“กลัวหรือไงพี่กร ว่าจะแก้มจะมีแฟนเป็นฝรั่งนะ หรือกลัวกรรมจะตามทันเรื่องที่พี่กรเคยทำไม่ดีกับอดีตแฟนเก่า แต่อย่างว่าแหละนะ เคยทำร้ายผู้หญิงเอาไว้เยอะก็เลยกลัวว่าจะมีผู้ชายมาทำกับแก้มเหมือนที่พี่กรเคยทำเอาไว้”
“หยุดเดี๋ยวนี้นะหนูอร นั่นมันเรื่องส่วนตัวของฉัน หนูอรเป็นคนนอกไม่ควรยุ่งเรื่องส่วนตัวของฉัน”
ภาสกรสวนกลับเสียงกร้าวเมื่อพินทุอรเริ่มรวนเขาอีก การที่เขากลัวมันผิดตรงไหน ในเมื่อในอดีตเขาก็เคยทำผิดพลาดมาแล้ว หากเขาจะหวงและห่วงน้องสาวของตัวเองมันผิดตรงไหน
พินทุอรสบตามองภาสกรอย่างเจ็บแปลบ เมื่อได้ยินคำพูดของเขา นั่นสินะ! เธอเป็นอะไรกับเขาถึงได้คิดที่จะก้าวก่ายและเข้าไปเป็นคนสำคัญของเขากัน ในเมื่อเธอเองก็เป็นแค่เพียงเพื่อนของน้องสาวเขา จะมีค่ามีความหมายอะไรกับเขา
“นั่นสิ อรก็ลืมไปว่าอรเองไม่ได้เป็นอะไรกับพี่กรเสียหน่อย ขอโทษนะคะ ถ้าอรเผลอไปก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของพี่กร”
“รู้ตัวก็ดีแล้ว ต่อไปหนูอรจะไม่ได้ต้องเข้ามายุ่งวุ่นวายกับฉันอีก”
“ค่ะ ต่อไปอรจะไม่ยุ่งและไม่วุ่นวายกับพี่กรอีก”
“ไม่เอาน่าพี่กร อร ทำไมต้องทำหน้าซีเรียสกันขนาดนั้น เรื่องแค่นี้เอง ไม่เห็นจะต้องจริงจังกันถึงขนาดนั้นเลย เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า จะคิดว่าพี่กรกับอรทะเลาะกันหรอก”
เพียงตะวันเริ่มแก้ไขสถานการณ์ตึงเครียด เห็นแล้วก็อดเป็นห่วงพี่ชายกับเพื่อนไม่ได้ มาทำหน้ายักษ์ส่งสายตาไม่พอใจกันแบบนี้เดี๋ยวก็เกิดเรื่องขึ้นมาจริงๆ อีกอย่างเธอรู้ดีว่าหากพินทุอรพูดออกมาแบบนี้ นั่นก็หมายความว่าเพื่อนของเธอจะไม่สนใจและเข้ามายุ่งเกี่ยวกับพี่ชายของเธอจริงๆ
“ฉันไปหาแก้วดีกว่าแก้ม ขืนอยู่ตรงนี้นานๆ บางที...”
ความรู้สึกที่อรมีให้พี่ชายแก้มอาจจะติดลบ หากแต่ประโยคนี้พินทุอรกลับบอกตัวเองอยู่ในใจ หญิงสาวหันไปมองพี่ชายของเพื่อนอย่างตัดสินใจ
ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะรู้สึกดีๆ กับเขา หลังจากวันนี้ไป ระหว่างเธอกับเขาจะเป็นเพียงแค่คนรู้จัก ในเมื่อเธอเป็นคนนอกสำหรับเขา แล้วทำไมเธอจะต้องให้เขามาเป็นคนสำคัญของเธอด้วย
“อ้าว! อร จะไปไหน รอแก้มด้วยสิ”
เพียงตะวันรีบลุกเดินตามเพื่อนไป เมื่อจู่ๆ คนอารมณ์ร้อนก็ลุกเดินหนีไปดื้อๆ แถมยังพูดเรื่องที่เธอเข้าใจยากเสียอีก ส่วนพี่ชายของเธอนั้นถึงกับนั่งนิ่งไปเมื่อฟังคำพูดของเพื่อนเธอจบ จะให้โทษพินทุอรคนเดียวก็ไม่ได้
หากพี่ชายเธอไม่ปากเสีย พูดไม่ดีกับเพื่อนเธอก่อน บางทีพินทุอรอาจจะยังมองพี่ชายเธอในทางที่ดีก็ได้ แต่ตอนนี้เธอชักไม่แน่ใจแล้วว่าพินทุอรรู้สึกอย่างไรกับพี่ชายของเธอกัน
ภาสกรได้แต่นั่งอึ้ง พูดอะไรไม่ออกสักคำ เมื่อจู่ๆ เขาก็ถูกเพื่อนของน้องสาวแสดงกริยาเฉยชาใส่แบบนี้ และเหนือสิ่งอื่นใดเขารู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจ
เมื่อรู้ว่าจากนี้ไปเพื่อนสนิทของน้องสาวจะไม่เข้ามาวุ่นวายกับเขาอีกแล้ว แต่เขาก็ไม่อยากที่จะสนใจความรู้สึกนั้นนักหรอก เพราะผู้หญิงที่เขาอยากได้หัวใจเธอมาครอบครองมากที่สุดก็คือปิยะดา
/////////////
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา...
หลังจากกลับมาจากเชียงใหม่ปิยะดาก็เดินทางลงมากรุงเทพๆ เพื่อไปหาผู้เป็นป้าที่คฤหาสน์เลิศอัครเกรียงไกรทันที เพราะก่อนหน้านี้เธอเพิ่งจะแยกกับพินทุอรที่สนามบิน เพราะพินทุอรต้องบินกลับไปใต้ตามคำสั่งของมารดา ส่วนเธอต้องรีบกลับมาช่วยผู้เป็นป้าที่เลิศอัครเกรียงไกรในช่วงที่เธอยังไม่เดินทางไปเรียนต่อที่อังกฤษ
เพียงไม่ถึงสามชั่วโมงปิยะดาก็นั่งรถแท็กซี่มาถึงคฤหาสน์เลิศอัครเกรียงไกร และเมื่อเธอลงรถได้ไม่ถึงสิบนาที ผู้เป็นป้าก็เดินมาเปิดประตูเล็กให้เธอด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“สวัสดีค่ะป้า”
“ป้านึกว่าแก้วจะไม่มาเสียอีก”
นางเนียนถามหลานสาว พร้อมกับเปิดประตูเล็กให้เข้ามา นางเองก็รออยู่เหมือนกันว่าเมื่อใดปิยะดาจะกลับมาจากเชียงใหม่เสียที ถึงแม้ปิยะดาโตพอที่จะดูแลตัวเองได้แล้ว แต่นางก็ยังเป็นห่วงอยู่ดี
หากนางมีหลานเป็นผู้ชายก็คงจะไม่ต้องเป็นมากนัก แต่นี่หลานของนางดันเป็นผู้หญิง ที่สำคัญสวยและน่ารัก จนนางเองยังเคยคิดเลยว่าตอนที่ปิยะดาคลอดออกมา พยาบาลอาจจะหยิบผิดสลับตัวหลานของนาง แต่พอนานวันเข้า นางเห็นถึงความเหมือนระหว่างน้องชายของนางกับหลานสาวคนนี้
บางทีปิยะดาอาจจะได้เชื้อทางฝั่งแม่มากกว่า เพราะน้องสะใภ้ของนางเป็นสาวเหนือในขณะที่นางกับน้องชายเป็นคนใต้ ดังนั้นปิยะดาจึงได้ความขาวมาจากผู้เป็นแม่และได้ดวงหน้าที่สวยคม ดวงตากลมโตมาทางผู้เป็นพ่อ
“มาสิคะป้า ทำไมคิดว่าแก้วจะไม่มา”
ปิยะดาถามผู้เป็นป้าเสียงหวาน ก่อนจะก้าวเท้าเดินเข้ามาหยุดอยู่ภายในพื้นที่ของคฤหาสน์เลิศอัครเกรียงไกร ดวงตาคู่คมกวาดสายตามองไปรอบๆ ตัวคฤหาสน์อย่างสงสัย คฤหาสน์หลังใหญ่ขนาดนี้ จะมีคนอาศัยอยู่กี่คนกัน หากให้เธอเดาก็คงจะมีเยอะทีเดียว
“ก็ป้าเห็นว่ามันเกือบจะหนึ่งอาทิตย์แล้ว ป้ายังไม่เห็นแก้วมาเสียที”
นางเนียนพูดขณะดันประตูเล็กให้ปิดลงพร้อมกับคล้องกุญแจอีกครั้ง จากนั้นก็เดินจูงมือหลานสาวเดินลัดเลาะมาทางด้านหลังตึก
สุดท้ายนางก็หายใจได้คล่องหน่อย เมื่อปิยะดามาอยู่กับนาง แม้มันจะไม่กี่เดือนก็เถอะ แต่อย่างน้อยนางก็จะได้อยู่ใกล้ๆ ปิยะดาบ้าง เพราะอีกสามเดือนนางกับหลานสาวต้องห่างไกลกันอีกครั้ง และอีกหลายปีทีเดียวกว่าจะได้เจอกันอีก
“มาสิคะป้า แก้วสัญญากับป้าแล้วนี่นา แก้วจะผิดสัญญาได้ยังไง”
“ป้าเตรียมห้องเอาไว้ให้แก้วตั้งแต่วันที่ป้ากลับมา แต่ห้องของแก้วอยู่ที่เรือนกลางน้ำ พอดีห้องที่คุณท่านเตรียมเอาไว้ให้กับบรรดาสาวใช้ในบ้านมันเต็ม คุณท่านให้แก้วไปพักที่เรือนกลางน้ำได้”
นางเนียนอธิบายหลานสาวไปเรื่อยๆ ก่อนจะพาปิยะดาเดินตรงไปยังบ้านพักกลางน้ำ ซึ่งคุณผู้หญิงของนางยกให้ปิยะดาพักอยู่ในช่วงที่มาช่วยนางทำงานบ้านที่นี่
“มันจะดีหรือจ้ะป้า แก้วนอนกับป้าก็ได้นี่จ้ะ ไม่เห็นจะต้องรบกวนคุณท่านเลย”
ปิยะดาบอกอย่างเกรงใจ ทั้งที่ความจริงเธอน่าจะได้นอนกับผู้เป็นป้ามากกว่า หรือไม่ก็หาห้องสาวใช้ให้เธอสักห้องก็ได้ ไม่เห็นจะต้องให้เธอมาพักที่เรือนกลางน้ำเลย สายตาคู่คมสวยจ้องมองเรือนกลางน้ำอย่างตกใจ เพราะมันไม่ใช่หลังเล็กๆ อย่างที่เธอเข้าใจแม้แต่น้อย มันใหญ่เกินไปสำหรับเธอด้วยซ้ำ
“แต่แก้วว่ามันใหญ่เกินไปสำหรับแก้วนะคะป้า”
ในเมื่อเรือนกลางน้ำหลังนี้มันทั้งใหญ่และสวยงามเหมือนบ้านในฝันของเธอเลย อีกอย่างเธอเป็นแค่หลานสาวแม่บ้านเท่านั้น จะให้เธอมาพักบ้านหลังใหญ่แบบนี้ คงดูไม่ดี
“ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกแก้ว เรือนกลางน้ำหลังนี้ไม่ค่อยมีใครเข้ามาพัก เพราะคุณใหญ่เธอไม่ค่อยกลับมานอนที่นี่ ส่วนคุณกลางกับคุณหนูเล็กก็มักจะอยู่แต่ตึกใหญ่”
“คุณใหญ่ คุณกลาง แล้วก็คุณหนูเล็กหรือจ้ะป้า”
ปิยะดาหันมาถามผู้เป็นป้าอย่างแปลกใจ เพราะก่อนหน้านี้เธอคิดว่าเจ้านายของป้ามีเพียงแต่คุณท่านกับคุณผู้หญิงเสียอีก นี่สรุปว่าคฤหาสน์หลังนี้ยังมีบรรดาลูกๆ ของเจ้านายป้าเธออยู่ด้วย กระเป๋าใบเล็กถูกวางลงบนพื้น ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบๆ เรือนกลางน้ำอย่างตื่นเต้น
“ใช่แล้วแต่แก้วไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก เพราะคุณใหญ่ไม่ค่อยกลับบ้าน ส่วนคุณกลางก็มักจะนอนที่คอนโดฯ จะมีแต่คุณหนูเล็กนี่แหละที่อยู่กับคุณท่านและคุณผู้หญิงที่นี่”
////////////////
...โปรดติดตามตอนต่อไป...