17 : 25 นาฬิกา ณ เพียงตะวันรีสอร์ท
เจ้าของร่างเพรียวบางถึงกับกึ่งวิ่งกึ่งเดินเมื่อรู้ว่าเพื่อนสนิทอีกคนของเธอรออยู่หน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ใบหน้าสวยแต้มไปด้วยรอยยิ้ม ยิ่งเห็นหญิงสาวร่างเล็กกำลังนั่งหน้างออยู่ และสาเหตุนั้นก็คงมาจากพี่ชายของเธออย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อใดที่พินทุอรมาที่บ้านของเธอ เพื่อนคนนี้มักจะทะเลาะกับชายหนุ่มผู้เคร่งขรึมอย่างภาสกร ภัทรไพบูลย์จนต้องหัวเสียแทบจะทุกครั้ง
“มานานแล้วเหรอ อร”
“เพิ่งมาถึงจ้ะแก้ม แล้วนี่ยัยแก้วมาหรือยัง”
‘อร’ หรือ ‘พินทุอร เดชาพิทักษ์’ บุตรสาวนักธุรกิจชื่อดังของภาคใต้ หันมาตอบเพื่อนอย่างไม่ค่อยจะสดใสนัก เนื่องจากเธอเพิ่งจะถูกภาสกรบ่นเรื่องการใส่เสื้อผ้าและยังหาว่าเธอทำตัวไม่เหมาะสมกับการเป็นผู้หญิง
“มาแล้ว แต่ตอนนี้แก้วกำลังอาบน้ำอยู่ แล้วทำไมอรต้องทำหน้าอย่างนั่นด้วย พี่กรแกล้งอะไรอีก”
เพียงตะวันมองใบหน้าเรียวเล็กของพินทุอรอย่างเอ็นดู ไม่ว่าเพื่อนคนนี้ของเธอจะโกรธ โศกเศร้า หรืออารมณ์ดี หญิงสาวมักแสดงออกมาทางสีหน้าและแววตา จนเธอและปิยะดาต้องคอยเตือนเรื่องการแสดงอารมณ์ต่อหน้าคนอื่นเสมอ
“คนแก่ปากเสียนะแก้ม อรว่าเราไปอย่าไปสนใจคนแก่เลย ยิ่งแก่ยิ่งขี้บ่น”
พินทุอรพูดจบก็เหลือบไปมองคนแก่ที่นั่งหน้าตึงอยู่ข้างๆ เธออย่างสะใจ ยิ่งเห็นอีกฝ่ายมองเธอตาเขียว เธอก็ยิ่งสนุกแม้จะรู้สึกเจ็บแปลบยามที่เขาสนใจปิยะดามากกว่าเธอ จนเธอเองก็เริ่มไม่แน่ใจในตัวเองว่าจริงๆ แล้ว เธอคิดอะไรกับพี่ชายจอมเคร่งขรึมคนนี้กันแน่
“ยัยเด็กแก่แดด”
น้ำเสียงเข้มเอ่ยขึ้นขณะสายตาจ้องมองใบหน้าเรียวเล็กอย่างไม่สบอารมณ์ เขาหรืออุตส่าห์หวังดี ถึงเตือนให้หญิงสาวแต่งกายให้มันเรียบร้อย แต่ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ แม่คุณเธอก็พูดแทรกขึ้นมาทันที แถมยังหาว่าเขาทำตัวเหมือนคนแก่และไม่ทันสมัย ‘ฮึ! ยัยเด็กเตี้ย ถ้าเป็นน้องเป็นนุ่ง ฉันจะตีก้นให้ลายเลย’ ภาสกรบอกตัวเองอยู่ในใจ
“ก็ยังดีกว่าคนแก่ขี้บ่นก็แล้วกัน”
“ฉันไม่ได้แก่อย่างที่เธอพูดเลยนะหนูอร”
คนที่ถูกหาว่าแก่ เริ่มทำหน้าตึง นับวันเขายิ่งรู้สึกว่าตัวเองเริ่มจะแก่จริงๆ เมื่อต้องมานั่งทะเลาะกับเพื่อนสนิทของน้องสาว เขาแปลกใจเหลือเกินว่าทำไมนิสัยของพิทุอรถึงได้แตกต่างจากปิยะดานัก ยิ่งนานวันเขาก็ยิ่งรู้สึกอึดอัดกับการที่ต้องมาเจอเพื่อนสนิทของน้องสาว
หากให้เขาเลือกระหว่างพินทุอรกับปิยะดา เขาขอเลือกปิยะดาดีกว่า เพราะสำหรับเขาแล้ว ปิยะดาคือสาวน้อยในดวงใจ ซึ่งต่างจากพินทุอร ที่คอยแต่จะสร้างปัญหาและหาเรื่องให้เขาต้องปวดหัวอยู่ตลอดเวลา
“เหรอคะ เห็นบ่นได้ตลอดเลย ก็นึกว่าแก่แล้ว”
พินทุอรสบตามองภาสกรอย่างสำรวจ จะว่าไปชายหนุ่มก็ยังไม่แก่อย่างที่เธอว่าหรอก เพียงแต่เธอไม่ชอบเวลาเขาบ่น แม้อายุของเขากับเธอจะห่างกันเกือบหนึ่งรอบ แต่เขาก็ไม่เห็นต้องมาบ่นหรือคอยห้ามเธอทำโน่นทำนี่เลย
“ฉันเพิ่งจะยี่สิบเก้าเองนะหนูอร”
“สำหรับอรถือว่าแก่ค่ะพี่กร เพราะอรเพิ่งจะสิบแปด”
พินทุอรบอกเสียงขุ่นขวาง ก่อนจะสะบัดหน้ามองไปทางอื่น นึกเกลียดพี่ชายของเพื่อนอย่างไม่ทราบสาเหตุ ไม่รู้จะอะไรกับเธอนักหนา ทีกับปิยะดาไม่เห็นจะบ่นเลย แต่พอกับเธอบ่นได้ตลอด ขนาดบิดามารดายังไม่เคยดุด่าหรือแม้แต่บ่นใส่เธอเลยสักครั้ง
“ไม่เอาน่าอร จะทะเลาะกับพี่กรไปทำไม อีกไม่กี่เดือนอรก็จะไม่ได้เจอพี่กรแล้วนะ”
เพียงตะวันเอ่ยขึ้นพร้อมกับส่ายหน้าไปมาอย่างเหนื่อยใจ เมื่อเห็นอาการไม่ลงรอยของพี่ชายและเพื่อน เธอเองก็ไม่เคยเข้าใจถึงความสัมพันธ์ระหว่างพี่ชายกับเพื่อนคนนี้นัก ยิ่งนานวันทั้งสองยิ่งทะเลาะและหาเรื่องกันหนักขึ้น หากพี่ชายเธอไม่เริ่มก่อน ก็จะเป็นพินทุอรที่เป็นคนก่อเรื่อง
จนเธอเริ่มสงสัยในความสัมพันธ์ของทั้งคู่ หากจะคิดให้ลึกซึ้ง เธอเองรู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างพี่ชายและเพื่อนสนิทอาจจะเกินขอบเขตของความเป็นพี่เป็นน้อง แต่ถ้ามองเพียงผิวเผินก็เป็นปกติ เหมือนคู่พี่น้องที่ทะเลาะกันเสียมากกว่า แต่หากสังเกตกันจริงๆ ก็รู้สึกว่าทั้งคู่จะต้องมีอะไรที่ไม่อยากให้คนอื่นรู้
“หนูอรจะไปไหนเหรอหนูแก้ม”
ภาสกรละสายตาจากตัวปัญหาแล้วหันมามองน้องสาวอย่างสงสัย จู่ๆ ทำไมเพียงตะวันถึงต้องพูดแบบนั้นด้วย พินทุอรจะไปไหน แล้วหากเธอไป นานแค่ไหนหญิงสาวถึงจะกลับมา
“ก็บินไปเรียนต่อสิคะพี่กร”
เพียงตะวันตอบพี่ชายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม มันก็ไม่เห็นจะแปลกหากพินทุอรจะบินไปเรียนต่อ คงจะมีเพียงแต่เธอเท่านั้นแหละที่ต้องเรียนในเมืองไทย เพราะปิยะดาได้ทุนไปเรียนต่อที่อังกฤษ พินทุอรบินไปเรียนต่อที่อังกฤษพร้อมกับปิยะดา
“อ้าว! แล้วทำไมไม่เรียนในเมืองไทย ไปเรียนต่างประเทศทำไม?”
ภาสกรตั้งคำถามอย่างสงสัย ในเมื่อเมืองไทยมีสถาบันดีๆ มากมาย เขาไม่เห็นความจำเป็นเลยที่พินทุอรจะต้องบินไปเรียนต่อถึงเมืองนอกเมืองนา
“ไม่ใช่แต่อรหรอกค่ะพี่กรที่บินไปเรียนอังกฤษ แก้วก็บินไปเรียนต่อที่อังกฤษเหมือนกัน”
“แก้วด้วยเหรอ?”
ภาสกรทำท่าแปลกใจทั้งที่ความจริงเขานี่แหละที่ให้ทุนปิยะดาไปเรียนต่อเมือง ตอนแรกเขาก็ไม่รู้เพราะทางบริษัทฯ เป็นคนคิดเลือก เขาเองก็เพิ่งมารู้ได้ไม่กี่วันนี่เอง จะขัดขวางหรือปฏิเสธก็ทำไม่ได้แล้ว
“ค่ะพี่กร แก้วได้ทุนไปเรียนต่อที่อังกฤษ อรก็เลยจะไปเรียนไปเพื่อนแก้ว นี่ก็กะจะชวนแก้มไปด้วยเหมือนกัน แก้มไม่ไปเรียนต่อกับพวกเราเหรอ”
คราวนี้พินทุอรหันมาสนใจเพื่อนแทน เพราะใจจริงเธอก็อยากให้เพียงตะวันบินไปเรียนต่อกับเธอและปิยะดาเหมือนกัน ตั้งแต่สมัยมัธยมแล้ว ทั้งเธอ ปิยะดาและเพียงตะวัน ต่างก็ต้องอยู่โรงเรียนประจำ จนตอนนี้พวกเธอก็จบมัธยมปลายกันแล้ว หากจะเรียนระดับมหาวิทยาลัยก็น่าจะไปเรียนที่เดียวกันอีก
“แก้มก็คิดอยู่เหมือนกัน”
เพียงตะวันหันมาตอบเพื่อนก่อนจะหันไปยิ้มให้กับพี่ชายที่เริ่มทำหน้ายุ่ง เมื่อรู้ว่าเธอเองก็อยากจะบินไปเรียนนอกเหมือนกัน ตอนแรกเธอก็คิดว่าจะเรียนต่อที่เมืองไทย
แต่คิดไปคิดมาเธอน่าจะบินไปเรียนต่อที่อังกฤษพร้อมกับปิยะดาและพินทุอรจะดีกว่า ในเมื่อเรียนด้วยกันมาตั้งแต่มัธยมแล้ว เธอก็น่าจะเรียนต่อมหาวิทยาลัยเดียวกับเพื่อนเสียเลย
“ไม่ต้องเลยนะหนูแก้ม พี่ว่าเราเรียนที่เมืองไทยนี่แหละดีที่สุด ไม่ต้องไปเรียนมันหรอกที่เมืองนอก อีกอย่างพี่ว่าเรียนที่ไหนก็เหมือนกัน จบออกมาก็ทำงานได้เหมือนกัน”
“ไม่เอาน่าพี่กร ทีพี่กรยังไปเรียนเมืองนอกเลย แล้วทำไมแก้มถึงไปเรียนบ้างไม่ได้”
พินทุอรหันมาถามพี่ชายเพื่อนอย่างสงสัย ในเมื่อตัวเขาเองก็ยังบินไปเรียนนอกเลย แล้วทำไมเพียงตะวันถึงไปเรียนบ้างไม่ได้ แบบนี้มันกีดกันอย่างเห็นๆ
“ไม่ต้องมาทำเสียงเขียวใส่ฉันเลยนะหนูอร ยังไงฉันก็ไม่ยอมให้หนูแก้มไปเรียนต่อเมืองนอกแน่นอน เมืองไทยยังมีมหาวิทยาลัยที่น่าเรียนตั้งหลายแห่ง ไม่เห็นจะต้องบินไปเรียนไกลถึงขนาดนั้นเลย”
ภาสกรเริ่มทำเสียงเข้มเมื่อเขารู้สึกว่าโดนน้องสาวกับยัยตัวปัญหาหันมารุมจิกด้วยสายตา การที่เขาไม่อยากให้เพียงตะวันไปเรียนเมืองนอกมันไม่ดีตรงไหน ในเมื่อเขาเองก็เคยไปเรียนมาแล้ว และรู้ดีว่าสังคมเมืองนอกกับเมืองไทยมันต่างกัน ขืนปล่อยให้เพียงตะวัน ปิยะดาและพินทุอรอยู่ด้วยกัน มีหวังคงจะเรียนไม่จบ
เผลอๆ อาจจะพาหนุ่มตาน้ำข้าวพร้อมกับหลานตัวน้อยๆ มาฝากเขาก็อาจเป็นไปได้ ดังนั้นเพื่อตัดปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น เขาจะไม่มีวันยอมให้เพียงตะวันบินไปเรียนต่อเมืองนอกอย่างแน่นอน ยิ่งมีพินทุอรไปด้วยก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่ หากมีแต่ปิยะดากับน้องสาวของเขาก็ว่าไปอย่าง
/////////////////
...โปรดติดตามตอนต่อไป....