โป๊ก!!
"โอ้ย!!"
"นังคนนี้ ดูสิเดินอย่างไรให้ชนเสา ตื่นก็สายต้องให้ปลุกทุกวันช่างหน้าระอานัก"
บัวเดินหาวไปตามทางทำหูทวนลมที่โดนตำนิ เช้านี้เมี่ยงปลุกบัวให้ตื่นไปใส่บาตรที่ท่าน้ำเช่นทุกวัน หล่อนแอบชำเลืองมองไปทางเขตบ้านพระยาไชยากร มองบ่าวไพร่ดูแลพืชผักสวนครัวที่ปลูกใกล้ท่าน้ำ เห็นม่วงที่กำลังขุดดินอยู่ไกลหล่อนจำได้ทันทีว่าเป็นคนที่เจอกันวันที่แก้วจมน้ำจึงคิดหาทางจะเข้าไปถามชายหนุ่มเพราะอยากทราบอาการของแก้ว
"คุณยายเจ้าคะ ขึ้นเรือนไปก่อนบัวจะไปเก็บดอกไม้ที่แปลง เมี่ยงเอ็งไม่ต้องตาม เอ็งขึ้นไปเตรียมแจกันข้าจะจัดหอนอนใหม่"
เพราะเมี่ยงปากมากบัวจึงเรียกยอดที่กวาดใบไม้อยู่ใกล้ๆให้ช่วยถือตระกล้าตามมา หล่อนแสร้งเก็บดอกไม้ก่อนจะแอบเดินไปหาม่วงเอ่ยถามชื่อชายหนุ่ม
"บะ บ่าวหรือชื่อม่วงขอรับมีกระไรหรือขอรับ"
"เออ...ข้าเพียงอยากถามว่านายแก้วที่จมน้ำเมื่อสองวันที่แล้วหายดีหรือยัง" ม่วงแอบยิ้ม
"ยังมีไข้อ่อนๆ ท่านขุนให้ต้มยาสมุนไพรสูตรของคนจีนให้มันกิน วันพรุ่งคงวิ่งได้กระมังไอ้นี่มันแรงควายไม่เป็นกระไรง่ายดอก คุณหนูอย่าได้ห่วงเลยขอรับ"
ตั้งแต่วันเกิดเรื่องหล่อนก็เฝ้าแต่เป็นห่วงชายหนุ่มว่าจะป่วยหนักเป็นอะไรไปหรือไม่ กว่าจะรวบรวมความกล้าถามม่วงก็คิดแล้วคิดอีก
"พวกมึงจับมันไว้เร็วเข้า! ให้กินยาต้มแค่นี้จะตายห่า! โตเท่าควายยังจะให้ป้อนยาอีก!!"
"โธ่ป้าศรี! ข้าไม่เป็นกระไรแล้วให้ไปเลี้ยงควายอีแชะกลางทุ่งยังได้!"
เสียงแก้วกับป้าศรีทะเลาะกันเสียงดังแว่วมาแต่ไกล บัวได้ยินแค่นั้นก็ยิ้มออกจึงกลับไปเก็บดอกไม้ต่อ ก่อนไปไม่ลืมกำชับม่วงห้ามบอกใครว่าหล่อนมาถามอาการแก้ว
"ขอบน้ำใจแม่ทิพย์มากนักที่มาช่วยฉันเตรียมงาน ถ้าให้ฉันทำคนเดียวเห็นทีจะไม่ไหว แม่พุดซ้อนลูกสาวก็ป่วยไม่สบายพึ่งหายสายๆ โน้นหน้าจะมาถึง พ่อสันหรือก็ติดงานราชการที่หัวเมืองแลลูกสาวพึ่งจักคลอดเหลนให้ฉันได้เดือนเดียว เมียเขาต้องดูแลเหลน ส่วนแม่บัวก็เงอะๆงะๆ เอาแต่เล่นซนไปวันๆช่วยงานกระไรยังมิได้"
คุณหญิงประยงค์กับคุณหญิงน้ำทิพย์ คุณยิ้มและบรรดามิตรสหายช่วยกันเตรียมงานบุญบ้านที่ใกล้จะมาถึงอย่างสนุกสนาน บัวเดินขึ้นเรือนมาเห็นแขกผู้ใหญ่ก็ยกมือไหว้อย่างสวยงามด้วยกลัวโดนตำนิ
"ไหว้พระเถอะแม่บัว แหม...คุณพี่ก็พูดไปเรื่อย ดูสิทั้งหน้าตากิริยามารยาทก็งดงามอีฉันละเสียดาย นี่ถ้ามิได้เป็นคู่หมายกับหมื่นพิพัฒน์ละก็อีฉันคงจะขอหมั้นหมายให้พ่อยศลูกชายอีฉันแล้วล่ะเจ้าค่ะ"
คุณยิ้มเอ่ยชมบัวอย่างประจบด้วยนางนั้นแต่ไหนแต่ไรชอบคบค้าสมาคมกับคนมีฐานะ บัวแอบเบ้ปากขอตัวเข้าบอกจะไปลองเครื่องประดับ หล่อนไม่อยากดูพวกผู้ใหญ่ที่ชอบสวมหัวโขนเข้าหากัน วันๆถ้าไม่อวดลูกหลานก็นินทาบ้านนั้นบ้านนี้ไปเรื่อย หล่อนมองนกที่บินผ่านหน้าต่างให้นึกอิจฉาที่มันมีอิสระในการใช้ชีวิตผิดกับหล่อนเหลือเกิน ตอนนี้นึกอยากกลับบ้านที่ปากน้ำโพจับจิตเพราะไม่ว่าหล่อนจะทำอะไรพ่อหล่อนก็ไม่เคยขัดข้อง อีกทั้งยังเป็นหน่วยกล้าตายออกหน้ารับแทนหล่อนที่เล่นซนทุกที
"ไอ้แก้วหายดีแล้วหรือถึงมาวิ่งเล่นได้ ข้าก็นึกว่าเอ็งจะเข้าโลงเสียแล้ว"
"ข้าไม่ตายง่ายดอกเว้ยหนังเหนียว ว่าแต่เอ็งเฮอะไอ้เผือก พร้อมที่จะโดนไอ้โชคข้าตีสลบยัง"
"ปากเก่งนะ เจอไก่มอญหน่อยเป็นไรครานี้ไอ้เขียวข้าเอาลูกชายเอ็งตายแน่"
เผือกสหายคนสนิทของแก้ว หนุ่มผิวเข้มรูปร่างสูงใหญ่เปลือยถ่อนบน เขาเป็นชาวบ้านสะพานปลายคลองบางรัก ในอดีตนั้นแม่ของเผือกเคยขายตัวเป็นทาสในปกครองของพระยาไชยากรก่อนที่พ่อของเขาจะไถ่ถอนแม่ของเขาแล้วย้ายไปอยู่กินด้วยกัน ครอบครัวของเผือกยังคงเทียวไปมาหาสู่พระยาไชยากรด้วยสำนึกในบุญคุณของท่าน เผือกให้น้ำไก่มอญตัวใหญ่สวยงามถูกต้องตามลักษณะไก่ชนสายพันธ์ุดีพร้อมควักเงินเดิมพัน
"เหม็นขี้ฟันเอ็งว่ะไอ้เผือก เร็วเลยประเดี๋ยวข้าจะต้องไปรอท่านขุนที่ร้านเถ้าแก่เซ่ง"
แก้วพอหายดีก็แอบหนีป้าศรีที่เอาแต่จะให้กินยา เขาจึงอุ้มไก่มาชนที่ท้ายตลาดรอขุนวิชิตที่ตรวจงานอยู่ที่โกงดังสินค้าริมแม่น้ำเจ้าพระยา เนื่องจากวันนี้มีเรือสินค้าเข้ามาก ขุนวิชิตสั่งให้แก้วมาสอดส่องดูผู้คนเห็นใครมีพิรุธให้รีบรายงาน ช่วงนี้ของชอบหายออกจากโกดังเก็บสินค้าจึงต้องตรวจคนหนักเป็นพิเศษ แก้วอยู่ชนไก่อย่างสนุกสนานผลัดกันแพ้ชนะอยู่หลายครั้งจนไอ้โชคชนะไก่มอญได้เดิมพันอยู่มาก เผือกนับเหรียญหน้าบอกบุญไม่รับต่างจากแก้วที่ยิ้มแฉ่งลูบหัวไอ้โชคลูกรัก
"เดี๋ยวคราหน้าข้าแก้ตัวใหม่ ไอ้เงินตรานี่ก็นับอยากจังไม่รู้จะเปลี่ยนทำห่ากระไรใช้เบี้ยอัฐก็ดีอยู่แล้ว"
"ข้าว่าดีออก ไม่หนักถุงดีประเดี๋ยวขุนหลวงท่านจะออกเงินกระดาษมาให้ใช้อีก ติดแต่ไอ้เครื่องผลิตเงินกระดาษมันมีน้อยอาจจะช้าเสียหน่อย เอ็งต้องหัดไว้นายข้าว่าเงินนี้จะเป็นตัวกลางให้เราแลกเปลี่ยนกับพวกต่างด้าวง่ายขึ้น เร็ว! อย่าพูดมากข้ารีบ"
"เอากระดาษทำเงินกูตกน้ำทีไม่เปื่อยยุ่ยหมดตัวหรือวะ"
แก้วทวงเงินเผือกสายตาก็ส่ายส่องมองดูผู้คนที่เดินเข้าออกลานชนไก่ เขาเห็นชายหนุ่มหุ่นท่วมหน้าตาดีแต่ไม่เป็นมิตรกับผู้คนท่าทางภูมิฐานเดินมากับยศหลานชายพระยาไชยากร แก้วทำทีมองไม่เห็นด้วยว่ายศกับเขานั้นไม่ถูกกัน เขามักจะโดนยศหาเรื่องอยู่เป็นประจำเพราะเจ้านายในเรือนต่างเอ็นดูเขา ยกเว้นคุณยิ้มแม่ชายหนุ่มที่ชังเขาอย่างกับไส้เดือนกิ้งกือก็ไม่ปาน
"ท่านหมื่นลมกระไรหอบมาถึงนี่ได้ขอรับ"
คนคุมลานชนไก่รีบเดินไปหาท่าทางประจบ เขานั่งลงที่เก้าอี้สำหรับเจ้านายอย่างวางท่าที ส่วนยศอาสาอุ้มไก่ชนตัวเก่งให้
"ไม่มีกระไรดอกเพียงข้าได้ไก่พม่าตัวใหม่มาเลยอยากมาประลองดูสักยก เอ็งจัดคู่เด็ดให้ข้าได้หรือไม่"
"ท่านหมื่นพิพัฒน์ แลว่าจะไม่มีตัวไหนจะเหมาะสมกับไก่ของท่านดอก ไก่คนมีบุญผู้ใดจะไปสู่ได้ขอรับ"
พอถูกยอหมื่นพิพัฒน์ก็หัวเราะชอบใจ เขาหันไปเห็นแก้วที่กำลังย่องออกจากลานก็เรียกให้หยุด
"เฮ้ยเอ็งน่ะ! เอาไก่เอ็งมาดวนกับไก่ข้าทีซิ"
ยศเห็นแก้วก็ส่งสายตาเหยียดหยามไม่เป็นมิตร
"เออไม่ได้หรอกขอรับ ไอ้โชคพึ่งจะตีเสร็จแลกระผมมีกิจต้องทำ" เขาปฏิเสธ
"วะ! มึงกล้าขัดพี่หมื่นกูหรือไอ้แก้ว! มึงจะกำเริบใหญ่แล้วหนา!"
ยศออกตัวแทนหมื่นพิพัฒน์พลางชี้หน้า ปกติเขาเป็นคนไม่ชอบมีเรื่องจึงแสร้งตอบเสียงอ่อนน้อม แต่หน้าตาดูจะสวนทางกับน้ำเสียง เขามองทั้งสองคนหน้าเรียบเฉย
"กระผมมิกล้าดอก... แต่ท่านขุนวิชิตที่กำลังตรวจงานอยู่โกดังริมน้ำรออยู่ ถ้าคุณยศอยากประลองคุณก็ไปขอท่านขุนพี่คุณยศเองเถิด"
แก้วอ้างชื่อขุนวิชิต ยศพอได้ยินชื่อก็ไม่อยากมีเรื่องเพราะยังถูกคาดโทษที่แกล้งขัดขาแก้วจนตกบันไดหัวแตกเมื่อต้นปี ยศจึงหันไปปรึกษาหมื่นพิพัฒน์เลยปล่อยแก้วไปโดยดี แต่ไม่วายข่มขู่แก้วเพราะเริ่มไม่ถูกชะตากับเขาซะแล้ว
"มึงอย่ามาให้กูเห็นหน้าอีกหน่าไอ้ชาติไพร่ มิเช่นนั้นมึงเจอดีแน่"
หมื่นพิพัฒน์ชี้หน้าคาดโทษแก้วแต่เขาก็ไม่รู้สึกกลัวเพียงแต่ไม่อยากมีเรื่องให้เจ้านายลำบากใจ เขาจำชื่อหมื่นพิพัฒน์ผู้นี้ได้ว่าเป็นคู่หมั้นบัว จากการบอกเล่าของขุนชิวิตชายผู้นี้ขึ้นเป็นคนนิสัยเกเร คุยโวโอ้อวดเหมือนกับยศถึงคบหากันได้ แก้วไม่อยากเสียเวลากับคนเช่นนี้เดินอุ้มไก่ผ่านหน้าทั้งสองโดยไม่ก้มหัวให้ เผือกที่ยืนดูถึงกับเหงื่อแตกรีบวิ่งตามแก้วไป
"เกือบโดนตีนไหมล่ะ มึงนี่ก็นะเขาเป็นเจ้าเป็นนายก็หัดตีสองหน้าบ้างสิวะไม่ใช่ไปพูดจาวอนส้นตีนเช่นนั้น ไอ้ห่านี่!"
เผือกผลักหัวแก้วเตือนสติ ทั้งสองรีบไปร้านเถ้าแก่เซ่งชาวจีนที่ขายของจิปาฐะและน้ำชา
"ข้าวสารหนึ่งถังราคาเท่าไหร่เถ้าแก่"
"สี่สลึงอาย้อย"
"หนึ่งบาทเชียวรึทำไมแพงจัง!"
"อั๊วก็รับมาอีกที พวกลื้อจะไม่ให้อั๊วมีกำลงกำไลลืองาย แล้วปีนี้ก็แล้งนักไม่เช่นนั้นลื้อก็พายเรือไปซื้อที่ปากน้ำเองเซ"
"เออๆ ข้าก็บ่นไปงั้นแหละเอาถังหนึ่ง ถ้าที่นาข้าไม่โดนหลวงสุรศักดิ์ยึดก็คงไม่ลำบากเช่นนี้"
แก้วช่วยเถ้าแก่เซ่งยกข้าวใส่รถเข็นขนาดเล็กของหญิงชาวบ้านหันหน้าไปเจอกับแตงอ่อนที่กำลังจะกลับที่บ้านพอดี หล่อนเห็นแก้วก็ตรงเข้ามาคุยอย่างแนบชิดรักใคร่
"พี่แก้วจ๋าข้าละคิดถึงพี่นัก เราสองมิได้เจอกันตั้งหลายวันแตงอ่อนพึ่งกลับจากบ้านญาติที่หงสารามพึ่งจะมาถึงได้ครึ่งชั่วยาม ข้าได้ข่าวว่าพี่จมน้ำพี่เป็นอย่างไรบ้างจ้ะ"
แตงอ่อนพลิกดูตามตัวแก้วว่าได้รับบาดเจ็บมากน้อยหรือไม่
"ข้าไม่เป็นกระไรดอกแตงอ่อน ได้พี่ม่วงช่วยไว้"
"แล้วพี่กินอะไรมาหรือยัง พี่อยากกินอะไรบอกแตงอ่อนได้นะวันนี้พ่อไม่อยู่เราสองจะได้คุยกันนานๆ"
แตงอ่อนพูดพลางถึงเนื้อถึงตัวอย่างไม่อายใครเห็นด้วยความรักที่มีต่อชายหนุ่ม อาหมวยลูกสาวเถ่าแก่เซ่งที่พึ่งลงจากเรือนมาเห็นก็ไม่พอใจรีบดึงแตงอ่อนออกห่าง ด้วยว่าหล่อนนั้นก็ชอบพอแก้วเหมือนกัน
"นี่นังแตงอ่อนอั๊วบอกลื๊อหลายครั้งแล้วว่าอย่ามายุ่งกับเฮียแก้วของอั๊ว! ลื๊อนี่ไม่จำสักทีสงสัยอยากโดนตี!"
"อ้าวนังหมวยพูดอย่างนี้ก็สวยสิวะ! ข้ากับพี่แก้วเราสองคนรักกันเอ็งนั่นแหละอย่ามายุ่ง! นี่ถ้าไม่ติดพ่อท่าน ข้าตบแต่งกับพี่แก้วไปนานแล้ว!"
แตงอ่อนกับหมวยยืนเถียงกันโดยมีแก้วกับเผือกกั้นกลางอย่างรำคาญหู สองคนนี้เจอกันเมื่อไหร่เป็นต้องได้เรื่อง
"ลื๊อนั่นแหละซี้ซั้ว! อาเฮียแก้วเขาเป็นของอั๊ว! เตี่ย... อั๊วจะแต่งกับเฮียแก้วเตี่ยไปขอเฮียแก้วกับท่านให้อั๊วด้วย!"
หมวยเอ่ยปากขอแก้วกับพ่อตรง ๆ
"ได้เลยอาหมวย ถ้าเป็นอาแก้วให้เสียค่าดองไปขอเท่าไหรอั๊วก็ยอม"
เถ้าแก่เซ่งสนับสนุนลูกสาวเพราะชอบใจแก้วที่เคยมาช่วยงานขนของบ้างเวลามาเที่ยวเล่น ไม่เหมือนคนอื่นที่เผิกเฉยต่อคนแก่ สองสาวทะเลาะกันไปมาก็ลงมือตบตีกันข้าวของกระจัดกระจายจนแก้วต้องเป็นกรรมการห้ามมวยทั้งยังโดนลูกหลงถูกพวกนางตบ ชาวบ้านร้านตลาดที่ผ่านไปมาก็มามุงดูรวมทั้งบัวกับบ่าวคนสนิท หล่อนยืนเลือกสมุนไพรขัดผิวอยู่ร้านใกล้ๆ เห็นแก้วตั้งแต่เดินเข้ามาในร้านจนกระทั้งสองสาวตบตีกันก็นึกรังเกียจแก้วขึ้นมาทันทีที่ทำให้ผู้หญิงมาทะเลาะกันเอง ด้วยว่าหล่อนเกลียดคนเจ้าชู้ที่สุดด้วยพี่ชายของหล่อนนั้นมีภรรยาหลายคน จึงทำให้พี่สะไภ้เสียใจบ่อยครั้งที่ต้องแบ่งเวลาให้บรรดาบ้านเล็กบ้านน้อย
"ผู้ชายสองใจ นึกว่าจะเป็นคนดีเสียอีก..."
บัวชวนเมี่ยงเดินหนี แต่เมี่ยงไม่ยอมไปยืนดูอย่างสอดรู้สอดเห็น ยังไม่ทันรู้แพ้ชนะขุนวิชิตได้เข้ามาห้ามทัพเสียก่อน ทั้งสองเลิกตบกันด้วยความเกรงใจแต่มิวายส่งสายตาฟาดฟันกัน
"เอาล่ะไอ้แก้ว ตกลงเอ็งรักชอบผู้ใดเอ็งก็พูดมาตรงนี้แหละให้รู้เรื่องไปเลย นังสองคนนี้จะได้ไม่ทะเลาะกันให้ชาวบ้านเขาเดือดร้อน"
ขุนวิชิตถามตรงๆ ด้วยไม่ใช่ครั้งแรกที่สองสาวตบตีกัน ขุนวิชิตให้แก้วเลือก ถ้าแก้วเลือกใครเขาจะสู่ขอให้เสียเลย ถึงอายุจะยังน้อยเพียงสิบแปดปีแต่ก็โตพอจะมีครอบครัวได้แล้ว
"เออ... คือ... เออ... กระผมเลือกไม่ได้ขอรับ"
แก้วกระอักกระอวนใจนัก
“อ้าวไอ้นี่พูดกระไรของเอ็งวะ! เอ็งชอบนังคนไหนก็บอกมา! อีกคนจะได้ตัดใจเสีย ทะเลาะกันเยี่ยงนี้เกรงใจพ่อแม่พวกนางบ้าง"
แก้วลังเลใจ แต่ก่อนเขาคิดว่าชอบแตงอ่อนเพราะนิสัยดีชอบช่วยเหลือเขา หน้าตาหล่อนก็สะสวยกว่าใครในละเเวกนั้น เขากับหนุ่มๆหลายคนแข่งกันเกี้ยวจนแตงอ่อนเลือกเขา แต่พอสนิทกันมากเข้าเขากลับไม่รู้สึกชอบแตงอ่อนเหมือนคนรัก กลับคิดเหมือนน้องสาวคนหนึ่งเท่านั้น ส่วนหมวยก็น่ารักนิสัยดีและพ่อนางก็ชอบเขา แต่เขาชอบเหมือนน้องสาวเช่นกัน ตอนนี้ความรู้สึกเขานั้นไม่เหมือนเดิม
ทุกคนมองแก้วเป็นตาเดียวรอคำตอบ
"แตงอ่อนกับอาหมวยต่างก็เป็นคนดีทั้งคู่... กระผมก็ชอบทั้งคู่แต่ความรู้สึกกระผมมันไม่รู้สึกรักชอบแบบชู้สาว... แต่คิดกับทั้งสองเหมือนน้องสาวขอรับ ให้บ่าวเลือกคนใดคนหนึ่งไม่ได้จริงๆ"
แก้วลำบากใจกลัวสองสาวจะเสียใจ แต่ต้องพูดให้ชัดเจน
"พี่แก้ว... พี่พูดเช่นนี้กับข้าได้เยี่ยงไร... ถ้าพี่ไม่ชอบแล้วมาเกี้ยวข้าทำไม... คนใจร้าย!"
แตงอ่อนตบหน้าแก้วฉาดหนึ่งก่อนจะวิ่งหนีไป ส่วนหมวยก็เช่นกัน หล่อนกอดพ่อแน่นด้วยความเสียใจ แก้วขอโทษหล่อนเถ้าแก่เซ่งได้แต่ปลอบลูกสาว
"เอาน่าอย่าร้องไห้ไปเลยอาหมวย... วันนี้ไม่ชอบวันข้างหน้าไม่แน่ ลื้ออย่าพึ่งท้อสิคนดีๆ อย่างอาแก้วหาอยากนะ"
เถ้าแก่เซ่งยังหวังในตัวแก้วด้วยเป็นคนดูโหงวเฮ้งเป็น นายแก้วผู้นี้จะได้ดีภายหน้าถ้าได้ดองกันเขากับลูกสาวก็จะอยู่ในแผ่นดินสยามได้อย่างสบาย
บัวส่ายหน้าสมเพสแก้วเดินหนีออกมา อีกทั้งยังสงสารสองสาวที่แก้วไม่ใยดี
"หึ เสียแรงช่วยน่าจะให้เป็นผีเฝ้าคลอง เป็นพวกเจ้าชู้ประตูดินทำแม่หญิงเสียใจถึงสอง ข้าล่ะสงสารสองคนนั้นนักที่ตบตีกันแย่งไอ้บ่าวไม่ได้ความเช่นนั้น"
"ใช่เจ้าค่ะ ไอ้บ่าวนั่นเสน่ห์แรงไม่เบานอกจากสองคนนี้ก็เคยเกี้ยวแม่หญิงอื่นไปทั่ว เมี่ยงได้ยินคนเขาลือกันเจ้าค่ะ คุณหนูอย่าไปยุ่งกับมันนะเจ้าคะประเดี๋ยวมันจะลามปามเอา"
เมี่ยงพูดเสริมเติมแต่งตามประสาคนพูดมาก ทั้งสองเร่งซื้อของเพราะออกมานานแล้ว ที่เรือนนางตอนนี้คงกำลังวุ่นวายจัดงานบุญกันถ้าหายหน้าไปนานเดี๋ยวจะโดนบ่นอีก
"พี่ยอดแวะไหว้พระที่วัดคอกกระบือ (วัดยานนาวา) ประเดี๋ยวหนึ่งค่อยกลับเรือน"
บัวสั่งแล้วรอเมี่ยงขนของขึ้นเรือ ขุนวิชิตกับแก้วเดินทางมาที่เรือของตนที่จอดติดกัน แก้วเดินนวดหน้าเบาๆเจ็บที่โดนตบหน้า เขาเห็นบัวก็เอ่ยทักรู้สึกดีใจที่ได้เจอกันอยากจะขอบคุณหล่อนที่ช่วยชีวิต
"คุณหนูบัวมาตลาดหรือขอรับ"
"อือ... ก็เห็นอยู่มิใช่หรือจะถามไปไย!"
บัวตอบเสียงห้วน หันหน้าไปไหว้ขุนวิชิตที่เป็นผู้ใหญ่กว่า แก้วพยายามจะขอบคุณที่ช่วยเหลือเขาคราวก่อนแต่บัวก็ทำไม่สนใจ
"ข้าช่วยเพราะกลัวมีคนมาตายที่คลอง ไม่ได้คิดกระไรขนาดหมูหมากาไก่ยังช่วยด้วยนี่คนเหมือนกันไม่ต้องขอบน้ำใจดอก แลเจ้าเป็นแค่บ่าวอย่าได้เอ่ยทักข้าเช่นนี้อีก ผู้ใดเห็นเข้าจะนินทาให้เสื่อมเสียว่าข้าไฝ่ต่ำเสวนาไม่เลือกคน หวังว่าเจ้าจะเข้าใจ"
บัวพูดเสียงอันเบาตัดรอน เหตุการณ์ในวันนี้ทำให้หล่อนนึกรังเกียจแก้ว หล่อนรีบเดินขึ้นเรือแต่ด้วยเดินไม่ระวังจึงซวนเซตกคลองยอดคว้าหล่อนไว้ไม่ทัน แก้วเห็นเช่นนั้นก็รีบลงไปช่วยโดยลืมว่าบัวนั้นว่ายน้ำเป็น เขาดึงบัวขึ้นฝั่งด้วยไม่ระวังตัวมือจึงไปโดนน่าอกหญิงสาวอย่างไม่ได้ตั้งใจ หล่อนโกรธมากนึกว่าแก้วฉวยโอกาสจึงตบหน้าเข้าฉาดหนึ่งอย่างแรงซ้ำรอยของแตงอ่อน
"ไอ้ๆๆลามก! เจ้าชู้ยังไม่พอยังกล้ามาลวนลามข้าอีก! ไอ้บ้า!!"
แก้วขอโทษ เขามึนงงเจอบัวทุกครั้งบัวก็มีท่าทีดีกับเขาอยู่ แต่วันนี้กับร้ายกับเขานักอีกทั้งยังทำท่าทางรังเกียจผิดจากครั้งก่อน
"กระผมเพียงอยากช่วยแลไม่เคยคิดร้ายต่อคุณหนู ขอโทษแล้วกันแต่นี้บ่าวจะไม่มากวนใจคุณหนูอีก"
แก้วขอโทษบัวที่ตัวเปียกไปหมด ขุนวิชิตปลดผ้าคาดเอวให้หล่อนคลุมตัวด้วยผ้าหล่อนพอโดนน้ำแล้วบางนักพร้อมแก้ตัวให้แก้วทันทีว่าเขายืนอยู่ตรงนี้ใครจะกล้าลวนลามหล่อน แตงอ่อนที่ได้สติดีแล้วก็ตามมาอยากปรับความเข้าใจกับแก้ว
"พี่แก้วแตงอ่อนขอโทษนะพี่ที่ตบไปเมื่อตะกี้ ฉันมิได้ตั้งใจ พี่...เรากลับมาดีกันนะพี่ไม่รักฉันมิเป็นไรฉันรักพี่คนเดียวก็พอ... นะพี่นะดีกันนะ..."
บัวมองอย่างระอา นางคนนี่ก็แปลกช่างชอบคนไม่ได้ความ
"แต่ข้ามิได้รักเอ็ง อย่าเสียเวลาเลยข้าขอโทษละกันที่ข้าทำให้เอ็งเข้าใจผิด"
แตงอ่อนชักสีหน้าใส่
"ทำไมล่ะ! หรือนังหมวยนั่น! ไม่สิพี่มีคนอื่นใช่หรือไม่หรือแม่หญิงคนนี้! จริงสิข้าเห็นพี่กับนางคราก่อน คงใช่สินะ! แหมๆๆเป็นถึงลูกชาติลูกนายไม่คิดว่าจะมีนิสัยชอบแย่งของคนอื่น หน้าไม่อาย!"
แตงอ่อนคิดเองเออเองไม่ฟังใครด้วยปกติถ้าหล่อนชอบพอกับใครจะหึงหวงมากและเป็นคนที่ปากกับใจตรงกันสุดๆ คิดอย่างไรก็พูดอย่างนั้น
"อ้าวอีหน้าวอกนี่! เอ็งมาด่านายหญิงข้าได้เยี่ยงไรอยากโดนกะลาตบปากแตกหรือเอ็ง!! ออกห่างนายข้าเสียอย่าหาว่าข้าไม่เตือน!!"
เมี่ยงปกป้องบัว ชี้หน้าแตงอ่อนที่กล้าว่าเจ้านายของตน
"พอเถอะเมี่ยง! "
บัวหันไปทางแก้วและแตงอ่อน
"ข้าจะบอกให้นะนังแม่ค้า... ไอ้นี่เป็นแค่ขี้ข้าคนหนึ่งอย่างข้าหรือจะมาคบหา ข้าคงไม่ทำตัวไฝ่ต่ำแย่งของผู้อื่นเช่นนั้นดอก เอ็งก็เหมือนกันคงจะรู้ที่ต่ำที่สูงแลหวังว่าที่ช่วยข้าวันนี้คงจะหายกันกับคราก่อนละกัน"
บัวพูดเสียงแข็ง น้ำเสียงบอกว่ารังเกียจนักแก้วรู้สึกเจ็บใจแบบแปลกๆกับคำพูดของหล่อน สายตาที่ดูห่วงใยตอนที่ช่วยชีวิตเขาไว้ตอนนี้เหลือแต่ความเกลียดชัง
"เข้าใจขอรับ... บ่าวน่ะเจียมตัวอยู่แล้วคุณหนูไม่ต้องมาสอนดอก หึ... แม่หญิงอย่างคุณหนูไอ้แก้วไม่สนใจดอก ช่างเด็กและเล็กนัก"
แก้วทำหน้าตากวนประสาท บัวชี้หน้าจะด่าแก้วที่หาว่าหล่อนเป็นเด็กและน่าอกเล็ก แต่เมี่ยงก็ปิดปากบัวก่อนสั่งให้ยอดพี่ชายพายเรือกลับทันทีโดยไม่ทันลาขุนวิชิตที่ยืนดูเงียบๆ ตลอดทางบัวคิดแต่เรื่องที่แก้วมาโดนตัวแถมยังกล้าว่าหล่อนอีกจนให้นึกว่าเขาแกล้งจมน้ำเพื่อหลอกลวนลามหล่อนหรือไม่ ส่วนแก้วก็โกรธที่บัวต่อว่าตนนึกเสียดายความรู้สึกดีๆที่มีให้แก่หล่อน
มันคงเป็นอารมณ์ชั่ววูบสินะ ก็เขาไม่เคยเจอใครงามเท่าหล่อนมาก่อนก็ต้องรู้สึกดีเป็นธรรมดานั่นแหละ
"แม่หญิงกระไรปากคมเสียยิ่งกว่ากรรไกร ปากนี่รองๆป้าศรีเลยว่าได้ ข้าล่ะเสียดายที่นึกชอบนางยิ่งนัก ก็อย่างว่าแหละไอ้แก้ว เอ็งเป็นเพียงบ่าวเขาเป็นนายช่างไม่เจียมกะลาหัวโดนว่าแค่นี้ยังน้อยเป็นไป"
แก้วบ่นคนเดียวที่โดนหล่อนว่า
"เจ้าพระคู๊ณ! ขออย่าให้ข้าได้เจอกับไอ้แก้วไอ้บ่าวสามหาวอีกเลยเจ้าค่ะ! คนกระไรผีเจาะปากมาพูด!"
บัวยกมือท่วมหัว เมี่ยงกับยอดดูจะมึนงงว่าบัวไปรู้จักมักคุ้นแก้วตอนไหนถึงได้กล้ามีปากเสียงกันเช่นนั้น
ขุนวิชิตกับม่วงมองหน้ากันอย่างมีเล่ห์นัย เขาพอจะดูออกว่าแก้วชอบบัวไม่น้อย ทีแรกดีใจที่เจอหล่อนพอตอนนี้กลับเสียใจที่โดนว่า อาการเช่นนี้หนุ่มสาวกำลังนิยิมกัน
"แก้วเอ็งเจอนางกี่ครั้งแล้วตอบมาตามจริง"
"ก็... หนึ่ง สอง สาม สี่ครั้งได้ขอรับ ทำไมหรือ"
"ตอนเด็กเอ็งเคยเจอนางจำได้หรือไม่"
แก้วส่ายหน้ามึนงงกับคำถามขุนวิชิต
"ก็ไม่แปลกความจำเอ็งหายเมื่อครั้งตกเรือน"
ขุนวิชิตไม่พูดอะไรมากรีบลงเรือเตรียมกลับบ้านเช่นกัน แก้วเคยเจอบัวตอนเด็กแต่เมื่อครั้งอายุได้สิบปีโดนยศรังแกจนเขาตกเรือนความทรงจำบางส่วนของเขาจึงหายไป
"เสน่ห์แรงนักนะไอ้แก้ว แหม...มีหญิงตั้งสามคนมาแย่งกันในวันเดียว ท่านขุนยังทำไม่ได้นะเอ็ง" ม่วงแอบแย่
"แก้วเอ้ย... เป็นกำพร้าก็เศร้าพอแล้ว อย่าได้มีเรื่องทำร้ายจิตใจเอ็งกว่านี้เลย..."
ขุนวิชิตพึมพำอยู่คนเดียวด้วยสีหน้าเป็นกังวลใจ ถ้าคนขอเขาชอบบัวจริงก็หน้าสงสาร เขามองแก้วที่พายเรือหน้าตาบอกบุญไม่รับ
บัวกระทืบเท้าเดินขึ้นเรือนเสียงดังปึงปังจนพุ่มที่นั่งอ่านหนังสือไม่พอใจที่โดนรบกวน
"กลับมาแล้วหรือเจ้าบัว แอบไปเล่นน้ำที่ใดมาอีกล่ะ บอกหลายรอบไม่จำเลยสินะ"
"น้องเดินไม่ระวังเลยตกเรือขอไปผลัดผ้าก่อน"
บัวเดินเข้าห้องของตนปิดประตูเสียงดังลั่นเล่นเอาบ่าวสะดุ้งกันเป็นแถว พุ่มเลยถามเมี่ยงว่าเกิดอะไรขึ้น เมี่ยงเล่าเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบให้พุ่มฟังพอดีกับบัวที่เดินมาได้ยินเข้า
"ปากมากไปแล้วนังเมี่ยงเอ็งนี่! ข้าสั่งกระไรไม่เคยทำตามเดี๋ยวเหอะ!"
บัวยืนกอดอกมองค้อนบ่าวที่รีบหลบด้านหลังพี่ชาย หล่อนปล่อยผมยาวที่เกล้าไว้อย่างรำคาญคิดว่าจะทำผมปีกสั้นเสียดีไหม
"พรุ่งนี้ก็ถึงวันที่ผู้ใหญ่จะมาดูตัวเจ้าแล้วนะแม่บัว" พุ่มเตือน ไม่นานน้องสาวคนนี้ต้องออกเรือนไปกับคนที่เหมาะสมคู่ควร
"พี่พุ่ม... ช่วยน้องด้วยสิ น้องไม่อยากหมั้นกับไอ้หมื่นสุกรกระไรนั่น เห็นว่าตอนเด็กอ้วนยังกับหมู่ในเล้า นะๆท่านพี่... "
บัวเขย่าแขนพี่ชายคนโตขอความช่วยเหลือ ทำหน้าออดอ้อน
"เออ... พี่เองก็อยากช่วยแต่จะทำเช่นไรล่ะ ข้าล่ะจนปัญญา เจ้าคุณตาสัญญากับทางนั้นไว้แล้วว่าจะยกเจ้าให้หัวหมื่น ไม่ปีนี้ก็ปีหน้าคงให้ออกเรือน คำสัญญาคนแก่แก้ยากนักถึงตายก็มิอาจผิดคำพูดได้"
พุ่มคิดหนักด้วยห่วงน้องสาวอยากให้ออกเรือนกับคนที่ดีกว่านี้ด้วยรู้จักนิสัยที่เคยร่วมงานกันมาจึงรู้ว่าหมื่นพิพัฒน์เป็นคนอย่างไร มีแต่ผู้ใหญ่นี่ที่หลับหูหลับตาไม่ฟังความใครทั้งนั้น เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ตามด้วยบัวกับเมี่ยงที่ถอนหายใจตามติดๆ ดูถ้าชีวิตวัยแตกเนื้อสาวของบัวจะหมดลงเร็ววัน
"กลับมาแล้วหรือแม่บัว ยายบอกแล้วจะออกไปนอกบ้านให้มีผู้ใหญ่ไปด้วยเดี๋ยวมันไม่งาม"
"เมี่ยงกับพี่ยอดก็ไปเจ้าค่ะ"
"เถียงฉอดๆ อายุมิใช่น้อยแล้วหนาปากนี่เถียงยังกับนางตลาดเดี๋ยวเถอะ!"
คุณหญิงประยงค์ไม่พอใจที่หล่อนชอบเถียงท่านทุกคำ บัวอ้าปากจะพูดอีกแต่พุ่มเอาพัดยัดใส่ปากให้คาบไว้ด้วยรำคาญสองยายหลาน
"ถุย!"
"แม่บัว!!"
"ก็คุณพี่!"
"หุบปาก! นั่งให้เรียบร้อย! ข้าละเสียใจนักที่ให้เจ้าไปอยู่ที่ปากน้ำโพกิริยาถึงสามหาวเช่นนี้ น่าจะเอามาสอนเองแต่เด็ก ดูพี่เจ้าสิไม่มีต่อปากสักคำ"
ท่านมองค้อนไม่พอใจ หันไปสั่งบ่าวให้ยกพานใส่ดอกมะลิมาให้ท่านดู
"อืม... งามอยู่พวกเอ็งจัดการให้เรียบร้อยละกัน อีสายเอ็งไปเตรียมอาหารคาวหวานไว้ประเดี๋ยวพวกผู้ใหญ่บ้านโน้นจะมาช่วยงานจะได้มีของกินเล่น"