15 : 20 นาฬิกา ณ ร้านอาหารชื่อดังในย่านรังสิต
หลังจากออกมาจากสวนสนุกก้องภพได้พาแก้วกัลยา ปิยะดา เพียงตะวัน และพิทุอรมายังร้านอาหารชื่อดังแห่งหนึ่งในย่านรังสิต ซึ่งร้านอาหารแห่งนี้เป็นร้านประจำยามที่เขาไปเที่ยวพักผ่อน และขากลับจะแวะมาหาอะไรทานที่นี่เสมอ
ชายหนุ่มพาบรรดาสาวๆ เดินมานั่งยังโต๊ะด้านในสุด ซึ่งบรรยากาศนั้นไม่ต้องพูดถึงเพราะบริเวณร้านนั้นรายรอบไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์และยังมีพันธุ์ไม้ดอกที่ประดับไว้อย่างละลานตาและที่ทำให้เขารู้สึกว่าโลกนี้ช่างสวยงามและสดใสก็เพราะสาวน้อยหน้าตาน่ารักคนนี้ต่างหาก
ปิยะดาแอบสังเกตอาการของพี่ชายแก้วกัลยามาสักพักหนึ่งแล้ว หากเธอเดาไม่ผิดชายหนุ่มกำลังสนใจเพื่อนของเธออยู่ และเธอมั่นใจเหลือเกินว่าจะต้องเป็นเพียงตะวัน เพราะอาการมันฟ้องทั้งการกระทำและสายตาเลยทีเดียว อีกทั้งตอนที่ไปเที่ยวสวนสนุก เขายังคอยดูแลเทคแคร์เพียงตะวันตลอดเวลา
“วันนี้จะทานอะไรกันดีครับ เดี๋ยวมื้อนี้พี่เลี้ยงเอง”
ก้องภพเอ่ยขึ้นอย่างเก้อเขิน เมื่อเห็นสายตาของปิยะดา เขารู้ได้ทันทีว่าสิ่งที่เขาพยายามปกปิด ดันถูกแม่น้องสาวคนใหม่จับได้เสียแล้ว ชายหนุ่มหันไปส่งยิ้มอบอุ่นให้ ก่อนจะหันมาสนใจเมนูบนโต๊ะแทนใบหน้าหวานๆ ของใครบางคน
เขาไม่คิดเลยว่าเพื่อนๆ ของปิยะดาจะน่ารักและอ่อนหวานกันแทบทุกคน โดยเฉพาะสาวน้อยหน้าหวาน นัยน์ตากลมโตนามเพียงตะวัน ครั้งแรกที่ได้พบเจอและสบตา หัวใจของเขาก็หวั่นไหวอย่างประหลาด มันรู้สึกสั่นวูบวาบจนเขาเองยังรู้สึกแปลกใจ
ยิ่งยามที่หญิงสาวหันมายิ้มและพูดกับเขา ยิ่งทำให้เขารู้สึกเหมือนจะลอยได้ทีเดียว และที่ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองได้ตกหลุมรักเพียงตะวันก็เพราะความอ่อนหวานและคอยดูแลเขาบ้างในบางครั้ง แม้มันจะไม่ได้มากมายอะไรนัก แต่สิ่งที่เธอทำให้เขามันยิ่งทำให้หัวใจเขาเต้นระรัวจนหัวใจแทบจะกระโดดออกมานอกอก
“น้องแก้มกับน้องอรไม่ต้องเกรงใจนะครับ อยากทานอะไรสั่งได้เลย”
“ขอบคุณค่ะ พี่กลาง”
เพียงตะวันกับพินทุอรตอบออกมาพร้อมกัน ก่อนจะหันมาสนใจเมนูอาหารในมือ โดยไม่สนใจอาการยิ้มน้อยๆ ของชายหนุ่มคนเดียวในกลุ่ม เพราะพวกเธอหิวจนตาลายแล้ว อีกอย่างก็เสียพลังงานไปกับการเล่นเครื่องเล่นในสวนสนุกไปจนหมด ตอนนี้ต้องหาอะไรใส่ท้องก่อน หลังจากนั้นก็กลับโรงแรมไปพักพัก พรุ่งนี้พวกเธอยังมีโปรมแกรมอีกเพียบที่ต้องทำ
“แก้วอยากทานอะไรดีล่ะ อันนี้ก็น่าจะอร่อยนะ”
แก้วกัลยาหันมาถามปิยะดาก่อนจะชี้นิ้วไปยังเมนูอาหารที่เธอเลือก วันนี้เธอรู้สึกสนุกมาก เพราะเธอไม่ค่อยได้มาเที่ยวแบบนี้นัก ส่วนใหญ่บรรดาเพื่อนๆ ของเธอมักจะชอบเดินห้างสรรพสินค้าเสียมากกว่า ไอ้เรื่องที่จะไปหาอะไรทำที่สนุกและเสียเหงื่อแบบนี้ไม่มีหรอก
“แก้วทานได้ทั้งนั้นแหละค่ะ”
ปิยะดาเงยหน้าขึ้นมาตอบแก้วกัลยา เพราะเธอเองก็ไม่ได้เรื่องมากอะไร อาหารทุกอย่างเธอก็ทานได้หมดและไม่แพ้อาหารด้วย แต่เพียงตะวันแพ้กุ้ง ส่วนพินทุอรดันแพ้หอยกับกุ้ง เวลาสั่งอาหารเธอก็มักจะเลี่ยงอาหารสองอย่างนี้เสมอ
“งั้นอรสั่งปูผัดผงกระหรี่กับไข่เจียวหมูสับก็แล้วกัน แล้วแก้มล่ะอยากจะกินอะไร สั่งกุ้งไหม กุ้งชุบแป้งทอดตัวโต น่าอร่อยนะ”
พินทุอรหันมาเหย้าเพื่อน เพราะเธอเองรู้ดีว่าเพียงตะวันนั้นแพ้กุ้งและไม่ชอบทานเนื้อเป็นที่สุด โดยเพื่อนเธอให้เหตุผลว่าเนื้อมีกลิ่นคาวและเป็นสัตว์ใหญ่ ซึ่งเธอกับปิยะดาเห็นด้วยกับความคิดของเพียงตะวัน
“อยากตายเหรอแก สั่งกุ้งมาให้ฉันกิน เกิดฉันช็อกตายไปแล้วแกจะทำยังไง”
เพียงตะวันหันมาโวยวายใส่เพื่อนเสียงเขียว ก่อนจะหันไปมองผู้ชายเพียงคนเดียวในกลุ่มที่นั่งยิ้มกับอาการของเธอและเพื่อน ใบหน้าหวานเงยหน้าขึ้นไปมองและสบตาอย่างขุ่นขวาง เมื่อเห็นอาการยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ของอีกฝ่าย
“น้องแก้มแพ้กุ้งหรือครับ”
“ก็อย่างที่ได้ยินนั่นแหละค่ะพี่กลาง แก้มแพ้กุ้ง ส่วนอรแพ้หอย แต่แก้มกำลังคิดจะสั่งหอยทอดอยู่เหมือนกัน เพราะมันอร่อยและน่าทานมากเลย”
“แกก็คิดที่จะแกล้งฉันเหมือนกันแหละไอ้แก้ม”
“ก็แกอยากแกล้งฉันก่อนทำไม พอโดนแกล้งบ้าง ทำเป็นบ่น”
“ไม่เอาน่าแก้ม อร จะทะเลาะกันทำไม อะไรที่ทานไม่ได้ก็ไม่ต้องสั่ง”
ปิยะดาเอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มแย้มพลางส่ายหน้าไปมากับอาการไม่ลงรอยของเพื่อน ทุกครั้งที่พวกเธอมาทานอาหาร ก็มักจะเป็นแบบนี้ประจำ จนเธอเองยังสงสัยเลยว่าเพียงตะวันกับพินทุอรจะทะเลาะกันทำไม
“ไม่ได้ทะเลาะกันเสียหน่อยแก้ว ปกติพวกเราก็เป็นแบบนี้อยู่แล้วจริงไหมแก้ม”
พินทุอรหันมาบอกปิยะดาก่อนจะหันไปยิ้มให้กับสองพี่น้องที่ได้แต่นั่งยิ้มๆ กับเรื่องที่เธอทะเลาะกับเพียงตะวัน หญิงสาวละสายตาจากก้องภพและแก้วกัลยาแล้วหันมามองเพียงตะวันด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เหมือนกับว่าเธอกับเพียงตะวันไม่ได้ทะเลาะกัน
“งั้นเดี๋ยวพี่สั่งเองดีกว่า ยังไงตอนนี้ก็รู้แล้วว่าน้องแก้มกับน้องอรแพ้อาหารอะไร แล้วน้องแก้วแพ้อาหารอะไรบ้างไหมครับ”
ก้องภพหันไปถามน้องสาวคนใหม่อย่างเอ็นดู ส่วนน้องสาวของเขานั้นไม่ต้องพูดถึงเพราะไม่ว่าจะเป็นอาหารประเภทไหน แก้วกัลยาก็ทานได้หมด ไม่แพ้มันสักอย่าง
“ไม่หรอกค่ะพี่กลาง แก้วนะทานได้ไหมเหมือนกับเล็ก สั่งอาหารได้แล้วค่ะ ตอนนี้เล็กหิวจนตาลายแล้ว ที่สำคัญแก้ม อร และแก้วก็น่าจะหิวหันแล้วเหมือนกัน”
แก้วกัลยาบอกพี่ชาย ก่อนจะหันมาสนใจเมนูในมือ จากนั้นหญิงสาวก็เริ่มสั่งอาหาร หลังจากสั่งไปสองสามอย่างก็ส่งเมนูไปให้พี่ชายสั่งต่อ จากนั้นอีกไม่นานอาหารเกือบสิบอย่างก็วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะอาหาร
///////////
ผ่านไปได้แค่ครึ่งชั่วโมงโทรศัพท์มือถือของเพียงตะวันก็ดังขึ้น หญิงสาวรีบหยิบกระเป๋าขึ้นมาควานหาโทรศัพท์ดูว่าเจ้าของเบอร์ที่โทรหาเธอนั้นเป็นใคร เมื่อเห็นเจ้าของเบอร์ ใบหน้าหวานก็เริ่มบูดบึ้งขึ้นมาทันตาเห็น ก่อนจะตัดสินใจกดรับด้วยใบหน้าบูดบึ้ง
“มีอะไรหรือคะ พี่กร”
“ตอนนี้เราอยู่ที่ไหน”
ภาสกรเอ่ยถามน้องสาวอย่างไม่พอใจ เขาอุตส่าห์บอกเอาไว้แล้ว ว่าหากลงมากรุงเทพฯ ให้บอกเขาด้วย แต่แม่น้องสาวตัวแสบไม่ยอมบอกแถมยังแอบหนีลงมากรุงเทพฯ เพียงคนเดียว แล้วจะไม่ให้เขาโกรธได้อย่างไร
“แก้มอยู่กรุงเทพค่ะพี่กร แล้วพี่กรมีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ”
เพียงตะวันถามปลายสายกลับไปอย่างสงสัย มันเรื่องอะไรกันนักหนา รู้สึกว่าช่วงนี้เธอจะถูกพี่ชายตามประกบตลอดยี่สิบชั่วโมง แค่เรื่องที่เธอจะลงมาหาปิยะดา พี่ชายเธอก็แทบจะเก็บเสื้อผ้าตามเธอลงมาด้วย นี่ถ้าหากชายหนุ่มรู้ว่าเธอนัดพินทุอรเอาไว้ด้วย ไม่รู้ว่าจะบ่นอะไรเธออีกหรือเปล่า แค่ลงมาหาปิยะดาก็โดนบ่นจนหูชาแล้วเหมือนกัน
“ตอนนี้พี่อยู่กรุงเทพแล้ว เราอยู่แถวไหน เดี๋ยวพี่ไปหา”
ปลายสายอธิบายด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เขาแค่อยากลงมาเจอใครบางคนเท่านั้น แต่ทำไมยัยน้องสาวตัวแสบต้องขัดขวางเขาด้วย
ชายหนุ่มนึกไปถึงเรื่องเมื่อหลายอาทิตย์ก่อนอย่างหัวเสีย เมื่อเขาโทรไปหาพินทุอรแล้วดันมีผู้ชายมารับโทรศัพท์ของหญิงสาว เขาก็แค่อยากรู้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร
มีความเกี่ยวข้องอะไรกับหญิงสาวก็เท่านั้น เขาก็แค่รู้สึกเป็นห่วง เพราะอย่างน้อยพินทุอรก็เป็นเพื่อนของน้องสาว ในเมื่อเขารับเป็นพี่ชายให้กับพินทุอร เขาก็ย่อมที่จะต้องรู้ว่าผู้ชายที่รับโทรศัพท์เป็นใครไม่ใช่หรือ
“พี่กรอยู่กรุงเทพหรือคะ”
เพียงตะวันตกใจกับคำตอบของพี่ชาย มันจะเป็นไปได้อย่างไรกันที่พี่ชายเธอจะอยู่กรุงเทพ เมื่อวานเธอยังเห็นพี่ชายกำลังยุ่งๆ กับปัญหาที่รีสอร์ทอยู่เลย ที่สำคัญผู้หญิงที่พี่ชายกำลังคบหาดูใจกันอยู่ตอนนี้ก็อยู่ที่รีสอร์ท แล้วพี่ชายเธอจะลงมากรุงเทพทำไมกัน
“ก็ใช่นะสิ แล้วพี่กำลังจะไปหาแก้มด้วย อยู่ที่ไหนบอกมาเดี๋ยวพี่จะไปหา”
“แก้มอยู่ที่ร้านอาหารแถวรังสิตนะคะพี่กร”
“แล้วร้านอะไร”
“ร้าน...”
เพียงตะวันบอกชื่อร้านแก่พี่ชายไป ก่อนจะถูกปลายสายตัดสายทิ้ง หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมามองผู้ร่วมโต๊ะอย่างสงสัย ยิ่งเห็นอาการนิ่งเงียบของชายหนุ่มเพียงคนเดียวในโต๊ะก็ยิ่งแปลกใจ คิ้วเรียวสวยเริ่มขมวดเข้าหากันจนแถมจะผูกโบว์ได้ เมื่อเห็นอาการบึ้งตึงจากใบหน้าหล่อเหลานั้น
/////////////
...โปรดติดตามตอนต่อไป...