ตอนที่ 10 คณิกาคนโปรด

1833 Words
ทางฝั่งของเหมยลี่เองตอนนี้นางก็ได้แต่มึนงงกับการปรากฏตัวของหญิงคณิกาที่แต่งกายด้วยสีสันฉูดฉาด กลิ่นเครื่องหอมบนตัวพวกนางฉุนจนแสบจมูก มีบ่อยครั้งที่นางจะย่นจมูกของตนเองไปมาเพราะมันแสบไปหมดแล้ว "นี่นะหรือคือสตรีที่ท่านอ๋องทรงนำมาด้วย" "ข้าได้ยินมาเช่นนั้น ถึงได้นำเจ้ามาให้เห็นกับตาตนเองเช่นไรเล่า" "ดูท่าว่ามิได้งดงามเท่าใดนักกระมัง เพราะนางเล่นปิดบังใบหน้าเอาไว้ จนไม่เผยสิ่งใดออกมาให้ผู้อื่นได้เห็น คงจะอัปลักษณ์เสียจนไม่กล้าสู้หน้าผู้คนกระมัง" เหมยลี่ได้แต่รู้สึกว่า คำกล่าวของพวกนางทั้งสามคนกำลังกล่าวเหน็บแนมตนเองอยู่หรือไม่ แล้วนางไปทำอะไรให้พวกนางไม่พอใจ เท่าที่จำได้นางไม่เคยพบเจอหญิงคณิกากลุ่มนี้มาก่อนหากเป็นเช่นนั้น คงจะเกี่ยวกับบุรุษสูงศักดิ์ที่พานางมาที่นี่กระมัง FC ของเขาว่างั้น… เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้ทั้งหมดแล้ว หญิงสาวก็ได้แต่ยกยิ้มขึ้นอย่างร้ายกาจ ในความน่าเบื่อนี้อาจจะมีเรื่องสนุกให้นางได้ทำแล้วกระมัง "สมกับเป็นสตรีในหอโคมเขียวจริงๆ สามารถกล่าววาจาเหน็บแนมผู้อื่นออกมาได้เจ็บแสบเช่นนี้ คิดว่าอาภรณ์และใบหน้าของตนเองดูดีแล้วกระนั้นหรือ ถึงได้ออกมาต่อว่าผู้อื่นอย่างมั่นอกมั่นใจถึงเพียงนี้ หากข้าเป็นพวกเจ้า แม้แต่เพียงเดินออกมาจากนอกห้องของตนเอง ก็ยังไม่กล้าให้ผู้ใดได้ยลโฉมแล้ว คนหนึ่งก็คล้ายกับนกแก้ว อีกคนหนึ่งหน้าเหมือนคล้ายลิงที่ถูกประทินโฉมจนใบหน้าเป็นสีแดง อีกผู้หนึ่งยิ่งแล้วใหญ่ สวมใส่อาภรณ์หลากหลายสี ทั้งที่สีผิวหยามกร้านอย่างกับบุรุษ ข้าก็นึกว่าเป็นนายคณิกาเสียอีก ถ้าไม่ได้ยินน้ำเสียงคงเข้าใจผิดไปมากโขเลยทีเดียว" "เจ้า!" "เจ้า!" "เจ้า!" "เจ้ากล่าววาจาดูถูกพวกข้ากระนั้นหรือ ก็แค่เพียงสตรีที่ท่านอ๋องนำมาด้วย คิดว่าตนเองมีความสำคัญกว่าสตรีอื่นหรืออย่างไร" "ใช่แล้ววันนี้ข้าจะสั่งสอนสตรีปากคอเราะร้ายเช่นเจ้า ให้รู้จักสำนึกว่ากำลังเล่นกับผู้ใดอยู่" "หึ...!!!" แทนที่เหมยลี่ได้ยินคำกล่าวเหล่านั้นแล้วจะรู้สึกกลัว นางทำเพียงส่งเสียงหัวเราะในลำคอพร้อมกับจ้องมองไปที่พวกนางอย่างท้าทาย สตรีที่เรียนรู้แต่การเอาอกเอาใจบุรุษ และเรียนรู้เกี่ยวศาสตร์ทั้งสี่เพียงเท่านั้น จะมาสู้อันใดกับสตรีที่ต้องทำงานหนักและต่อสู้ดิ้นรนด้วยตนเองมาตั้งแต่วัยเยาว์เช่นนางได้ เพียงแค่สตรีเหล่านั้นกรูกันเข้ามา ในขณะที่องครักษ์ของเกาเจี้ยนหานจะเข้ามาขัดขวาง เหมยลี่ก็ออกคำสั่งไปอย่างเฉียบขาด พร้อมกับ ใช้สายตาหยุดการกระทำของเขาเอาไว้แทบจะในทันที "อย่าสอดมือเข้ามายุ่งพวกเจ้าเพียงดูอยู่เฉยๆ ก็พอแล้ว" ถึงแม้นว่าองครักษ์เท่านั้น ดูจะเต็มใจเท่าใดนัก แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะขยับตัวเมื่อเห็นว่า นางต้องการจัดการเรื่องนี้ด้วยตนเอง และทางฝั่งของหยางเพ่ยฉี ก็มืได้ขยับกายหรือแสดงตนว่าต้องการที่จะยื่นมือเข้าช่วยเหลือนางแต่อย่างใด เขาเพียงนั่งมองเรื่องสนุกตรงหน้า ด้วยแววตาที่ดูเป็นประกายเพียงเท่านั้น "ดี ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาใช่หรือไม่ พวกเราจัดการนางได้เลย" เพียงหญิงคณิกาเหล่านั้นกล่าวจบ ทั้งสามคนก็กรูกันเข้าไปใหม่หมายจะทำร้ายเหมยลี่ แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็ได้เกิดขึ้น เพราะสตรีที่อยู่ตรงกลางก็กระเด็นออกไปล้มลงก้นกระแทกพื้น ส่วนสตรีอีก 2 นางก็ได้แต่ตกตะลึง และใช้สายตาไม่พอใจ มองไปที่เหมยลี่อย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ แต่ยังไม่ทันที่พวกนางจะได้ทำสิ่งใดไปมากกว่านั้นก็รู้สึกว่าใบหน้าของตนเองชาวาบ จนเกิดรอยแดง และสตรีที่เหลือเพียงผู้เดียวนั้นก็ถูก กระชากผมจนใบหน้าแหงนขึ้นฟ้า และรู้สึกถึงความเจ็บปวดเมื่อหน้าผากของนางกระแทกเข้ากับฝาผนังอย่างแรง "เป็นไง ไม่เห็นโรงศพไม่หลั่งน้ำตา ประโยคนี้ควรเป็นพวกเจ้าเสียมากกว่ากระมังที่ต้องรู้สึก" "กรี๊ด ข้าจะบอกเรื่องนี้ให้กับท่านอ๋องได้ทราบ เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าคือคนโปรดของท่านอ๋อง แน่นอนว่าหากท่านอ๋องทราบเรื่องนี้ เขาจะต้องลงโทษเจ้าอย่างสาสมเป็นแน่" สตรีที่ดูคล้ายว่าจะมี ความงดงามที่สุดภายในกลุ่ม กรีดร้องออกมาอย่างไม่พอใจ หลังจากที่ศีรษะของนางได้กระแทกเข้ากับฝาผนัง จนมึนงงไปชั่วขณะ เมื่อตั้งสติได้ นางก็ได้กล่าววาจานั้นออกไป เพื่อข่มขู่เหมยลี่ แต่ดูเหมือนว่าคำขู่เหล่านั้น จะไม่เป็นผลอันใด ให้เหมยลี่รู้สึกหวาดกลัวได้เลย "ในเมื่อจะฟ้องอยู่แล้ว งั้นก็บอกเขาด้วยว่าข้าจัดการเจ้าเช่นไรบ้าง" ยังไม่ทันที่หญิงคณิกาผู้นั้นจะได้เข้าใจเหมยลี่ก็ได้ยกเท้าขึ้นมาฟาดเข้าที่ใบหน้าของสตรีผู้นั้นจนสลบไปเสียแล้ว "เล่นกับใครไม่เล่น..." เมื่อได้ออกแรงจนเหนื่อยแล้วหญิงสาวก็ไม่ได้หันไปให้ความสนใจกับสตรีอีก 2 คนที่กองอยู่ที่พื้น พวกนางได้แต่มองมาที่เหมยลี่อย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา ว่าจะมีสตรีใดที่แสดงท่าทีไร้ซึ่งกุลสตรีได้เช่นนี้ นางนั่งลงไปบนโต๊ะที่มีหยางเพ่ยฉีนั่งอยู่ และเขาก็ไม่รอช้ารินจอกชาให้กับนางพร้อมรอยยิ้มขบขันอีกด้วย "ไม่คิดว่าจะได้เห็นฉากการต่อสู้ที่สนุกเช่นนี้มาก่อน แม่นางช่างทำให้ข้าเปิดตาแล้ว เจ้าเหนื่อยหรือไม่" "นิดหน่อยเจ้าค่ะ" "งั้นก็นั่งพักจิบชาให้อารมณ์เย็นลงเสียเถิด" ทั้งสองมองสบตากันและหัวเราะออกมาพร้อมกันอีกครั้ง คล้ายกับว่าเรื่องที่ผ่านมาเมื่อสักครู่นี้ได้สร้างความตลกขบขันให้กับพวกเขาอยู่ไม่น้อย แต่ในจังหวะที่พวกเขากำลังหัวเราะอย่างมีความสุขอยู่นั้น ก็ได้สัมผัสถึงรังสีเย็นเฉียบแผ่ขึ้นที่ด้านหลังของนาง หยางเพ่ยฉีเอง เมื่อรับรู้ได้ถึงรังสีนั้น เขาก็หันไปจ้องมองอย่างรวดเร็ว ก็พบเข้ากับใบหน้าที่เย็นชาของบุรุษผู้หนึ่งที่จ้องมองมาที่เขาอย่างไม่วางตา ในสายตาของบุรุษผู้นั้นบ่งบอกถึงความไม่พอใจอย่างรุนแรง และเขาก็ได้ลุกขึ้นทำความเคารพผู้มาใหม่อย่างสุภาพ "ถวายพระพรชินอ๋องไม่คิดว่าจะได้พบพระองค์ยังที่แห่งนี้" "ท่านแท่ทัพหยางเล่ามาทำอันใดยังหอคณิกานี้กันหรือ" "กระหม่อมเพียงแค่มาหาความสำราญตามประสาของบุรุษทั่วไปที่เขาทำกันเพียงเท่านั้น" "งั้นหรือ งั้นเห็นทีว่าคงต้องขอตัวคนของเปิ่นหวางกลับแล้ว" เกาเจี้ยนหานใช้ความรวดเร็วของตนเอง เดินเข้าไปกระชับข้อมือของเหมยลี่เอาไว้แน่น พร้อมกับดึงน้ำให้ลุกขึ้น ถึงแม้เขาจะมีความประหลาดใจอยู่ไม่น้อยกับภาพของสตรีทั้งสามคนที่กองอยู่ที่พื้น และการนั่งร่วมโต๊ะกันของเหมยลี่และแม่ทัพผู้นี้ แต่ในตอนนี้เขามีเรื่องสำคัญที่ต้องทำมากกว่า "จะกลับเลยหรือ นี่ท่านพึ่งกลับมาเองนะเจ้าค่ะ" "ข้ามีเรื่องสำคัญที่ต้องไปจัดการ" แต่ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้ก้าวเท้าออกไป หญิงคณิกาทั้งสองคน ก็ได้เข้ามาประชิดตัวของชินอ๋องอย่างรวดเร็วไว้เสียก่อน "ท่านอ๋องเพคะ พี่เย่ถงโดนสตรีชั่วช้าผู้นี้จัดการจนสลบไปแล้ว ท่านอ๋องจะต้องมอบความเป็นธรรมให้กับพี่เย่ถงด้วยนะเพคะ" สตรีทั้งสองร่ำไห้ออกมาปานจะขาดใจ คล้ายกับไม่ได้รับความเป็นธรรม เหมยลี่เองก็ได้แต่ยืนนิ่งคล้ายกับว่าสตรีที่หญิงคณิกาเหล่านั้นกล่างถึงไม่ใช่นางแต่อย่างใด "สตรีผู้นี้ใจคอโหดเหี้ยม ลงมือทำร้ายพี่เย่ถงชนิดที่ว่าตาไม่กระพริบ ดูสิใบหน้าของพี่เย่ถงยังมีรอยเท้าของสตรีผู้นั้นติดอยู่" "รอยเท้า? " คล้ายกับว่าคำพูดที่กล่าวไปมากมายของหญิงคณิกาทั้งสองคนไม่ได้เข้าหูเขาแต่อย่างใด มีเพียงประโยคที่ว่ารอยเท้าบนใบหน้าประโยคนี้เท่านั้น ที่เขาได้แต่ฉงน และให้ความสนใจเป็นพิเศษ เพราะมันหมายถึงสตรีที่เป็นตัวต้นเหตุที่ยืนอยู่ด้านข้างเขานางนี้จะต้องยกเท้าสูงปานใด ถึงได้แตะเข้าไปที่หน้าของสตรีที่กำลังนอนสลบเหมือดอยู่บนพื้นนั้นได้ และที่สำคัญนางทำกิริยาเช่นนี้ต่อหน้าบุรุษอื่นที่ไม่ใช่เขากระนั้นหรือ แค่คิดมาถึงตรงนี้ ใบหน้าของชินอ๋องก็เต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธ แต่การแสดงออกของเขาเช่นนี้ กลับสร้างความเข้าใจผิด ให้กับหญิงคณิกาที่กำลังร้องไห้ฟูมฟายอยู่แทน พวกนางจึงได้แต่ส่งสายตาอย่างผู้ชนะขึ้นมาเยาะเย้ยเหมยลี่อย่างสาแก่ใจ เหมยลี่เองที่จ้องมองการกระทำของเขาอยู่ตลอด ก็ได้แต่คิดไปไกลว่า หญิงคณิกานางนั้น ดูจะมีน้ำหนักในพระทัยของชินอ๋องอยู่ไม่น้อย เมื่อคิดได้เช่นนั้นใบหน้าของนางจึงเต็มไปด้วยความผิดหวัง นางเชิดหน้าขึ้นพร้อมกับกล่าวออกมาเสียงดัง "เป็นข้าที่ทำร้ายนางจริง และข้าก็มีเหตุผลของตนเอง" "เจ้าอย่าได้ทำกิริยาเช่นนั้นต่อหน้าบุรุษอื่นอีก มันไม่งาม" พร้อมกับเลื่อนมือของตนเองมากุมมือของนางเอาไว้แทน เหมยลี่มองการกระทำของเกาเจี้ยนหานอย่างไม่คาดคิด เขาไม่ได้กล่าวต่อว่านางที่ทำร้ายคณิกาคนโปรดของเขา แต่เขากลับเป็นห่วงกิรยาของนาง นี่มันหมายความเช่นใดกัน ... หญิงคณิกาทั้งสองคน ล้วนแล้วแต่ทำใบหน้าไปไม่ถูก ด้วยไม่คาดคิดว่าบุรุษเช่นเกาเจี้ยนหาน จะกล่าววาจาเช่นนี้ออกมาได้ เขาค่อยๆ ดันตัวนางเพื่อจะจากไป โดยไม่ได้ให้ความสนใจกับผู้ใดอีก แต่หยางเพ่ยฉีกลับเดินมา ยืนประจันหน้าเพื่อขวางพวกเขาทั้งคู่เอาไว้ "แม่นางเหมยลี่หวังว่าพวกเราจะได้พบกันอีก" "ข้าก็หวังเช่นนั้น คุณชายหยางรักษาตัวด้วย ข้าขอลา"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD