ตอนที่ 4

1324 Words
"พ่อชิดหน้าเครียดอันใดหรือ แม่เห็นตั้งแต่เจ้าแก้วกลับมาก็เอาแต่ก้มหน้าก้มกับเอกสารนานแล้ว" "คุณแม่ไม่ต้องห่วงลูกดอก แค่ของหายจากคลังสินค้าพวกฝรั่ง" "อืม...เดี๋ยวนี้พวกต่างด้าวเข้ามาทำการค้ากับชาวสยามเยอะขึ้น มีทั้งจีน แขก ฝา-หรั่ง บ้านเมืองก็จำเริญตา ศึกสงครามก็ไม่มีแม่ก็อุ่นใจนัก ไม่เหมือนสมัยคุณยายคุณตาของเจ้า ทำศึกสงครามนานปีที่พระตะบองกว่าจะกลับบ้านกลับเรือนแม่นี่แทบลืมหน้าตาเจ้าทีเดียวเทียว" คุณหญิงน้ำทิพย์นั่งเล่าเรื่องราวสมัยที่นางเป็นเด็กให้ลูกฟัง พลางสั่งงานบ่าวไพร่เร่งมือร้อยพวงมาลัยไหว้พระตอนเย็น "แหม... นายหญิงตอนนั้นช่างน่าชังด้วยนะเจ้าคะหน้าเหมือนคุณปิ่นยังกับแฝด" "นังศรี เอ็งก็พูดไปข้าก็อายเป็นนะเล่นชมข้าต่อหน้าลูก แต่ตอนนี้ก็ยังสาวอยู่นะ" ท่านทำท่าเขินอายเล็กน้อย ตอนนี้ถึงจะอายุเข้าเลขหกแต่ยังดูสง่างามอ่อนกว่าวัยอยู่มาก "ตอนนี้พระองค์ทรงให้อิสระในการทำการค้า พวกต่างด้าวเข้าทำการค้ามากขึ้นถึงขั้นจะเปิดบริษัทการค้าเชียวนะคุณแม่ เร็วนี้อาจจะมีการทำสัญญาการค้ากันอีกหลายสัญญา" ขุนวิชิตกล่าวพลางจิบน้ำชา เขาถือว่าเป็นหนุ่มรูปงามผู้หนึ่งอายุยี่สิบเก้าปี มีหน้าที่คอยดูแลจัดเก็บค่าระวางจากเรือที่ขนส่งสินค้าที่เข้ามาในสยาม การงานก็เจริญรุ่งเรืองด้วยเป็นคนดีมีความสามารถผู้ใหญ่จึงให้การสนับสนุน จะขาดเสียแต่คู่ครองที่ยังหาคนที่เหมาะสมคควรกับเขาไม่ได้ ด้วยเขาเป็นคนหัวสมัยใหม่คุณหญิงน้ำทิพย์ท่านจึงไม่กล้าคลุมถุงชนแต่ก็มีพามาดูตัวอยู่บ้าง "แม่ก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องกระไรนักหรอกนะ เอาเถิด ขอให้สยามเรารอดปลอดภัยจากสงครามแค่นั้นก็พอแล้ว เออนี่แม่ปิ่นไปซนที่ใดล่ะหายหน้าอีกละ" "เห็นวิ่งตามไอ้แก้วไปแถวแปลงผักโน้นแน่ะ บอกว่าจะรอให้ไอ้แก้วปั้นตุ๊กตุ่นตุ๊กตากระไรนี่แหละเจ้าค่ะ" คุณหญิงน้ำทิพย์ถามหาปิ่นลูกสาวคนที่สามที่เป็นลูกหลงอายุพึ่งเจ็ดปีแต่ติดแก้วอย่างกับแฝด "มันไปปลูกผักทำไมกัน? ไอ้นี่ก็แปลกคนเหมือนจะเป็นคนขี้คร้านแต่บางทีก็ขยัน เอาแน่เอานอนกระไรไม่ได้สักอย่าง" "มันมาขอลูกปลูกผักว่าจะเอาไปขายที่ตลาด สงสัยอยากจะแต่งเมียกระมังขอรับ" ขุนวิชิตเพียงคาดเดาไปอย่างนั้น "อืม... นางแม่ค้าที่ตลาดนั่นกระมัง" คุณหญิงน้ำทิพย์นึกถึงคำพูดแก้วว่าคุยกับแม่ค้าขายผักที่ตลาด "ผู้ใดรึเจ้าคะ! งามหรือไม่ลูกเต้าเหล่าใครข้าเจ้าไม่เห็นรู้เรื่องเลย! ถ้าไม่ดีข้าเจ้าไม่ยกเจ้าแก้วให้นะ!" ป้าศรีพุ่งตัวมาถามอย่างสนใจแต่ไม่ได้รับคำตอบ "แน่ะ! ที่เช่นนี้ทำมาหวงมันปกติด่าอย่างกับมันเป็นลูกหมาเชียว" คุณหญิงน้ำทิพย์ทำรำคาญหันหน้าหนีไปทางอื่นปล่อยป้าศรีบ่นพึมพำคนเดียว ที่แปลงผักติดท่าน้ำห่างจากเรือนพระยาไชยากรเล็กน้อย แก้วขมักเขม้นพลวนดินและรดน้ำแปลงผักที่มีอยู่หลายแปลง ปกติจะมีบ่าวคนอื่นดูแลงานแต่เขาขออนุญาตปลูกผักของเขาเองห้าแปลง ใกล้ๆกันคุณหนูปิ่นลูกสาวคนเล็กของพระยาไชยากรนั่งเล่นอยู่ใต้ต้นไทรใหญ่กับพี่เลี้ยง "พี่แก้วเร็วๆสิหนูปิ่นร้อน!" เด็กหญิงหน้าตาจิ้มลิ้มเรียกหาเมื่อไม่ได้รับความสนใจ "คุณหนูจะร้อนกระไรนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ ไอ้แก้วสิร้อนแดดจะตายอยู่แล้ว!" แก้วบ่นพลางตักน้ำรดผักอย่างเร็วเอามือปาดเหงื่อที่ไหลออกมาจนผมเริ่มเปียกโชก "คุณหนูกลับขึ้นเรือนไปเถอะประเดี๋ยวแม่นายเอ็ดเอา" "ไม่เอา! หนูปิ่นจะรอพี่แก้วปั้นควายให้ คราก่อนที่พี่แก้วปั้นไก่ให้ขามันหักไปข้างหนึ่งหนูปิ่นอยากปั้นใหม่" ช่างเอาแต่ใจเสียจริงแม่คุณ... เป็นน้องเป็นนุ่งข้าจะจับตีก้นให้หลาบจำ เอ๋...ผักต้นนี้ออกใบประหลาดนักทำไมมันแหวงๆ หว่า แก้วนั่งย่องๆ ดูใบผักที่เขาซื้อเมล็ดมาจากเถ้าแก่ชาวจีน เขาเดินไปดูต้นอื่นก็เป็นเหมือนกันข้างๆ ใบเขาเห็นหนอนตัวเล็กกัดกินใบผักอย่างเอร็ดอร่อย "นี่เอ็งบังอาจมากนะที่กล้ามากินผักข้า! อยากตายมากรึ!!" แก้วหยิบหนอนออกจากผักก่อนจะบี้จนตายคามือ เขาคิดอะไรออกหยิบหนอนตัวโตสุดที่เหลือเดินย่องมาข้างหลังปิ่นที่กำลังเล่นหม้อข้าวหมอแกง "แฮ! " "กรี๊ด... หน้ากลัวจัง! " "ฮ่าๆๆๆ!" แก้วหัวเราะตัวโย่งที่ปิ่นกับบ่าวแตกกระเจิง "จะกลับขึ้นเรือนหรือจะให้บ่าวเอาหนอนใส่เข้าไปในจุก! " "ปิ่นไม่กลับ! " "ไม่กลับรึ นี่แหนะๆ ๆ! " "กรี๊ด... กลัวแล้วๆ! " ปิ่นกอดบ่าวคนสนิทแน่นน้ำตาปิ่มๆ ด้วยความกลัว "เอะอะกระไรกันเสียงดังไปทั่ว" ขุนวิชิตเดินมาตามน้องสาวกลับเรือนทองปิ่นที่กระโดดโหยงเหยงไปมา "คุณหนูปิ่นนะสิเจ้าคะ! ไม่ยอมกลับเรือนไอ้แก้วเลยเอาหนอนตัวบักเอกมาหลอกคุณหนูให้กลับเรือนเจ้าค่ะ! " "เอ็งนี่ช่างวิกลประไร เด็กอยู่ดีๆก็ทำให้ร้องให้ แล้วดูมาตากแดดเยี่ยงนี้เดี๋ยวหนูปิ่นก็เป็นลมแดดไปแทนที่จะไปเรียกคุณแม่มาตามมีรึแม่ปิ่นจะกล้าขัด" ขุนวิชิตเขกมะเหงกแก้วเพื่อลงโทษ "นังพวงพาหนูปิ่นกลับเรือน" "น้องไม่ไป!" "เดี๋ยวนี้/เดี๋ยวนี้ขอรับ/เดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ!!" แก้ว พวง ขุนวิชิตพูดพร้อมกัน ปิ่นหน้างึมบ่นตามประสาเด็ก ก่อนไปเด็กหญิงเหยียบเท้าแก้วอย่างแรงเท่าแรงมดเขาจึงแกล้งเจ็บให้เด็กหญิงดีใจเสียหน่อย ขุนวิชิตขำทั้งสองที่เล่นกัน แต่ไหนแต่ไรก็มีแต่แก้วที่คอยเล่นเป็นเพื่อนปิ่นเพราะเขาต้องทำงานอยู่ตลอดไม่ว่างเล่นด้วย ส่วนแม่วาดน้องสาวอีกคนก็ออกเรือนไปกับนายทหารหนุ่มอนาคตไกลเมื่อปีที่แล้วนานๆถึงกลับเรือนครั้ง "เอ็งคิดกระไรถึงมาปลูกผักทำครัวหึ หรือหาอยากแต่งเมีย แหม...อายุยังไม่ถึงยี่สิบจะรีบมีเมียไปทำไม" ขุนวิชิตเหล่ตาดูพยายามจับพิรุธแก้ว "ไม่ดอก เพียงอยากจะปลูกผักไปขายที่ตลาดเก็บเงินเก็บเบี้ยไว้ตามหาคุณพ่อกับแม่เท่านั้นเองขอรับ" เอ่ยถึงพ่อแม่หน้าแก้วก็เศร้าขึ้นมาทันที "อืม...ข้าเข้าใจเอ็ง ข้าก็จะหาข่าวช่วยอีกแรง แต่นี่ก็หลายปีแล้วไม่ทราบปานนี้เป็นเช่นไรกัน เลิกเศร้าได้แล้ว วันพรุ่งเอ็งไปกับข้าจะไปหาของฝากบ้านโน้นจะมีงานใหญ่" "งานคุณหนูบัวรึขอรับ" แก้วนึกถึงใบหน้าหญิงสาว "เอ็งรู้? อืม...งานเลี้ยงต้อนรับ แลคุณหนูบัวจะหมั้นหมายกับหมื่นพิพัฒน์ เห็นว่าสมกันยิ่งนัก ข้าก็ไม่รู้สมกันเยี่ยงไรคนหนึ่งหน้าตางดงามปานนางในวัง อีกคนก็รูปชั่วตัวดำข้าเห็นขัดตานัก" ขุณวิชิตวิจารณ์รูปร่างหมื่นพิพัฒน์เกินความเป็นจริงด้วยไม่ค่อยชอบนิสัยใจคอชายหนุ่ม แก้วพอได้ยินว่าคุณหนูบัวจะหมั้นหมายก็ใจหายแวบ พึ่งจะเห็นหน้ากันสองครั้งก็จะจากกันเสียแล้ว เขายอมรับว่าเขารู้สึกชอบบัวตั้งแต่แรกเห็น ก็ได้แต่ทำใจด้วยฐานะที่แตกต่างกันราวฟ้ากับก้อนดิน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD