้านหลัง แทนที่จะจอดเรือบริเวณด้านหน้า ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะนำศพ หยางเฉียนเฉียนย้ายออกจากโลงศพ นำไปลอยแพกลางทะเลนั้นเอง ร่างของหยางเฉียนเฉียนในชุดสีขาวสูงค่าสมฐานะของบุตรีเจ้าเมืองค่อยๆ ถูกยกขึ้นจากโลงด้วยฝีมือของชายฉกรรจ์ ซึ่งมีหน้าที่อยู่ในพิธีการฝังศพทั้งหมด แต่ทุกคนได้ถูกหยางเสวี่ยเหยา ติดสินบนคนละ 100 ตำลึงทองเพื่อทำงานนี้ให้นาง ท่ามกลางความดีใจของหวังฉิงชวน ซึ่งดวงวิญญาณของสาวน้อยในศตวรรษที่ 21 หมดสติล้มฟุบทาบทับลงไปกับซากโครงกระดูกที่เพิ่งขุดพบในมณฑลอูเจี๋ยน เป็นเหตุให้ดวงวิญญาณของเธอหลุดลอยไปติดอยู่ในร่างของหยางเฉียนเฉียน ท่านหญิงรองแห่งเมืองอูเจี๋ยนเมื่อเกือบสามพันปีก่อน ในยุคสมัยจ้านกว๋อเลยทีเดียว เธอไม่ได้กลับมาในชาติอดีตของตัวเองแต่วิญญาณของเธอติดอยู่ร่างที่ตายไปแล้วของผู้อื่นในยุคอดีตต่างหากเล่า “ขอบคุณพวกพี่ๆ มากเลยนะ คุณลุง คุณอา คุณน้าทุกๆ ท่านเลยที่มาช่วยหนูออกจากโลง”หญิงสาวดีอกดีใจเป็นการใหญ่ส่งเสียงพูดขอบคุณไปทั่ว โดยมิรู้เลยว่าหามีผู้ใดได้ยินเสียงของเธอแต่อย่างใด แม้จะมีดวงวิญญาณของฉิงชวนอยู่ภายในร่างก็ตามแต่ก็มิได้ทำให้ฟื้นคืนสติกลับมาดั่งเดิม ยังคงนอนแน่นิ่งดั่งคนตายอยู่เช่นเดิม จวบจนกระทั่งหญิงสาวรู้สึกตัวว่าร่างถูกนำไปวางไว้บนพื้นแข็งที่ทำจากวัสดุบางอย่าง และเหมือนกำลังถูกหย่อนลงจากที่สูงลงสู่เบื้องล่าง “ดะ...เดี๋ยว! จะเอาหนูไปไหนอี๊ก! มาช่วยออกจากโลงแทนที่จะทำให้ลุกขึ้นกลับมาเดินเหินได้ ทำไมถึงให้ลงมานอนอะไรอย่าบอกนะว่าจะโยนลงทะเล! ไม่นะ! ไม่นะ! ฉันว่ายน้ำไม่เป็น! ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!!!”หวังฉิงชวนร้องเรียกขอความช่วยเหลือเป็นการใหญ่ ในขณะที่แพไม้ไผ่ค่อยๆ ถูกหย่อนลงไปในทะเลอย่างช้าๆ บนแพดังกล่าวมีร่างของหยางเฉียนเฉียน ท่านหญิงรองบุตรีของเจ้าเมืองหยางผิงนอนสงบนิ่งอยู่บนแพนั้น ท่ามกลางดอกไม้หวนคืนสีขาวโพลนล้อมรอบกายนาง จนทำให้ร่างดังกล่าวกลืนไปในดงดอกไม้เหล่านั้นที่สร้างขึ้นมาปกปิดมิให้ผู้ใดเห็นว่าเป็นแพ ซึ่งทำมาเพื่อขนย้ายศพหยางเฉียนเฉียน นำออกจากร่างมาวางไว้บนแพดังกล่าวและปล่อยให้ลอยเคว้งคว้างอยู่กลางทะเล สมดั่งใจของหยางเสวี่ยเหยาทุกประการ “หอมจังดอกอะไรเนี่ย!”หญิงสาวรู้สึกถึงดอกไม้ที่ถูกโยนลงมาปะทะกับใบหน้าของเธอจนปกคลุมไปหมด “เดี๋ยวนะพวกคุณ พอได้แล้วเลิกโยนดอกไม้อะไรนั่นลงมาเสียทีเถอะ แล้วมาช่วยกันขึ้นไปไม่ได้เหรอ ทำไมถึงมาทำกันแบบนี้ได้โปรดเถิด...นี่ฉันไปทำเวรทำกรรมอะไรไว้ถึงต้องมาพบเจอเหตุการณ์แบบนี้..นี่! หยุดโยนได้แล้ว! ไม่ได้ยินหรือไง” หวังฉิงชวนเพียรร้องตะโกนอยู่ตลอดเวลา เพื่อหาทางรอดให้แก่ตัวเธอก่อนจะได้ยินเสียงของคนบนเรือคุยกัน “ท่านหญิงใหญ่ก็ช่างกระไรขนาดท่านหญิงรองตายไปแล้วเช่นนี้ ยังเจ็บแค้นไม่แปรเปลี่ยนแอบขโมยศพออกมาลอยแพไปในกลางทะเลปล่อยให้ซากศพให้นกแร้งจิกกินให้อุจาด แทนที่จะฝังศพตามประเพณีเพื่อให้นางเดินทางไปยังปรโลกอย่างสงบที่ควรจะเป็น”เสียงของชายวัยกลางคนซึ่งทำหน้าที่ดูแลพิธีการฝังศพทุกอย่างพูดขึ้นด้วยความเศร้าใจ “พูดไปก็เท่านั้นตอนหยางเฉียนเฉียนยังมีชีวิตอยู่ ใช่ว่านางจะดีต่อผู้คนเสียที่ไหนกันเล่า มีเพียงท่านหญิงใหญ่เท่านั้นที่ดีกับพวกเราและชาวเมือง ยิ่งท่านหญิงเสวี่ยเหยาด้วยแล้วนางโดนหนักกว่าผู้ใดเจ้าเองก็น่าจะรู้ มิแปลกหรอกหากนางจะเอาคืนบ้างแม้ว่าจะทำได้เพียงตอนหยางเฉียนเฉียนตายไปแล้วก็ตาม แต่อย่างน้อยก็ยังได้ระบายความโกรธแค้นลงได้บ้างหรอกนะ”เสียงเพื่อนร่วมอาชีพพูดแย้งกลับไป พร้อมเสียงของเพื่อนร่วมงานอีกคนเอ่ยสนับสนุน “ข้าก็เห็นด้วยนะ เจ้าอย่าวิตกเฝ้าโทษว่านี่คือความผิดที่กำลังก่อขึ้นเลย คนผิดมิใช่พวกเราแต่เป็นท่านหญิงใหญ่คนเดียวเท่านั้น เป็นความแค้นส่วนตัวของนางส่วนพวกเราก็ได้ค่าจ้างที่สบายไปเป็นปีเลยทีเดียว ลูกเมียจะได้ไม่ต้องลำบาก นางตบรางวัลค่าปิดปากเยอะขนาดนี้ ถึงเจ้าไม่ทำแต่ข้าคนหนึ่งแหละที่ยินดีทำทุกอย่างเพื่อเงินค่าจ้างสูงลิบลิ่วขนาดนี้”พูดพร้อมรีบยื่นดอกไม้หวนคืนจนเริ่มปกคลุมร่างของหยางเฉียนเฉียนแทบจะมองไม่เห็น “ลอยกลางทะเลแบบนี้ถ้าไม่มีคลื่นเลยก็คงจะประมาณสองถึงสามวันเดี๋ยวแร้งก็ลงเพราะกลิ่นศพเริ่มโชย หลังจากที่ดอกหวนคืนเหี่ยวแห้งจนหมด แต่ก็แปลกนะตายมาสามวันแล้วแต่ศพยังไม่อืดเลย”เสียงหนึ่งในนั้นพูดขึ้นด้วยความแปลกใจ “จะไปแปลกอะไรเล่าในเมื่อหยางเฉียนเฉียน นางเป็นคนค่อนข้างอ้วนอยู่แล้วไอ้ที่กำลังเห็นอยู่ตอนนี้ก็คงจะอืดแล้วละ อีกอย่างอย่าลืมสิว่าดอกไม้หวนคืนมีสรรพคุณที่นอกจากระงับกลิ่นของซากศพได้แล้ว ยังทำให้ศพเน่าเปื่อยช้าลง ข้าได้ยินหวังฮูหยิน บอกว่าให้นำดอกไม้หวนคืนล้อมรอบปกคลุมตัวนางอยู่ตลอดเวลาเพื่อรักษาสภาพศพของนางจนถึงวันฝังนี้ไงเล่า” เพื่อนร่วมอาชีพซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นชายฉกรรจ์ด้วยกันทั้งหมดต่างพยักหน้าขึ้นลง ครั้นได้ยินเช่นนั้น แต่ละคนรีบโยนดอกไม้หวนคืนลงไปจนเต็มแผกลายเป็นสีขาวโพลน และถ้อยคำการสนทนาทั้งหมดหวังฉิงชวนล้วนได้ยินจนหมดสิ้น แม่สาวน้อยถึงกับสติแตกขึ้นมาทันทีและเต็มไปด้วยความมึนงงจับต้นชนปลายไม่ถูกกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอ “ทำไมชื่อคนเหล่านั้นถึงได้ตรงกับบทละครที่เราเขียนจังเลยนะ แต่เราเขียนคนพวกนั้นแซ่เมิงไม่ใช่แซ่หยาง อีกอย่างที่เราฟังประวัติมาจากคุณลุงเจ้าของร้านที่ถนนฝูจิ่ง ทำไมถึงได้แตกต่างจากคนพวกนี้ที่กำลังพูดถึงด้วยนะ เฉียนเฉียนนางเป็นลูกสาวคนโตของท่านเจ้าเมืองไม่ใช่เหรอ ส่วนเสวี่ยเหยาคือน้องสาว คนที่ตายคือเสวี่ยเหยาไม่ใช่เฉียนเฉียนที่เป็นมือฆ่า ทำไมเรื่องมันถึงได้กลับตาลปัตรไปหมดแบบนี้ละ”หวังฉิงชวนบ่นพึมพำด้วยความสับสน ทันใดนั้นเองหวังฉิงชวนถึงกับตกใจสุดขีด เมื่อสิ่งที่เธอกำลังครุ่นคิดอยู่ในเวลานั้นทำเอาแม่สาวน้อยตื่นกลัวขึ้นมาฉับพลัน เมื่อภาพเหตุการณ์ที่เธอพบโครงกระดูกในห้องตรวจพิสูจน์และมีป้ายคล้องแขนบอกว่า ศพท่านหญิงจากเมืองอูเจี๋ยน ก่อนที่เธอจะเห็นมือที่เป็นโครงกระดูกนั้นเคลื่อนไหวได้ มีเสียงเรียกชื่อเล่นของเธอดังออกมาจากโครงกระดูกร่างนั้น ทันทีที่มือของซากศพดังกล่าวจับมือของหวังฉิงชวนเอาไว้จนแน่น ภาพเหตุการณ์ในอดีตของคนตายผุดขึ้นมาให้เธอเห็นทันทีก่อนจะหมดสติล้มฟุบลงไปกับซากโครงกระดูกดังกล่าว “มะ..ไม่นะ!..นี่ฉันมาอยู่ในสถานการณ์ของคนเหล่านี้ได้อย่างไง! เฮ้ย...ดวงวิญญาณของฉันออกจากร่างของตัวเองมาอยู่ในร่างของคนตายไปหลายพันปีแบบนี้ไม่ได้นะ!..เป็นไปไม่ได้..เป็นไปไม่ได้!..ที่ฉันจะมาติดอยู่ในร่างของคนตายไปแล้วแบบนี้! ในเมื่อฉันยังไม่ตาย..ฉันยังไม่ตาย!!!”หญิงสาวแผดเสียงโวยวายออกมาไม่ขาดสาย เมื่อเริ่มจะปะติดปะต่อเหตุการณ์ได้พอคร่าวๆ ขึ้นมาบ้างแล้ว หากแต่เสียงร้องโวยวายของเธอก็ยังคงไร้ผลเช่นเดิม ร่างของหยางเฉียนเฉียนยังคงนอนสงบนิ่งอยู่เช่นนั้นบนแพไม้ไผ่ โดยมีสายตาของผู้ที่ได้รับสินบนว่าจ้างในครั้งนี้ มองแพดังกล่าวกำลังลอยออกไปจากหลังเกาะมากขึ้นทุกทีและเริ่มเบนเส้นทางไปตามกระแสลมแรงมุ่งหน้าไปทางทิศใต้ ท่ามกลางท้องทะเลสีครามกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ครั้นเป็นที่แน่ใจแล้วว่าแพดังกล่าวลอยออกไปจากหลังเกาะมุ่งลงสู่ทิศใต้ ทุกชีวิตต่างรีบเร่งจัดแจงนำซากศพสตรีนิรนามที่ไร้ญาติซึ่งตายในเดียวกับหยางเฉียนเฉียนสิ้นชีพ ร่างไร้วิญญาณดังกล่าวถูกห่ออยู่ในเสื่อและสวมใส่เสื้อผ้าแบบเดียวกับหยางเฉียนเฉียนหากแต่ลวดลายบนตัวชุดดังกล่าวแตกต่างกัน ด้วยลายบนผ้านั้นเป็นฝีมือการออกแบบหวังฮูหยิน ซึ่งขึ้นชื่อยิ่งนัก ในเรื่องของการออกแบบลวดลายวิจตรบนผืนผ้า นางตั้งใจทำชุดนี้ให้บุตรสาวได้สวมใส่เพื่อเดินทางไปยังปรโลกได้อย่างสง่างาม จึงมิอาจลอกเลียนแบบได้แต่อย่างใด ศพดังกล่าวถูกซุกซ่อนอยู่ใต้เรือค่อยๆ นำออกมาใส่ไว้ในโลงแทน แต่ละคนต้องรีบเร่งจัดการด้วยศพดังกล่าวขึ้นอืดเต็มที่และส่งกลิ่นเหม็นรุนแรงอย่างยิ่งยวด อ๊วกกก!! อ๊วกกก!!! เสียงอาเจียนเพราะกลิ่นเหม็นของศพคละคลุ้งจนทำให้ต้องโก่งคอนำสิ่งที่อยู่ภายในท้องออกมา “โอ๊ยย! เหม็นเน่าอะไรขนาดนี้คนตายวันเดียวกันแท้ๆ ศพหยางเฉียนเฉียนยังไม่เหม็แบบนี้เลย”เสียงคนทำศพบ่นออกมา “จะเหมือนกันได้อย่างไงก็นั้นลูกเจ้าเมือง มีเงินกว้านซื้อดอกไม้หวนคืนมีเท่าไรเอามาทั้งหมดกับคนที่ตายไม่มีญาติเช่นนางจะเอามาเทียบกันได้อย่างไง รีบๆ เข้าเถิดจะได้เวลาลงมือทำตามแผนต่อไปแล้ว เดี๋ยวเสียแผนกันหมดพอดี อดได้เงินอีกครึ่งที่เหลือกันหมดจะทำอย่างไง”คนพูดแลคล้ายเป็นหัวหน้าบ่นพึมพำ พลางรีบจัดการศพที่นำมาวางไว้แทนอย่างเร่งด่วน “ยิ่งเหม็นแรงๆ แบบนี้สิยิ่งดี จะได้ทำพิธีฝังให้มันสิ้นเรื่องสิ้นราวไปเลย พวกเจ้าทั้งหมดก็คอยช่วยพูดสนับสนุนข้าด้วย อย่าให้ท่านเจ้าเมืองกับฮูหยินท่านเจ้าเมืองเปิดโลงเพื่อดูหน้าลูกก่อนนำลงฝัง พวกเราจะได้ไม่เหนื่อย..รู้หรือเปล่า!!!”คนผู้นั้นตะโกนกำชับลูกน้อง “รู้แล้วละนะ..ถึงเปิดให้เห็นก็ไม่ต้องกลัวหรอกว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น เล่นอืดซะขนาดนี้จำหน้าและเค้าโครงเดิมแทบไม่ได้แล้ว”เสียงลูกน้องตอบกลับไป “ก็ป้องกันเอาไว้ก่อนทุกวิธี คนเป็นพ่อแม่ญาติพี่น้องจำเค้าโครงลูกได้เสมอนั่นแหละ อย่าชะล่าใจไป”เสียงหัวหน้าตอบกลับมาพลางสาละวนตรวจดูความเรียบร้อยเพื่อให้แน่ใจก่อนจะรีบแล่นเรือกลับไปทางเดิม “วนเรือกลับไปด้านหน้าเกาะ ขนโลงมาตั้งรอไว้ทำที่ว่านั่งรอมานานแล้วเป็นใช้ได้ รีบไป!!!”สิ้นเสียงพูด ส่วนท้ายลำเรือเริ่มถอยหลังออกจากบริเวณหลังเกาะทันใด รีบแล่นกลับไปจอดบริเวณด้านหน้าเกาะให้เร็วที่สุด
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD